xs
xsm
sm
md
lg

สูตรใหม่ผสมข้ามขั้ว ภท.-พปชร.ตัวยืน!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อนุทิน ชาญวีรกูล  - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ - ภูมิธรรม เวชยชัย
เมืองไทย 360 องศา

หลังจากพรรคเพื่อไทยได้ “ฉีกเอ็มโอยู” กับพรรคก้าวไกล ที่เหมือนกับว่า “ฝืนธรรมชาติ” มานานนับเดือน จนนาทีนี้ เหมือนกับว่า ได้ “ปลดล็อก” และสามารถเคลื่อนไหวอย่างอิสระ รวมไปถึงได้แสดงตัวตนออกมาให้เห็นได้ชัดๆ เสียที และเมื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยพิจารณาจากความเคลื่อนไหว ก็ทำให้มองเห็นว่ากำลังเดินหน้าเต็มตัว

ตรงกันข้ามกับพรรคก้าวไกล ที่เมื่อถูก “สลัด” ออกไป ทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขากำลัง “ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางมหาสมุทร” ยังไงยังงั้นเลย เพราะด้วยเหตุผลจากแนวทางการเมืองที่ “ล็อกตัวเอง” เอาไว้แน่น และเหมือนถูกครอบงำจากภายนอกเพื่อรอเวลาให้กับ “บางคน” ได้กลับมา ทำให้ทุกอย่างหยุดอยู่กับที่ เพราะหากพิจารณากันตามความเป็นจริงก็ต้องไม่ลืมว่า เวลานี้พรรคก้าวไกลยังเป็นพรรคอันดับหนึ่งมีเสียงมากที่สุดในสภา คือ มี ส.ส.มากถึง 151 เสียง มากกว่าเพื่อไทยที่มี 141 เสียง ยังสามารถรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลแข่งกันได้และเป็นไปตามธรรมชาติสากล ที่พรรคอันดับหนึ่งกับพรรคอันดับสอง จะแข่งกันตั้งรัฐบาล แต่กลายเป็นว่า ด้วยนโยบายบางเรื่อง ดึงดันแบบ “ไม่ดูตาม้าตาเรือ” และมีแนวทางแบบ “ไม่มีเพื่อน” หรือ “เพื่อนไม่คบ” ทำให้ต้องกลายเป็นฝ่ายค้านในแบบไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ไม่กี่วัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตของพรรค ก็ต้องได้เป็นนายกฯ ได้เป็นรัฐบาลไปแล้ว

แม้ว่า ที่ผ่านมา เมื่อเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และเป็นแคนดิเดตนายกฯเพียงหนึ่งเดียว และถูกคว่ำไปแล้ว ก็ยังสามารถรวบรวมเสียงจากพรรคอื่นได้อีก โดยอาจหนุนแคนดิเดตจากพรรคอื่นขึ้นมาแทนก็ได้ แต่ด้วยสาเหตุเพื่อนไม่คบ หรือไม่มีเพื่อนนี่แหละ รวมไปถึงความ “อ่อนด้อย” ที่มีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียว จึงทำให้ยิ่งอับจนมากขึ้นไปอีก

เพราะเมื่อหันมาพิจารณาอีกด้านหนึ่ง ทางฝั่งพรรคเพื่อไทยเมื่อปลดล็อกสลัดทิ้งก้าวไกลออกไปได้ การตั้งรัฐบาลของพวกเขาก็เดินหน้าอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุด วันที่ 3 สิงหาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์หลังจากมีการแจ้งยกเลิกการแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ในเวลา 15:00 น. โดยยืนยันว่า ตอนนี้มีเสียงเพียงพอในการจัดรัฐบาลแล้ว

เขากล่าวว่า วันนี้ศาลธรรมนูญเลื่อนการพิจารณาไปเป็นวันที่ 16 สิงหาคม จึงมีการเลื่อนวาระการเลือกนายกฯไป พรรคเพื่อไทย จึงเลื่อนการแถลงข่าวการจัดตั้งรัฐบาลออกไปด้วยเช่นเดียวกัน โดยยืนยันว่า ตอนนี้มีเสียงเพียงพอในการจัดรัฐบาลแล้ว แต่เมื่อเลื่อนไป ก็มีเวลาทำงานมากขึ้น การแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่ายยิ่งได้มากก็ยิ่งดี

