“ชัยธวัช” โยน “เพื่อไทย” เลือกอุดมการณ์ตรงกับใคร หลังอีกฝ่ายประกาศชัด ไม่เอา “ก้าวไกล” ร่วมรัฐบาล ยอมรับไม่ค่อยเข้าใจ เชิญ 5 พรรคตรงข้ามมาคุยแล้วแถลงเพื่ออะไร เผยหากรอ 10 เดือนจะสุดขั้วเกินไป ยังหวัง 8 พรรคจับมืออกันแน่น
วันนี้ (24 ก.ค.) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องรอดูว่าในการประชุมหัวหน้าพรรค 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะมีข้อเสนอจากพรรคเพื่อไทยอย่างไร เนื่องจากมีการไปพูดคุยกับพรรคการเมืองและกลุ่ม ส.ว. แล้ว ยอมรับว่าเป็นกังวลเรื่องเสียงของ ส.ว. เนื่องจากยังไม่มีความเป็นเอกภาพไม่สามารถตอบได้
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า เราปฏิเสธไม่ได้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ มีความยากลำบากเหมือนกับปี 2562 ซึ่งในปีนั้นพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่ง พรรคอนาคตใหม่เป็นอันดับสาม พรรคพลังประชารัฐเป็นอันดับสอง แต่พรรคอันดับหนึ่งไม่สามารถชิงรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยเป็นปัญหาจากระบบของรัฐธรรมนูญที่วางเอาไว้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งคือพรรคพลังประชารัฐสามารถรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาก่อนฝั่งเพื่อไทย
นายชัยธวัช กล่าวว่า พอมาในครั้งนี้ก็มีความยากลำบากเนื่องจาก สว. พูดไม่เหมือนเดิม และย้ำว่าสถานการณ์ไม่เหมือนเดิม ครั้งนี้ผลการเลือกตั้งชัดว่าประชาชนต้องการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล เป็นพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล แม้การจัดตั้งรัฐบาลจะมีความยากลำบากแต่การจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นไปไม่ได้ ประเด็นจะอยู่ที่ สว.จะเอาอย่างไร และอย่าเอาปัญหามาโยนให้พรรคที่ชนะการเลือกตั้ง
“ตอนนี้เราเอาปัญหาเอาความกดดันมาอยู่ที่พรรคชนะการเลือกตั้ง ผมคิดว่าประชาชนกับสังคมไม่ได้มองแบบนั้น ผมยังเชื่อว่าถ้าพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลจับมือกันแน่นจะไม่สามารถพลิกขั้วรัฐบาลได้” นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวว่า หากยังไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้สังคมจะตั้งคำถามกับ สว. การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้เร็วที่สุดมีความสำคัญ ตนคิดว่าการจับมือกันไว้แน่นคงไม่ทำให้เราต้องรอไปถึง 9-10 เดือน แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้พรรคเพื่อไทยก็มีความกังวลเรื่องการพลิกล็อคการตีความข้อบังคับ เรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีได้เพียงครั้งเดียว ซึ่งประเด็นนี้มีการไปยื่น ร้องผู้ตรวจการแผ่นดินให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความแล้ว ซึ่งหากมีการตีความกันรวดเร็วก็จะเป็นเรื่องที่ดี
ส่วนเรื่องการขอเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย และ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็มีกระแสข่าวจากพรรคเพื่อไทยว่าอาจจะมีการขอให้เลื่อนเพราะยังมีความไม่มั่นใจในการรวมเสียง หรือการตีความข้อบังคับ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจ
เมื่อถามว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยพูดชัดเจนว่าต้องคิดให้ดีว่าการโหวต 1 ครั้งจะคุ้มหรือไม่เพราะอาจเสนอซ้ำไม่ได้และอาจจะต้องรอไปถึง 10 เดือน นายชัยธวัช กล่าวว่า การรอ 10 เดือน เป็นความสุดขั้วเกินไป หาก 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลยังจับมือกันไว้แน่น คิดว่าจะเดินทางไปไม่ถึงตรงนั้น และคิดว่ามีหลายเรื่องยังต้องทำ ทั้งการหาเสียง สว. การปลดล็อกตีความข้อบังคับ เพราะอาจจะทำให้ไม่น่ากังวล
