xs
xsm
sm
md
lg

งานเข้า "ณพ ณรงค์เดช"-แม่ยาย "คุณหญิงกอแก้ว" แพ้คดี "นพพร" ฟ้องโกงค่าหุ้น "วินด์เอนเนอร์ยี่" ชดใช้ 3หมื่นล้าน ยังจะไม่จบอยู่แค่นี้!?? **เปิดสูตรรัฐบาล 265 เสียง ที่ไม่มีทั้งก้าวไกล และ 2 ลุง ผ่านหรือไม่ ถามใจส.ว.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว


**งานเข้า "ณพ ณรงค์เดช"-แม่ยาย "คุณหญิงกอแก้ว" แพ้คดี "นพพร" ฟ้องโกงค่าหุ้น "วินด์เอนเนอร์ยี่" ชดใช้ 3หมื่นล้าน ยังจะไม่จบอยู่แค่นี้!??


กรณีพิพาทการซื้อขายหุ้น "วินด์ เอนเนอร์ยี่" หรือ WEH ที่ทำโรงไฟฟ้าพลังงานลม อดีตธุรกิจดาวรุ่งมูลค่าหลายหมื่นล้านเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเปิดฉากมาตั้งแต่ปี 2557 มีคดีฟ้องร้องกันอีรุงตุงนัง หลายต่อหลายคดี ยืดเยื้อยาวนานเป็นมหากาพย์

มาวันนี้เป็นทีของ "นพพร ศุภพิพัฒน์" ผู้ก่อตั้งบริษัท และผู้ต้องหาคดี 112 ที่หลบหนีไปอยู่ฝรั่งเศส เมื่อศาลอังกฤษตัดสินให้ชนะคดี ที่กล่าวหา"ณพ ณรงค์เดช" ผู้ที่มารับเซ้งหุ้นต่อ และพวกรวม 14 คน ร่วมกันชักจูงใจด้วยข้อมูลลวงให้ขายหุ้น WEH ต้องจ่ายเงินกว่า 3 หมื่นล้านบาท ให้กับเขา

มีรายงานว่า เบื้องหลังกว่าคดีจะมีข้อยุติ และตัดสินออกมาไม่ง่าย โดยผู้พิพากษาคดีนี้ของศาลอังกฤษ หมายเหตุไว้ว่า “แม้ภาระหนักหน่วงที่ศาล และทนายความได้รับจากคดีนี้ รวมทั้งความกดดันที่ถาโถมใส่ การพิจารณาคดีดำเนินไปได้อย่างมีชั้นเชิง และมีอารมณ์ขัน ซึ่งจบได้ในเวลา 20 สัปดาห์ ที่ตั้งไว้ ซึ่งทุกคนสมควรได้รับคำชม”

คดีนี้ “นพพร” ฟ้อง “ณพ ณรงค์เดช” และ พวกรวม 17 ราย ซึ่งนอกจาก ณพ ใน13 รายที่ตกเป็นจำเลยร่วมนี้มีชื่อของ “เกษม ณรงค์เดช” บิดาของณพ “คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา” แม่ยาย ซึ่งเป็นภรรยาของพล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ผู้ล่วงลับ

นอกจากนี้ยังมี “วีระวงค์ จิตต์มิตรภาพ” กรรมการของบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) บริษัทแม่ของ SCB และเจ้าของสำนักงานกฎหมายชั้นนำของประเทศ Weerawong, Chinnavat & Partners (WCP) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของ ณพ และ “ประเดช กิตติอิสรานนท์” ประธานคณะกรรมการบริหาร และกรรมการของ WEH ตกเป็นจำเลยร่วมกับ ณพ

ส่วนจำเลยอื่นๆ อีก 3 ราย คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ และ “อาทิตย์ นันทวิทยา” อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และ “นางคาดีจา บิลาล ซิดดีกี” นั้นรอดจากข้อกล่าวหาครั้งนี้

นพพร ศุภพิพัฒน์
ถ้าย้อนกลับไป เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ “นพพร” เคยเปิดเผยว่า ตั้งแต่ตกลงซื้อขายหุันกัน “ณพ” ยังชำระค่าหุ้นไม่ครบตามสัญญา จากมูลค่าหุ้น 700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2.1 หมื่นล้านบาทตอนนั้น ที่ผ่านมา ณพ ได้ชำระเงินมาเพียง 2 งวด รวมเป็นเงิน 175.51 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น

