เปลี่ยนไปเรื่อย! “สมศักดิ์ เจียม” แซะ “คำ ผกา” กรณีโต้ “ด้อมส้ม” เย้ย กลืนน้ำลาย ร่วมนั่งร้านเผด็จการ “อดีตบิ๊ก ศรภ.” ยก รบ.เสียงข้างน้อยในตะวันตกเทียบไทย “พุทธะอิสระ” ชี้ “พิธา-ก.ก.-ด้อมส้ม” มีราคาต้องจ่าย
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (21 ก.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul ของ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ต้องหาคดี ม.112 โพสต์ภาพ ข้อความจากทวิตเตอร์ในอดีตของ “คำ ผกา” พร้อมข้อความระบุว่า
“เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ละครับ”
ทั้งนี้ ได้แชร์ เพจเฟซบุ๊ก Lakkana Punwichai ที่ระบุว่า
“ติ่งส้มเอาไปหัวเราะกันคิกคักว่า กลิ่นน้ำลายตัวเองอร่อยไหม
จะอธิบายนะคะ
ถ้าร่วมกันแบนพรรคการเมืองที่เป็นนั่งร้านเผด็จการจนเพื่อไทย + ก้าวไกล = 376 มันก็จบ ตัองเกิน 376 เพราะเขามี สว. 250
แต่มีเพื่อนร่วมชาติของเรา เขาไม่แบน เขาเลือก ภจท เลือก พปชร มาอีกเป็น 100+
ก็คือเราไม่ได้ ‘แบน’ เขาจนได้เสียงมากพอ
โตแล้วไม่ brat นะคะ
รู้ว่าโกรธ รู้ว่ามันไม่เป็นธรรม แต่การมาดิ้นๆ กระทืบเท้า กรีดร้องใส่คนไปทั่ว มันไม่ได้ทำให้คุณได้ในสิ่งที่อยากได้”
ขณะเดียวกัน พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
“เสียงส่วนมาก ไม่ได้สำคัญกว่าเสียงส่วนน้อย
จากกรณีที่ ส.ส. สหรัฐอเมริกา และ ออสเตรเลีย บางคนได้ออกมาแทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาลของประเทศไทย ว่า ควรจะสนับสนุนเสียงส่วนมาก ให้เป็นรัฐบาลนั้น
เรื่องนี้ก็อยากจะทบทวนความจำให้ ส.ส. ต่างชาติ ทั้ง 2 คนนี้สักหน่อยครับ เพราะพวกเขาไม่น่าที่จะไม่รู้เรื่องเหล่านี้ได้
1. ทุกประเทศในโลกใบนี้ ย่อมมีวิธีบริหารประเทศให้เหมาะสมกับสังคมและวัฒนธรรม เพื่อความอยู่รอดทางเศรษฐกิจและความมั่นคง โดยเฉพาะในประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ยิ่งต้องระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น พลาดไปแล้วจะแก้ไขได้ลำบากมาก
2. มาลองดูเรื่องเสียงส่วนมากของประเทศในซีกโลกตะวันตก ว่า แตกต่างหรือเหมือนกับประเทศไทย อย่างไรบ้าง
(1) มาดูสหรัฐฯตัวดีก่อน ตำแหน่งประธานาธิบดี ผู้สมัครรับเลือกตั้ง
แม้จะได้รับเลือกเข้ามาด้วยเสียงข้างมากจากประชาชน (Poppular Vote) แต่ถ้าไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากตัวแทนมลรัฐต่างๆ (Electoral Vote) แล้ว ก็ไม่สามารถขึ้นเป็นประธานาธิบดีได้ เช่นเดียวกับระบบประเทศไทย ที่ประชาชนเลือก ส.ส. แต่รัฐสภาเป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูเหมือนจะคล้ายคลึงกับสหรัฐฯ
(2) เสียงส่วนใหญ่ ถ้าได้ขึ้นบริหารประเทศแล้ว อาจไม่เหมาะสมกับความมั่นคงของประเทศ เสียงส่วนน้อยก็จะเข้ามาเป็นนายกฯ แทน เช่น จัสติน ทรูโด (นายกฯ แคนาดา) ขวัญใจคุณพิธา นายกฯ ฝรั่งเศส สเปน สวีเดน ฯลฯ
(3) เอาตัวอย่างชัดๆ เรื่องเสียงส่วนน้อยเข้ามาเป็นนายกฯ คือ สวีเดน ที่มีการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุดในโลก และยังเป็นประเทศที่มี NGOs มากที่สุดในโลกอีกเช่นกัน เพียงแต่ NGOs ของเขา แม้จะได้รับเงินต่างชาติบ้าง แต่ก็ไม่ได้เข้ามายุ่งเรื่องภายในประเทศเลย
