ศาล ปค.กลาง ตีตกอีก 2 คำฟ้องกรมควบคุมมลพิษขอรื้อพิจารณาคดีค่าโง่คลองด่านใหม่ ชี้ ไม่อยู่ในหลักเกณท์ ข้ออ้างเอกชน-จนท.รัฐ ร่วมทุจริตไม่ใช่หลักฐานใหม่ ที่ทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วเปลี่ยนแปลง
วันนี้ (11 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับคำขอของกรมควบคุมมลพิษ จำนวน 2 ฉบับ ที่ขอให้พิจารณาคดีจ่ายค่าโง่บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านใหม่ โดยคดีนี้เนื่องจากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ยกคำขอพิจารณาคดีใหม่ของกรมควบคุมมลพิษในคดีหมายเลขดำที่อ 241-242/2561 หมายเลขแดงที่ อ.139-140 /2565 และให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการลงวันที่ 12 ม.ค. 54 ที่ให้กรมควบคุมมลพิษชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยและคืนหนังสือค้ำประกันให้แก่บริษัทวิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด และพวกรวม 6 ราย กรมควบคุมมลพิษจึงได้ยื่นคำขอพิจารณาคดีใหม่ โดยอ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8064/2560 ที่วินิจฉัยว่า เอกชนบางรายมีความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงด้วยการหลอกลวงให้กรมควบคุมมลพิษ เข้าทำสัญญาโครงการฯ อันเป็นพยานหลักฐานใหม่ และคำพิพากษาคดีอาญาดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาซึ่งถึงที่สุดดังกล่าว การที่ศาลปกครองสูงสุดไม่ได้นำข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในคดีอาญาตามคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีฉ้อโกงมาพิจารณา จึงเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงผิดพลาดและไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย ถือว่ามีข้อบกพร่องสำคัญในกระบวนพิจารณาพิพากษาคดีของศาลปกครองสูงสุดที่ทำให้ผลของคดีไม่มีความยุติธรรม
ส่วนเหตุผลที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำขอพิจารณาคดีใหม่ ระบุว่า เมื่อพิจารณาคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด โดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัย ในคดีหมายเลขดำที่อ 241-242/2561 หมายเลขแดงที่ อ.139-140 /2565 แล้วเห็นว่า คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ อม.2/2551 และคำพิพากษาศาลแขวงดุสิตที่ 3501/2552 กรมควบคุมมลพิษได้เสนอข้อเท็จจริงดังกล่าวมาแต่แรกในชั้นพิจารณาคดีครั้งก่อน แม้ต่อมาในคดีอาญาของศาลแขวงดุสิตดังกล่าว ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8064/2560 กลับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แต่ก็เป็นเพียงผลแห่งคดีที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและคำพิพากษาศาลแขวงดุสิตที่กรมควบคุมมลพิษ กล่าวอ้างและเสนอไว้ในคดีก่อนแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีของศาลแขวงดุสิตที่กรมควบคุมมลพิษ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอกชนผู้ดำเนินโครงการ บางรายเป็นจำเลย ซึ่งมีประเด็นวินิจฉัยเกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงในการทำสัญญาโครงการฯ ย่อมแสดงว่ากรมควบคุมมลพิษ ต้องมีพยานหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวอ้างว่า สัญญาเกิดขึ้นจากการร่วมกันทุจริตทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มเอกชนอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่นำเสนอเข้ามาในชั้นอนุญาโตตุลาการหรือในการยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการต่อศาลปกครอง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8064/2560 จึงไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไป ข้ออ้างของกรมควบคุมมลพิษ ดังกล่าวเป็นเพียงความเห็นที่แตกต่างไปจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำวินิจฉัยไว้และเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลปกครองสูงสุดเท่านั้น
อีกทั้งในการพิจารณาคดีปกครองไม่มีบทบัญญัติใดในกฎหมายที่กำหนดให้ศาลปกครองต้องนำข้อเท็จจริงในคดีอาญามาประกอบคำวินิจฉัยคดีปกครอง และคดีปกครองก็มิใช่คดีแพ่งที่จะต้องรับฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญาตามมาตรา 46 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยศาลปกครองสูงสุดมีดุลพินิจที่จะรับฟังพยานหลักฐานเพื่อใช้ในการพิจารณาพิพากษาคดี ข้ออ้างของกรมควบคุมมลพิษ ที่ว่าศาลปกครองสูงสุดไม่นำข้อเท็จจริงในคดีฉ้อโกงตามคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวมาพิจารณา จึงมีลักษณะเป็นการโต้แย้งการใช้ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลปกครองสูงสุด มิใช่กรณีที่มีข้อบกพร่องสำคัญในกระบวนพิจารณาพิพากษาที่ทำให้ ผลของคดีไม่มีความยุติธรรม คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของกรมควบคุมมลพิษจึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองใหม่ตามมาตรา75 วรรคหนึ่ง (3) พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2522
ส่วนคำขอพิจารณาคดีใหม่อีกหนึ่งฉบับที่กรมควบคุมมลพิษ ยื่นต่อศาลปกครองกลาง ลงวันที่ 2 มิ.ย. 65 เห็นว่าขณะยื่น มีคำขอพิจารณาคดีใหม่ของ กรมควบคุมมลพิษฉบับ ลงวันที่ 15 มี.ค. 65 อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล โดยคำขอพิจารณาคดีใหม่ฉบับลงวันที่ 2 มิ.ย. 65 มีเนื้อหา ข้ออ้าง คำขอขังคับเป็นเรื่องเดียวกับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ฉบับลงวันที่ 15 มี.ค. จึงเป็นการฟ้องซ้อนต้องห้ามมิให้ศาลรับไว้พิจารณาตามข้อ 36 (1)แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2543 ศาลปกครองกลางจึงมีคำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ ฉบับลงวันที่ 15 มี.ค. 65 และลงวันที่ 2 มิ.ย. 65 ของกรมควบคุมมลพิษไว้พิจารณา และให้สำนักงานหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีต่อไปเมื่อได้รับคำสั่งนี้จากศาล ทั้งนี้ตามที่ศาลปกครองได้มีคำพิพากษาโดยให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 50/2546 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 2/2554 ลงวันที่ 12 ม.ค. 54