เท่ากับว่า “ณพ” ยังค้างชำระรวมดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไปๆมาๆจึงเป็นที่มาให้ “นพพร” ต้องยื่นฟ้อง ณพ โดยเรียกไว้ 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งศาลสั่งให้ ณพ ชดใช้ 900 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังกล่าว

ว่ากันว่า “นพพร” เชื่อมั่นมาตลอดว่าจะชนะคดีนี้แน่ ด้วยหลักฐานและ ข้อเท็จจริงที่ตนเองมี และยืนยันว่า จะไม่เจรจาความกับณพ แน่นอน ขอเพียงให้ณพ ชำระเงินมาตามสัญญา ซึ่งเป็นไปตามคำพิพากษาของศาลแค่นั้นพอ

แต่หาก “ณพ” ไม่สามารถนำเงินมาชำระค่าหุ้นได้ก็จะต้องขายหุ้นทอดตลาด เพื่อนำเงินมาชำระค่าหุ้นตามสัญญา
น่าสนใจว่า ผลกระทบจากคดีนี้ จะเกิดอะไรขึ้นอีกต่อไป

ต้องไม่ลืมว่า นอกจาก คดีระหว่าง “นพพร และ ณพ” ผู้ขายและผู้ซื้อหุ้นวินด์เอนเนอร์ยี่ มหากาพย์นี้ยังมีเรื่องของศึกภายในตระกูลณรงค์เดช ที่ “ณพ” และ แม่ยาย “คุณหญิงกอแก้ว” ถูกกล่าวหาปลอมลายเซ็น “ดร.เกษม”

ดังคดีที่ "เกษม ณรงค์เดช" ผู้ก่อตั้ง บริษัทเคพีเอ็น ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ท่องหล่อ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ "คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา" และพวก ในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์และ ใช้เอกสารปลอม จากกรณีพิพาทคดีหุ้น บริษัท วินด์ ซึ่งตรวจสอบพบว่า มีการปลอมลายเซ็นในสัญญาแต่งตั้งตัวแทน ที่อ้างว่าได้ร่วมกันทำขึ้นระหว่าง เกษม กับคุณหญิงกอแก้ว และเกี่ยวกับการการซื้อขายหุ้นบริษัทวินด์เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นของปลอม

คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา - ณพ ณรงค์เดช
จากคดีที่ศาลอังกฤษตัดสิน คำให้การของ “คุณหญิงกอแก้ว” และ “ณพ” กรณีใช้ชื่อบิดา “เกษม ณรงค์เดช” มาถือหุ้น โดยที่คุณหญิงกอแก้ว อ้างว่า เลือก ดร.เกษม ให้เป็นตัวแทนของเธอก็เพราะ “ความเร่งด่วนของสถานการณ์ และ… เพราะ ดร.เกษม คือพ่อของ ณพ และเพราะกระบวนการของธนาคาร ไทยพาณิชย์ ในเรื่อง KYC”

ศาลเห็นว่า คำอธิบายของคุณหญิงกอแก้ว ถูกหักล้างทันทีด้วยข้อเท็จจริงที่ณพ ยอมรับในศาล ระหว่างการซักค้านว่า ไม่ได้แม้แต่แจ้งบรรดาทนายของตัวเองว่า คุณหญิงกอแก้ว เป็นผู้ถือหุ้นตัวจริงในการโอนหุ้นให้กับ เกษม

ศาลยังย้ำว่า "ข้อตกลงตัวแทนเกษม ซึ่ง นายวีรวงค์ จิตต์มิตรภาพ เป็นผู้ร่าง ศาลเห็นว่า มันถูกร่างขึ้นมาจากเหตุผลที่ไม่ซื่อสัตย์”

นี่ไม่เรียกว่างานเข้าไม่รู้จะเรียกว่าอะไร

ฟังว่า ในส่วนของ “วีระวงค์ จิตต์มิตรภาพ” ที่ศาลกล่าวถึง ได้ยื่นหนังสือแจ้งขอลาออกจากตำแหน่งในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ชื่อดังหลายแห่งเพราะกลัวจะกระทบภาพลักษณ์กับบริษัทที่ตัวเองนั่งเป็นบอร์ดอยู่

