รัสเซียพยายามสร้างภาพสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติหลังการก่อกบฏของกลุ่มวากเนอร์ปิดฉากลงอย่างรวดเร็วในช่วงสุดสัปดาห์ ขณะที่ตะวันตกได้ทีรุมซ้ำเหตุการณ์นี้ฟ้องว่า อำนาจของปูตินกำลังสั่นคลอนอย่างหนัก และเกิดรอยร้าวใหญ่ในรัฐบาลหมีขาว
นักรบของบริษัททหารรับจ้าง วากเนอร์ กรุ๊ป ยุติการก่อกบฏ และระงับการเคลื่อนพลสู่มอสโก พร้อมถอนกำลังออกจากเมืองรอสตอฟ ทางภาคใต้ของรัสเซีย กลับคืนที่มั่นเมื่อคืนวันเสาร์ (24 มิ.ย.) ภายใต้ข้อตกลงรับประกันความปลอดภัย ส่วนเยฟเกนี ปรีโกจิน ผู้ก่อตั้งและผู้บัญชาการวากเนอร์ จะย้ายไปอยู่เบลารุสภายใต้ข้อตกลงที่ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุส เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวหลัก 3 แห่งของรัสเซียรายงานเมื่อวันจันทร์ (26 มิ.ย.) ว่า ปรีโกจินยังคงถูกสอบสวนคดีอาญาข้อหาพยายามก่อการกบฏ
ทั้งนี้ ครั้งล่าสุดที่มีภาพปรีโกจินปรากฏตัวต่อสาธารณชนคือเมื่อคืนวันเสาร์ ขณะที่เขาขับรถเอสยูวีนำนักรบถอนออกจากกองบัญชาการทหารเขตภาคใต้ของรัสเซียในเมืองรอสตอฟ หลังจากนั้นไม่มีข่าวคราวว่า ปรีโกจินไปอยู่ที่ใด
ปรีโกจิน อดีตพันธมิตรของปูติน ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งกองกำลังทหารรับจ้างวากเนอร์กรุ๊ป ที่มีบทบาทสำคัญในการสู้รบ ณ สมรภูมิที่นองเลือดที่สุดในสงคราม 16 เดือนในยูเครน เผยว่า การตัดสินใจนำกำลังเตรียมบุกมอสโกเพราะต้องการโค่นล้มคณะผู้บัญชาการทหารรัสเซียที่ทุจริตและไร้ความสามารถซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้รัสเซียเพลี่ยงพล้ำในสงคราม
ในวันจันทร์ ทั้งเมืองหลวงมอสโกและแคว้นโวโรเนซห์ ทางใต้ของเมืองหลวงได้ยกเลิกมาตรการรักษาความปลอดภัยฉุกเฉินเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย และเซียร์เก โซบียานิน นายกเทศมนตรีมอสโก ประกาศว่า สถานการณ์กลับสู่เสถียรภาพแล้ว
รัสเซียยังพยายามให้ภาพว่า ปฏิบัติการในยูเครนยังคงดำเนินต่อไปตามปกติแม้เกิดกบฏภายในประเทศ โดยเมื่อวันจันทร์สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานข่าวเซียร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียที่เป็นเป้าหมายหลักของปรีโกจิน เดินทางไปเยี่ยมกองบัญชาการทหารรัสเซียที่แนวหน้าในยูเครน และขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินตรวจการณ์กำลังพลที่กำลังต่อสู้กับปฏิบัติการตอบโต้ของยูเครน
ระหว่างการประชุมกับผู้บัญชาการทหาร ชอยกูยังเน้นย้ำประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมของรัสเซียในการตรวจสอบและทำลายระบบอาวุธและทหารของยูเครน
ตัวประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ครองอำนาจในรัสเซียมากว่า 2 ทศวรรษ ยังไม่ออกมาปรากฏตัวนับจากเหตุการณ์กบฏคลี่คลายลง ถึงแม้ทำเนียบเครมลินเผยแพร่วิดีโอที่เขาแสดงความยินดีกับพวกผู้เข้าร่วมงานประชุมทางอุตสาหกรรมงานหนึ่ง แต่ในวิดีโอก็ไม่มีเครื่องบ่งชี้ว่าถ่ายเอาไว้เมื่อใด
ทีวีของทางการรัสเซียระบุว่า ปูติน จะเข้าร่วมการประชุมของสภาความมั่นคงรัสเซียในสัปดาห์นี้โดยไม่ให้รายละเอียด ส่วนสำนักข่าวเบลตาของเบลารุสกล่าวว่า ปูติน กับ ลูคาเชนโก ได้หารือกันอีกรอบในวันอาทิตย์ หลังพูดกันอย่างน้อย 2 รอบในวันเสาร์
สำหรับฝ่ายยูเครน ผู้นำทางทหารอ้างว่า มีความคืบหน้าในการโจมตีพร้อมกันหลายทิศทางในภาคใต้และตะวันออก ขณะที่ ฮันนา มัลยาร์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหมยูเครน ระบุว่า สามารถชิงดินแดนคืนได้ 17 ตารางกิโลเมตรในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมแล้วสามารถยึดดินแดนคืนได้ 130 ตารางกิโลเมตรตลอดเดือนนี้
เหตุการณ์อลหม่านในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ทั้งฝ่ายที่เป็นมิตรและปฏิปักษ์กับรัสเซีย พยายามหาคำตอบว่า เกิดอะไรขึ้นในรัสเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีคลังแสงนิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดในโลก
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์รายการ “มีต เดอะ เพรส” ของเครือข่ายเอ็นบีซีเมื่อวันอาทิตย์ว่า อเมริกาเห็นรอยร้าวมากขึ้นในรัฐบาลรัสเซีย แต่สำทับว่า กว่าที่ผลลัพธ์ของสถานการณ์วุ่นวายนี้จะชัดเจนขึ้นก็ต้องรออีกหลายเดือน
ต่อมาในวันจันทร์ เจนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กล่าวว่า เหตุการณ์วุ่นวายในรัสเซียฟ้องว่า ปูตินทำพลาดครั้งใหญ่ด้วยการผนวกไครเมียและส่งทหารบุกยูเครน ขณะที่โจเซฟ บอร์เรลล์ ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) สำทับว่า วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในมอสโกบ่อนทำลายอำนาจของเครมลิน
ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน หารือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรัสเซียทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของอเมริกา และนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดว์ของแคนาดา และยูเครนออกมาแถลงว่า ผู้นำทั้งคู่แสดงการสนับสนุนเคียฟในการเดินหน้าปฏิบัติการตอบโต้เพื่อชิงดินแดนคืนจากรัสเซีย
เซเลนสกียังทวีตว่า นานาชาติต้องเพิ่มความกดดันรัสเซียจนกว่าจะสามารถฟื้นระเบียบโลกสำเร็จ
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)