กมธ.พัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา รับเรื่องร้องเรียน “เศรษฐา” ไว้ตรวจสอบแล้ว เตรียมขอเอกสารจากกรมที่ดิน ยัน ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย พร้อมเร่งสรุปควรกระจ่างก่อนโหวตนายกฯ ด้าน “เสรี” เผย กมธ.ห่วงสถานการณ์ม็อบ เตรียมจัดสัมมนา 1 ก.ย.นี้ ระดมทุกฝ่ายแสดงความเห็น หาเจ้าภาพเร่งแก้ปัญหาบานปลาย
เมื่อเวลา 12.45 น. นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เผยภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นให้ตรวจสอบคุณสมบัติ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ว่า ต้นเรื่องมาจากนายเรืองไกรที่ได้ให้ข้อมูล กมธ. วันนี้จึงนำมาพิจารณาในที่ประชุม โดยเสนอให้ตรวจสอบเอกสาร สัญญาซื้อขาย ความเห็นของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นทาง กมธ. ได้รับเรื่องไว้ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง และบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ทั้งนี้ กมธ. ได้ทำหนังสือแจ้งขอเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งโฉนดที่ดิน สัญญาซื้อขาย หลักฐานการโอนที่ดิน เอกสารคนซื้อคนขาย โดยขอไปที่กรมที่ดิน และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากทางแสนสิริอ้างว่าทำถูกต้อง กมธ.ฯก็จะดูข้อโต้แย้งด้วย โดยจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า จะใช้กรอบระยะเวลาในการพิจารณาเท่าไหร่ นายเสรี กล่าวว่า เราประชุมสัปดาห์ละครั้ง ส่วนจะจบในสัปดาห์หรือไม่ ต้องขอดูข้อมูลก่อน โดยจะพยายามเร่งให้เสร็จ เพราะควรจบให้ทุกอย่างกระจ่างก่อนเลือกนายกฯ เพื่อที่หากมีเหตุต้องนำมาตัดสินใจก็จะเป็นข้อมูล เนื่องจากคนเป็นนายกฯต้องมีความชัดเจนว่าต้องซื่อสัตย์ เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย ไม่มีข้อด่างพร้อย แต่ถ้าสุดท้ายแล้ว กมธ. พิจารณาไม่เสร็จ ก็ไม่เกี่ยวกับการเลื่อนโหวตนายกฯ เพราะการกำหนดวันประชุมรัฐสภาเป็นเรื่องของประธาน
เมื่อถามว่า หากพบว่า ไม่ผิดจะโหวตให้หรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ถ้าไม่ผิดก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธ
เมื่อถามว่า นายเศรษฐาเคยประกาศว่าจะแก้ไขมาตรา 112 ช่วงการหาเสียงจะนำมาพิจารณาด้วยหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า การเคยวางแนวทางไว้ช่วงหาเสียงเป็นคำถามที่ต้องหาคำตอบ การพูดวันนั้นไม่ใช่นโยบายพรรค แต่เป็นข้อเสนอของคนที่สนับสนุนพรรค คนที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการเสนอชื่อจริงควรมาแสดงวิสัยทัศน์ ตอบข้อซักถามในสภาเพื่อประโยชน์ของบุคคลที่ถูกกล่าวหา ก็น่าจะเป็นสิ่งดีเพื่อการตัดสินใจ
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยควรเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกฯหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า อยู่ที่พรรคเพื่อไทยจะตัดสินใจเอง ซึ่งเปลี่ยนชื่อได้จนถึงเวลาที่จะขอเสียงในที่ประชุม พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อไว้ 3 คน โอกาสก็เกิดขึ้นได้หมด
เมื่อถามว่า กมธ. ได้ประเมินกรณีที่พรรคเพื่อไทย กับ พรรคภูมิใจไทย แถลงจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ที่ประชุมมีการประเมินกัน เพราะการตั้งรัฐบาลครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ ว่าแต่ละพรรคนำคะแนนที่ได้มายันกันไปมา ไม่มีคะแนนเด็ดขาดจริงๆ การเลือกคนมาเป็นนายกฯไม่ง่าย เพราะมีเงื่อนไขข้อรังเกียจของแต่ละพรรค หรือแม้แต่การนำเสนอนโยบาย คุณสมบัติความเหมาะคนเป็นนายกฯ จึงเป็นความยากในการได้มาซึ่งนายกฯ แต่ก็คาดหวังให้ลุล่วงไป ซึ่งขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองว่าคะแนนเสียงที่จะได้รับจะมาจากทางใดบ้าง เพราะไม่ใช่เฉพาะสส. แต่สว.ก็เป็นคะแนนสำคัญด้วย แต่ละพรรคต้องกำหนดทิศทางให้ดีจะได้ราบรื่น อย่าคาดเดาคะแนนเสียง แต่ควรเป็นคะแนนเสียงอย่างแท้จริง การเสนอนายกฯจะไม่ขัดแย้ง และเดินไปได้โดยเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า กมธ. ประเมินสถานการณ์การเมืองด้วยหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า มีการวิเคราะห์สถานการที่เกิดขึ้นว่าแต่ละพรรคต้องทำความเข้าใจมวลชนให้ดี เพราะถ้าออกมาหลายฝ่ายก็จะไม่สงบ ใครสนิทกับใครให้ไปทำความเข้าใจพูดคุยกัน เพื่อลดสถานการณ์ ที่สำคัญควรยอมรับการตัดสินใจของพรรคการเมือง ถ้ายังกดดัน เอามวลชนไปเรียกร้องก็ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ยอมรับเสียงประชาชนแบบที่พูดกัน ฉะนั้น ต้องยอมรับการรวมเสียงแต่ละพรรรค ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะยุ่ง
“กมธ. เห็นถึงปัญหาสถานการณ์ปรากฏในปัจจุบัน ที่มีการแสดงออกของกลุ่มคนเชิงก้าวร้าวรุนแรง โดยไม่มีใครแก้ปัญหารับผิดชอบ กมธ. จึงจัดสัมมนาในวันที่ 1 ก.ย.นี้ ที่รัฐสภา โดยจะเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาเสนอความเห็น เช่น ตัวแทนรัฐบาล ศาลยุติธรรม อัยการสูงสุด ตำรวจ นักวิชาการ สื่อมวลชน ตัวแทนพรรคการเมือง และผู้ชุมนุม เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาว่าทำอย่างไรจะลดปัญหาการกระทำรุนแรงก้าวร้าว โดยให้ความสำคัญเรื่องทำความเข้าใจเป็นอันดับแรก รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายที่จริงจัง ไม่เช่นนั้น จะเกิดความไม่เคารพคนอื่น ไม่เกรงกลัวกฎหมาย บ้านเมืองตอนนี้ต้องการเจ้าภาพเพื่อมารับผิดชอบในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง” นายเสรี กล่าว