งานนี้ก็ต้องติดตามต่อไป เมื่องานเข้า “ณพ ณรงค์เดช” และแม่ยาย “คุณหญิงกอแก้ว” จะเดินเกมต่อสู้คดีกับ “นพพร”กันอย่างไร? และ จากคดีนี้จะมีผลต่อคดีอื่นๆอีกหรือไม่ เพราะคดีในไทยของณพ และแม่ยาย ก็มีอีกมิใช่น้อย...หนังชีวิตไม่จบอยู่แค่นี้ ดูกันยาวไป

**เปิดสูตรรัฐบาล 265 เสียง ที่ไม่มีทั้งก้าวไกล และ 2 ลุง ผ่านหรือไม่ ถามใจส.ว.

เศรษฐา ทวีสิน
การโหวตนายกฯและตั้งรัฐบาลครั้งนี้ นับว่าเป็นปัญหาที่น่าหนักใจยิ่ง สำหรับเจ้าภาพอย่าง “พรรคเพื่อไทย” พรรคอันดับสอง ที่เคยเซ็นเอ็มโอยู ร่วมกับ 8 พรรคร่วมฯ ไปก่อนหน้านี้ แต่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคก้าวไกล โหวตไม่ผ่าน

รอบนี้ ถ้าเพื่อไทย ยังยึดมั่นใน 8 พรรคร่วม แล้วเสนอชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี ก็คาดว่าจะโหวตไม่ผ่านเหมือนเดิม เพราะส.ว. ไม่โหวตให้ เสียงส.ส.ก็ไม่มีมาเติม

ครั้นจะไปหาพรรคอื่นมาเติมเป็น 8+2 ตามที่เป็นข่าวเพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. ก็ไม่มีพรรคไหนมาร่วมด้วย ถ้ายังมีพรรคก้าวไกล อยู่ในสมการตั้งรัฐบาล

ต่อมามีกระแสข่าวว่า พรรคก้าวไกล ยอมให้พรรคเพื่อไทย ไปดึงพรรคอื่นๆ ในขั้วตรงข้ามมาร่วมได้ ยกเว้นพรรคของ “2ลุง” คือ พลังประชารัฐ และ รวมไทยสร้างชาติ แล้วก้าวไกล จะช่วยโหวตหนุนนายกฯของพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ร่วมรัฐบาล โดยยอมไปเป็นฝ่ายค้าน เพื่อตัดการสืบทอดอำนาจ... เป็นการปิดสวิตช์ทั้ง 3 ป. และปิดสวิตช์ ส.ว. ไปพร้อมกัน

แต่คนของพรรคก้าวไกลก็ออกมาปฏิเสธ ว่าก้าวไกลคงไม่โง่ ที่จะทำเช่นนั้น พร้อมกับแสดงท่าทียังผนึกแน่น 8 พรรคร่วมฯ เดิมต่อไป... ขณะที่เพื่อไทย ก็รู้อยู่แก่ใจว่า ถ้ายังยึดสูตรเดิมแบบมีก้าวไกล ก็ไม่มีทางตั้งรัฐบาลสำเร็จแน่

วราวุธ ศิลปอาชา
จึงมีกระแสข่าวจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วออกมาในช่วงนี้ โดยสูตรที่ 1 ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 141 เสียง ภูมิใจไทย 71 เสียง พลังประชารัฐ 40 เสียง ประชาธิปัตย์ 25 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ประชาชาติ 9 เสียง รวม 296 เสียง ต้องการเสียง ส.ว. 80 เสียง มาช่วยหนุน

การที่มี “พรรคลุงป้อม” มาร่วมด้วย เชื่อกันว่า เสียง ส.ว. 80 เสียง ไม่น่าจะเป็นปัญหา “เศรษฐา” แคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทยน่าจะผ่านได้ แต่ก็ต้องแลกกับเสียงโจมตีที่จะตามมาว่า ตระบัดสัตย์ เพราะตอนหาเสียงก็บอกว่า จะปิดสวิตช์ 3ป. ปิดสวิตช์ส.ว.