“ผมไม่ได้มองถึง 10 เดือน แต่มองว่าอาจจะยืดเยื้อหน่อย ไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้เร็วก็มีความสำคัญ แต่ขณะเดียวกันประชาชนก็เริ่มส่งเสียงว่าพวกเขารอได้ เพราะเขาไม่ต้องการเห็นขั้วอำนาจเดิมมาเป็นรัฐบาล จึงทำให้ออกเสียงเลือกตั้งอย่างชัดที่สุด” นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช ย้ำว่า การจัดตั้งรัฐบาลรอ10 เดือนถือเป็นฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุด และต้องยอมรับว่านานเกินไปจริงๆ ซึ่งเชื่อว่าหากยืดเยื้อนานเกินไปจะเกิดแรงกดดันจาก สว.และฝั่งตรงข้าม การยกเหตุผลว่า ประชาชนรอไป 10 เดือน ประชาชนจะเกิดปัญหา เป็นเพราะพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง ตนคิดว่า อันนี้โจทย์น่าจะผิด และตนคิดว่าคนไม่ได้มองว่าพรรคที่ชนะการเลือกตั้งเป็นตัวปัญหา คงต้องตั้งหลักกันให้มั่น เชื่อว่าจากที่ประชาชนรอดูอย่างเงียบๆ จะส่งเสียงออกมา ว่าอย่าทำให้พวกเขาผิดหวัง
ส่วนเรื่องการดูดงูเห่าระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล นายชัยธวัช ยืนยันว่า ไม่ง่ายขนาดนั้น การดูดงูเห่า 60-70 คนไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ทุกอย่างจะเป็นไปได้ พร้อมยอมรับว่าจิตใจคนสามารถเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ ไม่มีอะไรแน่นอน แต่ตนยังเชื่อว่า การดูดงูเห่าไป 60-70 คน ไม่ใช่เรื่องง่ายและประชาชนเห็นแล้วว่าเมื่อเป็นงูเห่า อนาคตทางการเมืองจะหายไปทันที ไม่อย่างนั้นคงได้เห็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงชิงแข่งนายกรัฐมนตรีไปแล้ว และหากเกิดขึ้นจริง ตนเชื่อว่ารัฐบาลแบบนี้อยู่ได่ไม่นาน สามารถล้มได้ไม่เกิน 1 เดือน
นายชัยธวัช ยังระบุอีกว่า ทุกการโหวตมีแรงกดดันไปถึง สว.จึงมีความพยายามไม่ให้โหวตซ้ำ
เมื่อถามว่า ในวงประชุมมีการบอกว่า ให้พรรคก้าวไกลเสียสละออกจาก 8 พรรคร่วมรัฐบาลจริงหรือไม่ นายชัยธวัช ระบุว่า ก็คงมีแต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เท่านั้น ซึ่งตนก็ไม่ได้รู้สึกอะไร และก็รับฟัง ไม่ได้โต้แย้งกลับไป เหมือนกันตอนที่อยู่บนเวทีแถลงข่าวตอนนั้นเหมือนจะจบแล้วแต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พูดขึ้นมา ในใจก็คิดว่าควรจะเดินออกหรือฟังจนจบ สุดท้ายก็ต้องนั่งฟัง
ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยเชิญ 5 พรรคการเมืองเข้ามาหารือ ก็มีความชัดเจนว่า หลายพรรคไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล เพราะการแก้ไข ม.112 รวมถึงแนวทางการทำงานและวิธีการในการทำงานซึ่งชัดเจน และอย่างที่สองตนก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับพรรคเพื่อไทยว่ายังไม่ได้เจรจาเพื่อมาร่วมรัฐบาล เป็นการเชิญมาเพื่อพูดคุยกัน แต่ก็ห้ามความรู้สึกของประชาชนไม่ได้ที่จะคิดว่าหากจะเชิญมาร่วมรัฐบาล หรือยืมปาก 5 พรรคการเมือง อย่างไรก็ตามต้องรอฟังจากปากของพรรคเพื่อไทยในวันพรุ่งนี้(25 ก.ค.)
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลมองว่าพรรคเพื่อไทยยืมปากพรรคอื่นมาพูดหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ค่อยเข้าใจว่าการแถลงข่าวในลักษณะนั้นทำไปเพื่ออะไร การแถลงข่าวทุกครั้งต้องเตรียมการ แต่เรารู้พื้นฐานอยู่แล้ว
เมื่อถามว่ารู้สึกถูกตบหน้าหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ 2 วันที่ผ่านมาเราก็เฝ้าดูเหมือนกับประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ตนยังยึดตามที่พรรคก้าวไกลเคยแถลงว่าเรายังยึดทำตามเสียงที่ประชาชนเคยให้ไว้ ซึ่งเราคงพยายามอย่างถึงที่สุด และจะเป็นจริงได้ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของการจับมือกันทั้ง 8 พรรค
ส่วนหากรวมเสียง สว.ไม่ได้ นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทยว่าจะไปต่อหรือให้สลาย 8 พรรคร่วม
“เราก็คงห้ามเพื่อไทยไม่ได้ เพราะในเมื่อฝั่งหนึ่งบอกว่าอุดมการณ์การทำงานไม่ตรงกับพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยก็คงต้องเลือกว่า อุดมการณ์ตรงกับใคร” นายชัยธวัช กล่าว