xs
xsm
sm
md
lg

หมอเตือน "ไข้หวัดใหญ่" ตัวนำร่องโรคแทรกซ้อน "คนแก่" ทั้งหัวใจวาย-สโตรก แนะวัคซีนโดสสูงช่วยลดเสี่ยง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แพทย์เตือน "โรคไข้หวัดใหญ่" ตัวนำร่องก่อโรคแทรกซ้อนรุนแรง ทั้งปอดอักเสบ หัวใจวาย กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน โรคหลอดเลือดสมอง อาจถึงขั้นเสียชีวิต ห่วง "สูงอายุ" เป็นกลุ่มเสี่ยง แนะฉีดวัคซีนป้องกัน มีขนาดโดสสูงช่วยลดการติดเชื้อ ลดนอน รพ. ลดอาการรุนแรง และลดเสียชีวิตสูงกว่าโดสมาตรฐาน

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ เปิดเผยว่า ปี 2566 พอเข้าสู่ฤดูฝน จะเริ่มเห็นการระบาดของไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นกว่า 3 ปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ในช่วงโควิด 19 ครองโลก ทำให้ผู้คนเก็บตัวในบ้าน ระมัดระวังด้านสุขอนามัย โอกาสแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่ก็น้อยลง บวกกับในช่วงนั้นประชาชนห่างหายจากการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ทำให้ร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกัน แต่ไวรัสไข้หวัดใหญ่ยังหมุนเวียนอยู่อย่างเบาบาง พอสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 เริ่มกลับสู่สภาวะปกติ ทำให้พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่มากขึ้นอย่างชัดเจน โดยอัตราคนที่เป็นไข้หวัดแล้วมา รพ. ตรวจพบว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ประมาณ 15%

"โรคไข้หวัดใหญ่ส่วนใหญ่มักจะก่อโรคในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ โดยปีหนึ่งๆ เด็ก 100 คนจะติดเชื้อและมีอาการเจ็บป่วยจากโรคไข้หวัดใหญ่ 20-25% ผู้ใหญ่อยู่ที่ 10% ปัจจัยสำคัญของการระบาดนอกจากฤดูฝนที่ทำให้เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีชีวิตอยู่นาน อีกเรื่องก็คือโรงเรียนเปิด เด็กนักเรียนจะติดต่อส่งเชื้อให้กัน อาจพาเชื้อไปสู่คนในครอบครัว โดยเฉพาะผู้สูงอายุในบ้าน ซึ่งมีโอกาสที่โรคจะรุนแรง ถึงขั้นต้องนอน รพ.หรือเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวต่างๆ โดยผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่อาการรุนแรงที่นอน ICU พบเสียชีวิตอยู่ที่ 10%" รศ. (พิเศษ) นพ.ทวีกล่าว

รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวว่า ไข้หวัดใหญ่เป็นตัวนำร่อง เป็นเชื้อโรคที่ก่อโรคทางเดินหายใจ ก่อโรครุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้บ้างแต่ไม่มาก แต่ตัวที่มาซ้ำเติม ส่วนใหญ่เป็นเชื้อแบคทีเรียที่เกาะในลำคอจะมีอันตรายมากกว่า ทำให้โรครุนแรงมากขึ้น โดยเวลาที่เป็นไข้หวัดใหญ่ทำให้เส้นทางเดินหายใจที่ลงไปที่ปอดมีการติดเชื้อและอักเสบ เหมือนทางเดินขรุขระ เชื้อแบคทีเรียที่เกาะอยู่ที่คอก็จะไต่ลงไปที่ปอด เกิดภาวะปอดอักเสบถึงขั้นเสียชีวิตได้ หรืออาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสโลหิต ทำให้เกิดเป็นลิ่มเลือดเล็กๆ น้อยๆ อยู่ตามที่ต่างๆ ทำให้โรคหัวใจรุนแรงขึ้น หรือหากไปอุดตันตามเส้นเลือดของสมอง ก็ทำให้เป็นโรคหลอดเลือดสมอง (stroke) หรือเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ได้