“ตอนนี้รวบรวมเสียงจากพรรคร่วมเดิม และพรรคการเมืองจากอีกขั้วได้จำ นวนหนึ่งและต้องมีเสียง ส.ว.อีก เพราะวันนี้เราอยู่ใต้วิกฤตการณ์รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ซึ่งกำหนดเงื่อนไขว่า ต้องได้เสียงเกิน 375 เสียง เพราะฉะนั้นเสียง ส.ส. อยากให้ได้มั่นคงมากที่สุด เพราะจะทำ ให้เกิดรัฐบาลที่มั่นคง และมีประสิทธิภาพสามารถบริหารทิศทางการทำงานทั้งหมดได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น”

นายภูมิธรรม กล่าวถึงกระแสข่าวที่่พรรคเพื่อไทย ไม่ง้อเสียงจากพรรคก้าวไกล ว่า ไม่ใช่ประเด็น ในการประชุมกันของคณะเจรจา เมื่อถอนตัวจาก MOU แล้ว ถือว่าทุกฝ่ายเป็นอิสระต่อกัน ส่วนพรรคก้าวไกลจะโหวตให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่ก็นับว่าเป็นเอกสิทธิ์ตอนนี้ต้องสร้างมิติใหม่ทางการเมืองซึ่งเราสมารถทำงานทางการเมืองร่วมกันเพื่อประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนได้อะไรที่เป็นประโยชน์ก็ยินดีสนับสนุน ถ้ารัฐธรรมนูญที่จะปลดล็อกปัญหาของประเทศก็ต้องสนัสนุนร่วมกันเพราะเป็นการช่วยเหลือประเทศ รวมถึงกฎหมายอื่นๆ ที่อยู่ในเอ็มโอยูเราก็สนับสนุนอยู่แล้ว ยกเว้นประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เราไม่เห็นด้วย

“หากจะเดินหน้าไปได้ประเทศต้องปรองดอง การฟังทุกความคิดของทุกพรรคการเมืองของทุกกลุ่ม ที่มีตัวแทนเลือกเข้ามาอยู่แล้ว เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดถ้าเป็นรัฐบาลที่ขึ้นมาจากความหลากหลาย ก็จะได้รับความยอมรับ อยู่ที่ว่าพรรคไหน ร่วมกันอย่างไร หรือสังคมเห็นอย่างไร สิ่งนั้นจะเป็นคำตอบ” นายภูมิธรรม กล่าว

ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประธานรัฐสภาเลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีออกไปก่อน เพื่อรอฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ประเด็นการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซ้ำ ว่า ทางประธานรัฐสภาคงอยากให้ทุกอย่างมีความชัดเจน จะได้ไม่ต้องมีปัญหาในภายภาคหน้า จึงสั่งการให้มีการเลื่อนญัตติการเลือกนายกฯไปก่อน

ถามว่า ก่อนจะมีการเลื่อนโหวตนายกฯ ทาง ภท.ได้มีการถูกทาบทามร่วมรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย (พท.) อย่างเป็นทางการ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรามีการนัดพูดคุยกัน แต่ยังไม่ได้ทราบว่าจะคุยแล้วผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร แต่เมื่อมีการเลื่อนโหวตนายกฯ ที่นัดเอาไว้บ่าย วันนี้ (3 ส.ค.) จึงมีการยกเลิกนัดแล้วเลื่อนออกไปก่อน โดยทาง พท.ได้โทรศัพท์ประสานงานเพื่อแจ้งว่าที่นัดกันไว้นั้นขอเลื่อนออกไปก่อน

เมื่อถามว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าการโหวตนายกฯจะเกิดความไม่ราบรื่น อีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกคนอยากให้มีความชัดเจน พอมีการยื่นไปที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความในเรื่องต่างๆ เพื่อความชัดเจน เขาจึงอยากให้มีการชี้ขาดออกมาเสียก่อน ที่จะดำ เนินการใดๆ ต่อไป

