เลขาฯ เพื่อไทย ยันไม่ได้ผลักก้าวไกลออกจากพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เมื่อวานโทร.หายังเข้าใจกันดี เผยยังมีเวลาหารือ 8 พรรคร่วม สัปดาห์หน้าก็ยังไม่ช้าเกินไป แต่อาจต้องปรับ MOU บางข้อ หวังโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยผ่านฉลุยในครั้งแรก
วันนี้ (26 ก.ค.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่ 8 พรรคร่วมมอบหมายให้พรรคเพื่อไทยไปดำเนินการ อยู่ในระหว่างการทำงาน โดยเฉพาะการเจรจาไปกับกลุ่ม ส.ว. หรือรอผลการตัดสินใจอีกหลายอย่าง ความจริงไม่มีอะไร ในการเลื่อนการประชุม 8 พรรคร่วม เพราะทราบว่าจะมีการเลื่อนการประชุมรัฐสภาในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้อยู่แล้ว โดยการประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีต้องให้ประธานรัฐสภานัดประชุมอีกครั้ง ส่วนการพูดคุยกับ ส.ว.ได้คุยกับ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ว่า เสียง ส.ว.13 เสียงเดิม ก็ยังคงอยู่ ส่วนที่พรรคเพื่อไทยไปประสานกับ ส.ว.เองนั้น อยู่ระหว่างการพูดคุยและบางส่วนได้มีการตัดสินใจแล้ว ขอให้คอยเพราะยังมีเวลา
ทั้งนี้ หลายคนยังคงติดขัดในเรื่องมาตรา 112 ใช่หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า หลายคนยังติดขัดอยู่ แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ ขอไปรวบรวมเสียงและทำตัวเลขก่อน ไม่อยากคิดว่าจะไปถึงไหน เพราะนอกจากได้คุยกับ ส.ว. แล้วยังได้พูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นๆ ด้วย ซึ่งทั้ง 8 พรรคร่วมต้องมาพูดคุยกันอีกครั้ง ถ้าการหารือเลื่อนไปสัปดาห์หน้าก็จะมีเวลามากขึ้น ซึ่งจะมีเวลาอีก 1 สัปดาห์ในการพูดคุย พร้อมปฏิเสธข่าวว่าพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยไม่มองหน้ากัน เนื่องจากเมื่อวานตนได้โทรศัพท์คุยกับเลขาธิการพรรคก้าวไกล ยังเข้าใจกันดี ถึงการเลื่อนหารือ 8 พรรคร่วม ซึ่งพรรคเพื่อไทยนัดหมายวันใดก็พร้อมมาพูดคุยกัน และการที่พรรคเพื่อไทย ได้มีการพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆ ยังไม่ได้มีการนำผลการหารือไปคุยกับพรรคก้าวไกล โดยจะมีการพูดคุยกันในวงประชุม 8 พรรคร่วมทีเดียว และยืนยันอย่ามองว่า พรรคเพื่อไทยยืมมือเพื่อนผลักพรรคก้าวไกลออกไป แต่พรรคเพื่อไทยทำตามมติของ 8 พรรคร่วม ไม่ได้มีการตกลงเข้าร่วมรัฐบาล หรือตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการพูดคุยว่าสถานการณ์การเมืองเป็นแบบนี้ทุกคนคิดเห็นอย่างไร แต่ตนเชื่อว่า พรรคก้าวไกล รับรู้ในสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำ เพราะมีการพูดคุยกันแล้วว่าจะมีการไปพูดคุยกับทุกพรรค พร้อมยืนยัน 8 พรรคร่วมยังพูดคุยและร่วมกันทำงานอยู่
ส่วนกรณีที่พรรคพลังสังคมใหม่ เสนอให้เปลี่ยน MOU ที่ลงไว้ 23 ข้อ รวมทั้งที่เสนอให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี นายประเสริฐ ระบุว่า MOU เป็นของ 8 พรรคร่วม ที่ได้พูดคุยกันและตกผลึกมา และเมื่อมีการประชุม 8 พรรคร่วมจะมีการพูดคุยกัน ส่วน MOU ระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เป็นฉบับที่ 2 มีประมาณ 4 ข้อ ซึ่งหากให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะต้องปรับแก้ให้มีความสอดคล้องกัน แต่ข้อ 1 ที่ให้ทุกพรรคสนับสนุน นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
ส่วนที่พรรคก้าวไกลมีมติให้ทบทวนญัตติวันที่ 19 ก.ค นายประเสริฐ ระบุว่า ต้องดูเหตุผลและรายละเอียดว่าจะยื่นอะไร
นายประเสริฐ กล่าวด้วยว่า วันนี้จะประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเดิมนัดเพื่อรอโหวต 27 ก.ค.นี้ และแม้ว่าการประชุมที่รัฐสภา ยกเลิกไปแล้วก็จะประชุมต่อที่พรรคเพื่อฟังเสียง ส.ส.จากที่ไปรับฟังประชาชน ในพื้นที่เกี่ยวกับการโหวตนายกรัฐมนตรี และคาดว่า ในพรรคจะมีการพูดคุยเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อไทยด้วย ซึ่งกรรมการบริหารพรรคได้มอบหมายให้หัวหน้าพรรคมีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจได้เลย โดยไม่ห่วงเรื่องคุณสมบัติของแคนดิเดต ที่จะเป็นเหตุให้ตีตกไปอย่างครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเราอยากให้การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยครั้งแรกผ่านได้รับการเลือกเลย เพราะผ่านการโหวตมาแล้วถึงสองครั้ง ทั้งนี้ เชื่อว่า รัฐสภาจะต้องรอคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนที่จะมีการประชุมนัดต่อไป