"ไข้หวัดใหญ่ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของโรคและอาจมีโรคแทรกซ้อนทำให้รุนแรงขึ้นหลายชนิด โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่เป็นโรคประจำตัว ทำให้คนที่เป็นโรคหัวใจอาจจะมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน มีภาวะหัวใจวาย หรือคนชรามากๆ ทำให้เลือดไปเลี้ยงช้า มีภาวะหลอดเลือดอุดตันได้ จึงเป็นที่มาของอันตรายจากโรคของหลอดเลือดที่ไปหัวใจและสมองได้" รศ. (พิเศษ) นพ.ทวีกล่าว

รศ. (พิเศษ) นพ.ทวีกล่าวว่า กลุ่มผู้สูงอายุอาจเรียกว่า ‘กลุ่มเสี่ยงตาย’ เพราะมีโอกาสเสียชีวิตสูงกว่ากลุ่มอายุอื่นๆ เพราะหากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่แล้ว โรคแทรกซ้อนที่อาจจะตามมาและทำให้เกิดความรุนแรงสูงเป็นอันดับหนึ่ง คือ ‘ปอดอักเสบ’ ตามมาด้วย โรคหัวใจวาย โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน และโรคหลอดเลือดสมอง (stroke) ประชาชนจึงควรป้องกันไม่ให้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ซึ่งการป้องกันตามธรรมชาติอาจจะป้องกันได้บ้างแต่ยาก เนื่องจากไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อที่สามารถแพร่เชื้อได้ก่อนที่จะแสดงอาการ ฉะนั้นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดและคุ้มค่าทางการแพทย์ โดยมีการศึกษามาอย่างยาวนาน ก็คือ ‘วัคซีน’ ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันสามารถจัดการกับโรค มีประสิทธิภาพและความปลอดภัย ปัจจุบัน ประเทศไทยมีวัคซีนไข้หวัดใหญ่  2 ประเภท ได้แก่ 1.วัคซีนไข้หวัดใหญ่ขนาดมาตรฐาน (Standard Dose) มีทั้งชนิด 3 สายพันธุ์ และชนิด 4 สายพันธุ์ สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป จนถึงผู้สูงอายุ ขนาด 15 ไมโครกรัมต่อ 1 สายพันธุ์ต่อโดส และ 2.วัคซีนไข้หวัดใหญ่ขนาดสูง (High Dose) สำหรับผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ทั้งที่มีร่างกายปกติและมีโรคประจำตัว มีเฉพาะชนิด 4 สายพันธุ์เท่านั้น ขนาด 60 ไมโครกรัมต่อ 1 สายพันธุ์ต่อโดส

"ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มที่มีร่างกายอ่อนแอ ตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนต่ำ จากการศึกษาการฉีดวัคซีนขนาดมาตรฐานพบว่า บางรายสร้างภูมิคุ้มกันไม่ค่อยดี ไม่เหมือนกับช่วงอายุอื่น จึงมีการศึกษาพัฒนาเพิ่มขนาดของตัวยาในแต่ละสายพันธุ์ เป็น 60 ไมโครกรัมต่อ 1 สายพันธุ์ ผลการวิจัยพบว่าสามารถลดการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดที่มีอาการได้สูงกว่าชนิดที่เป็นมาตรฐาน ร้อยละ 24 และลดการนอน รพ.และปอดอักเสบได้สูงกว่าร้อยละ 64.4 ลดการเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ได้สูงกว่าร้อยละ 48.9 แต่อาจพบผลข้างเคียงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อาจมีอาการปวดบริเวณที่ฉีดมากกว่า โดยวัคซีนขนาดสูงได้ใช้อยู่ในยุโรป อเมริกา มานานมากกว่า 10 ปี และใช้มากกว่า 200 ล้านโดสแล้ว" รศ. (พิเศษ) นพ.ทวีกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น