สวีเดน เป็นประเทศที่มีรัฐบาลเสียงข้างน้อยถึง 7 รัฐบาลติดต่อกันมา ตลอดระยะเวลาหลายสิบปี ทำไมถึงเป็นเช่นนี้
รัฐบาลชุดปัจจุบันของสวีเดน มีพรรคร่วม 3 พรรค คือ พรรค Moderate (70), พรรค Christian Democrat (22), พรรค Liberal (20) … 3 พรรค มีที่นั่งรวมกันเพียง 112 ที่นั่ง … มีพรรคพันธมิตร แต่ไม่เข้าร่วมรัฐบาล คือ พรรค Sweden Democrats (62) และ ส.ส. อิสระ (2) คอยค้ำประกันความมั่นคงให้พรรคร่วมรัฐบาล ทำให้พรรคร่วมรัฐบาล มีเสียงสนับสนุนในรัฐสภาทั้งสิ้น 176 เสียง ในขณะที่ ฝ่ายค้าน ซึ่งนำโดยพรรคที่มีที่นั่งมากที่สุดในสภา คือ พรรค Swedish Social Democratic (100) มีคะแนนเสียงรวมกับพรรคอื่นๆ รวม 173 เสียง จากที่นั่งทั้งหมด 349 ที่นั่ง (เลือกตั้ง 310 และแต่งตั้ง 39 ที่นั่ง)
ตอนนี้ ถ้าจะอ้างเรื่องเสียงส่วนมาก ก็จะต้องเข้าใจด้วยว่า เสียงส่วนน้อยก็มีความสำคัญ ไม่แพ้กันครับ ดังนั้น เสียงส่วนมากก็จะต้องทำตัวให้ เสียงส่วนน้อยยอมรับด้วยนะครับ.”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย โพสต์เฟซบุ๊กว่า
“หลังจากทาน้อยถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และแพ้โหวตในสภา ไม่สามารถเสนอญัตติในเรื่องเดียวกันถึง 2 ครั้งได้ในสมัยประชุมเดียวกัน
ถามว่า หมดเรื่องแล้วยัง
ตอบว่า ยัง ยังมีคดีล้มล้างการปกครองที่ยังค้างอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญอีกที่พวกพรรคก้าวไกลต้องจ่ายในราคาที่แพงแสนแพง
ซึ่งเตรียมเข้าคิวรอต่อจากสิ้นสุดคดีถือหุ้นสื่อ
อันอาจจะทำให้พวกติ่งส้มทั้งหลายคงจะพากันรู้สึกโกรธแค้น บางคนก็ออกมาตีอกชกหัว ดิ้นเร้าๆ โวยวาย ร้องห่มร้องไห้ ด้วยความเสียใจ ผิดหวัง ซึมเศร้า
แล้วก็ตามมาด้วยการหาทางระบายออกไปร่วมชุมนุม ตามมาด้วยแต่ละกลุ่มแต่ละก๊วน พากันประกาศขอรับบริจาคกันแล้ว
แต่ที่ทำไปแล้ว ทำไปก่อน และทำอยู่ คือ การละเมิดกฎหมายที่เกิดขึ้นในระหว่างการเชียร์ การชุมนุม การแสดงออกทางอารมณ์
บางคนก็ถูกแจ้งความร้องทุกข์ บางคนก็กำลังจะถูกแจ้งความและอีกหลายคน ก็มีคิวที่จะต้องถูกแจ้งความ
นี่คือราคาที่จะต้องจ่ายด้วยตนเอง โดยไม่มีใครช่วยเหลือได้ ไม่ว่าจะยังไง พุทธะอิสระก็ยังแอบเชียร์พวกด้อมส้มให้ออกมาสร้างความวุ่นวายแก่บ้านเมืองกันแยะๆ นะ
เพราะอยากเห็นว่าฝ่ายความมั่นคง เขาจะดำเนินการอย่างไร
ส่วนที่พวกด้อมส้มออกมาขู่ว่า หากเที่ยวนี้พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาล รออีก 4 ปี สมัยหน้ามีการเลือกตั้งทุกคนจะเลือกพรรคก้าวไกลให้ถล่มทลาย จนได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว
พุทธะอิสระจึงอยากจะบอกว่า เวลาเปลี่ยน ผู้คนย่อมเปลี่ยน
ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับผลงานของผู้ที่จะมาเป็นรัฐบาล ว่า จะสามารถทำให้จิตใจของคนที่ฝักใฝ่พรรคล้มเจ้า เปลี่ยนใจได้หรือเปล่า
อันนี้ฝากไปให้พรรคที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลคิด.”