ถ้าไม่เอาสูตรนี้ ก็ยังมีสูตรที่ 2 ซึ่งประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 141 เสียง ภูมิใจไทย 71 เสียง ประชาธิปัตย์ 25 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ประชาชาติ 9 เสียง และไทยสร้างไทย 6 เสียง เพื่อไทยรวมพลัง 2 เสียง และ เสรีรวมไทย 1 เสียง รวม 265 เสียง ต้องการส.ว. 111 เสียงมาช่วยหนุน

สูตรนี้ ไม่มี ก้าวไกล และไม่มีพรรคของ 2 ลุง แต่ได้รัฐบาลเสียงค่อนข้างจะปริ่มน้ำ แถมยังต้องลุ้นจากส.ว. อีก 111 เสียงจึงจะผ่าน ในเมื่อ ส.ว.ส่วนใหญ่ตั้งมาโดย 2 ลุง การโหวตนายกฯตามสมการนี้ จึงต้องลุ้นหนักว่าจะได้รับไฟเขียวหรือไม่

“วราวุธ ศิลปอาชา” หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พูดถึง สูตรตั้งรัฐบาล 265 เสียงว่า ได้ยินมาเหมือนกัน ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ เท่ากับว่ารัฐบาลมี 265 เสียง ฝ่ายค้าน 235 เสียง นั่นหมายความว่าเสียงข้างมากในสภาฯ ต้องยึดมั่นกัน ทำงานให้ดี เพราะจะมีความอ่อนไหวพอสมควร อย่างไรก็ตาม การที่จะให้ได้เสียงมาครบ 376 เสียง เป็นการบ้านของพรรคเพื่อไทย ว่าจะหามาเติมได้อย่างไร เพราะไม่มั่นใจว่า ส.ว.ให้การสนับสนุนหรือไม่

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร - ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
“วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เห็นว่า การจัดตั้งรัฐบาลสูตรอื่น หรือการปล้นอำนาจประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย หรือข่าวลือว่าจะมีการทรยศหักหลังประชาชน ตั้ง “รัฐบาล กร๊วกๆ” 265เสียง เป็นเรื่องที่ยากมาก

... มันยากแบบเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าเพื่อไทยก้าวไกลจับกัน 290 เสียง พรรคอื่นได้เท่าไร ส.ว.ก็มาโหวตงบประมาณไม่ได้ รัฐบาล 260 เสียง จะอยู่อย่างไร คุณจะได้กระทรวงอะไร ภายใต้รัฐบาล 260 กว่าเสียง การเจรจาถูกต่อรองหนักอยู่แล้ว จะได้กระทรวงที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้จริงหรือ เผลอๆ เศรษฐกิจแย่กว่านี้อีก เชื่อว่าเพื่อไทยไม่พาตังเองไปสู่มุมอับทางการเมืองแบบนั้น...

“วิโรจน์” ยังบอกว่าที่ผ่านมา ใน 8 พรรคร่วม หากมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง ก็ให้ลืมๆ กันไป เรื่องเล็กๆ ก็ทำเป็นไม่มีซะ หากจุดยืนเรามั่งคง เชื่อว่าจะมีแรงหนุนของประชาชน และแรงกดดันทางการเมืองที่อยู่บนความชอบธรรมของ 8 พรรคร่วม ขอให้วางอคติต่อกัน เชื่อว่าไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เราจะตั้งรัฐบาลได้

“ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ยอมวิพากวิจารณ์ รัฐบาล สูตร 265 เสียงที่ไม่มีพรรคพลังประชารัฐ เพียงแต่บอกว่า สูตรการเมืองมีได้หลายสูตร เกิดได้จากหลายกลุ่ม หลายคน และเกิดได้ทุกสูตร เพราะการเมืองเป็นเรื่องของตัวเลข แต่ต้องรอดูว่า พรรคเพื่อไทย ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะสรุปออกมาอย่างไร และเวลานี้ยังไม่รู้จะชัดเจนอย่างไร ยังตอบไม่ได้ว่าสูตรที่ว่านี้จะเกิดได้ หรือไม่ และพลังประชารัฐ จะสนับสนุนนายกฯตามสูตรนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรค

ในการนัดประชุม 8 พรรคร่วมที่แต่เดิมกำหนดไว้ ในวันที่ 2 ส.ค. จะถูกเลื่อนออกไปก่อนหรือไม่ เป็นวันที่เท่าไร จะได้ข้อสรุปอย่างไร เพื่อไทยจะสลัดก้าวไกลในรอบนี้เลยหรือไม่ และยังต้องลุ้นว่า ในวันที่ 3 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณารับเรื่องร้องเรียนจากผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือไม่ ถ้ารับจะสั่งให้พักการประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตนายกฯไว้ก่อนหรือไม่ ต้องติดตาม


กำลังโหลดความคิดเห็น