“ชัยธวัช” มองเป็นผลดี 8 พรรคร่วมฯ หลังผู้ตรวจการแผ่นดินส่งศาล รธน. ตีความเสนอโหวตแคนดิเดตนายกฯ ซ้ำได้หรือไม่ รับก่อนหน้านี้ กังวลแคนดิเดตฯหลักของ “เพื่อไทย” ไม่ผ่าน จนต้องรวมเสียงพรรคอื่น บอกยังไม่ได้หารือ “ก้าวไกล” จะกลับมาเป็นแกนนำ ย้ำ เสนอซ้ำได้เป็นโอกาสรวมเสียง-ประเมินตัวเลขถูก
วันนี้ (24 ก.ค.) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติส่งเรื่องต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยข้อบังคับที่ 41 ของรัฐสภา ในการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซ้ำได้หรือไม่ ว่า ตอนนี้ต้องรอดูว่าจะส่งผลถึงการเลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีออกไปหรือไม่ ซึ่งความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็มีการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาในการชะลอการโหวตนายกรัฐมนตรีออกไปด้วย จนกว่าศาลฯจะมีคำวินิจฉัย โดยในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ค.) คาดว่า ในการประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะมีการหยิบยกเรื่องนี้มาหารือกัน แล้ววันพุธ (26 ก.ค.) จะมีการประชุมวิป 3 ฝ่าย ที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา จะเรียกตัวแทนของทุกฝ่ายมาหารือกัน โดยคาดว่าจะเป็นวันเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องจากผู้ตรวจการแผ่นดินมาพิจารณา
เมื่อถามว่า มีผลดีกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ เนื่องจากอาจเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซ้ำได้ นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นผลดีโดยรวม ไม่ใช่เฉพาะกับพรรคก้าวไกลเท่านั้น โดยเฉพาะฝั่ง 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่จะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่าจะเป็นใครซ้ำได้
“เท่ากับว่า เรามีโอกาส ความเป็นไปได้ที่จะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซ้ำกันได้อีก สามารถที่จะได้รวบรวมเสียงเพิ่มขึ้น ไม่จำเป็นต้องครั้งเดียวและต้องเปลี่ยนตัวเลย ก่อนหน้านี้ ก็มีความกังวลปฏิเสธไม่ได้ เช่น ถ้าเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหลักของพรรคเพื่อไทย แล้วครั้งเดียวไม่ผ่าน จะหมดโอกาสอีกหรือไม่ อาจจะเป็นเหตุผลที่จะบอกว่าจำเป็นจะต้องดึงพรรคนั้นพรรคนี้เข้ามาร่วมเพื่อให้ชัวร์ ตรงนี้อาจจะไม่จำเป็นอีกแล้ว หากมีการปลดล็อกออกไป”
เมื่อถามว่า หากปลดล็อกแล้ว แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลจะย้ายจากพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ แต่ตนพูดโดยรวมว่าแม้เป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยก็จะเป็นเรื่องดีที่ไม่ต้องติดล็อกตรงนี้
ส่วนการที่ผู้ตรวจการแผ่นดินแนบท้ายคำร้องขอให้ชะลอคำสั่งศาลฯออกไป จะเป็นผลดีทำให้รวมเสียงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้เพิ่มหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่างน้อยก็มีโอกาสที่จะลองดูว่าการที่จะเสนอแคนดิเดตเปลี่ยนตัวจากเพื่อไทยแล้ว จะได้มีเสียง ส.ว. เพิ่มขึ้นขนาดไหน จะได้ประเมินถูก และหากเสนอซ้ำได้ ก็เป็นโอกาสที่จะหาเสียงเพิ่มจากฝั่ง ส.ว. และฝั่ง ส.ส.