ถามย้ำว่า ขณะนี้มีการเผยแพร่คลิปที่นายเศรษฐา เคยระบุตอนหาเสียงว่า จะแก้ไขมาตรา 112 ออกมาเช่นกัน นายอนุทิน กล่าวว่า คงต้องฟังนายเศรษฐา และ พท.ชี้แจง สิ่งนี้ตนไม่อยากให้ผู้สื่อข่าวไปจี้ไปไชอะไรมากนัก เพราะเวลาหาเสียง บางทีการพูดอะไรก็เป็นไปตามสถานการณ์ในห้วงเวลานั้นๆ

เมื่อถามว่า ภท.มีเงื่อนไขหรือไม่ว่า ก่อนจะตกลงเข้าร่วมรัฐบาลกับใครแคนดิเดตนายกฯของพรรคนั้นๆ จะต้องมีหลักประกันว่าได้เสียงถึง 375 เสียง นายอนุทิน กล่าวว่า ตรงนั้นเป็นหลักประกันไม่ได้ใครจะมาประกันได้ทุกคนต้องช่วยๆ กัน ภท.มีเงื่อนไขหลักตามที่แถลงการณ์ของพรรคไปแล้ว

ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์ว่า ถ้าไม่มีพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ ก็จะฝ่าด่าน ส.ว.ได้ยาก นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นสิทธิของพรรคที่เป็นแกนนำ ที่จะต้องไปเคลียร์และไปทำความเข้าใจ ซึ่ง ส.ว.บอกมาเหมือนกันว่าคราวที่แล้วที่ ส.ว.ไม่สามารถโหวตให้ได้เพราะอะไร รวมถึงเหตุผลที่เป็นกังวลของ ส.ว.ได้ถูกแก้ไขแล้ว ดังนั้น ก็ต้องเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

เมื่อประเมินสถานการณ์จากคำพูดของทั้ง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเป็นแกนสำคัญในการเจรจาตั้งรัฐบาล แสดงความมั่นใจว่า สามารถรวบรวมเสียงเพียงพอสำหรับตั้งรัฐบาลแล้วซึ่งหากให้เดาความหมายก็คงหมายถึง มีเสียงข้างมากเกิน 251 เสียงในสภาผู้แทนฯไปแล้ว ส่วนจะเกินไปกี่เสียง ค่อยมาว่ากัน ขณะเดียวกันก็ต้องไปขอเสียงสนับสนุนจากส.ว.ซึ่งเป็นด่านสำ คัญให้ได้ครบ 375 เสียง

อย่างไรก็ดี สำหรับเสียงของ ส.ว.นั้น หลายคนมองว่า มันก็ขึ้นอยู่กับว่าจะมีพรรคใดเข้าร่วมรัฐบาลบ้างแน่นอนว่าในเวลานี้กำลังจับตามองว่าจะมีพรรคพลังประชารัฐเข้าร่วมหรือไม่ รวมไปถึงพรรครวมไทยสร้างชาติแต่หากมองถึงความเป็นไปได้มากที่สุด ก็น่าจะเป็นพลังประชารัฐมากกว่า อย่างน้อยก็มีหลักประกันเรื่องของเสียง ส.ว.ได้เป็นกอบเป็นกำ

แต่แน่นอนว่า พรรคที่เป็น “ตัวยืน” ที่จะถูกดึงมาร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ก็คือ พรรคภูมิใจไทย ซึ่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ก็เปิดเผยเดิมมีการนัดหมายพูดคุยกันในบ่ายวันที่ 3 สิงหาคม แต่ก็ต้องเลื่อนออกไปจากกรณีศาลรัฐธรรมนูญ เลื่อนนัดพิจารณาคำร้องเรื่องการเสนอญัตติซ้ำ อย่างไรก็ดี เมื่อมองเห็นปฏิกิริยาของทั้งคู่ คือ ทั้ง นายภูมิธรรม และ นายอนุทิน ที่มั่นใจเรื่องเสียงสนับสนุนเพียงพอ รวมไปถึง ส.ว. มันก็มองเห็นถึงโฉมหน้ารัฐบาลผสมชุดใหม่แบบ “ผสมข้ามขั้ว” กันเรียบร้อยแล้ว นั่นคือ มี เพื่อไทย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ผสมกับบางพรรคใน 8 พรรคเดิม แบบนี้ก็ผ่านฉลุย อยู่แล้ว!!



กำลังโหลดความคิดเห็น