พวกชาวบ้านในกรุงเคียฟเปิดเผยกับเอเอฟพีในวันเสาร์ (24 มิ.ย.) ว่ามีความสุขมากต่อกรณีที่พวกนักรบรับจ้างวากเนอร์ก่อกบฏกับมอสโก และหวังว่าการต่อสู้กันกันภายในระหว่าง 2 ฝ่ายจะสร้างความอ่อนแอแก่ทหารรัสเซียในสนามรบ
อย่างไรก็ตาม ความยินดีปรีดาดังกล่าวอยู่ได้ไม่นาน เมื่อล่าสุด วากเนอร์กลุ่มนักรบรับจ้างติดอาวุธหนัก ซึ่งเดินทัพเกือบถึงมอสโก ได้เริ่มถอยหลังกลับแล้วในวันเสาร์ (24 มิ.ย.) คลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียด ที่เป็นความท้าทายครั้งใหญ่ต่อการกุมอำนาจของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ความเคลื่อนไหวที่เยฟเกนี พริโกซิน ผู้นำของกลุ่มบอกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือด ขณะเดียวกัน สื่อแดนหมีขาวเผยว่าผู้นำวากเนอร์รายนี้จะย้ายไปเบลารุส แลกกับคำรับประกันด้านความปลอดภัย
ภาพจากวิดีโอ พบเห็นนักรบวากเนอร์เข้ายึดเมืองรอสตอฟ ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางใต้หลายร้อยกิโลเมตร ก่อนเคลื่อนขบวนด้วยรถถังลำเลียงและยานเกราะฝ่าแนวกั้นที่ตั้งไว้เพื่อขัดขวางพวกเขามุ่งหน้าสู่เมืองหลวง อย่างไรก็ตาม ผู้เห็นเหตุการณ์เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ในคืนวันเสาร์ (24 มิ.ย.) พวกนักรบขนรถถังขึ้นรถบรรทุกและเริ่มถอนกำลังออกจากฐานทัพทหารในรอสตอฟ ที่พวกเขาเข้ายึดก่อนหน้านี้แล้ว
ก่อนหน้านี้ พวกนักรบวากเนอร์ ซึ่งเป็นหัวหอกในการสู้รบส่วนใหญ่ในยูเครน ได่ก่อกบฏกับพวกผู้นำกองทัพรัสเซีย และรุกคืบทางเหนือมุ่งหน้าสู่มอสโก หลังจากยึดฐานทัพทหารแห่งหนึ่งในทางภาคใต้ กระตุ้นให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ออกมาประกาศว่าจะกำราบการก่อกบฏ และสกัดภัยคุกคามของสงครามกลางเมือง
หลังได้ทราบข่าว ประชาชนบนท้องถนนในเมืองหลวงของยูเครนต่างแสดงปฏิกิริยาตอบสนองด้วยความยินดี "ผมคาดไว้อยู่แล้วว่า เรื่องบางอย่างลักษณะนี้จะเกิดขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะเร็วเช่นนี้" อิลยา สเวอร์คุน วัย 21 ปีกล่าว "ผมคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะเริ่มขึ้นหลังสงครามยุติ แต่มันเริ่มขึ้นเร็วกว่านั้นและเป็นเรื่องดี" ทั้งนี้ เขาคิดว่า ปูติน จะถอนทหารบางส่วนออกจากยูเครนเพื่อจัดการกับการก่อกบฏภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยให้กองกำลังยูเครนเจองานที่ง่ายขึ้น
เคียฟ เปิดปฏิบัติการโจมตีตอบโต้เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา หวังทวงคืนดินแดนที่ถูกยึดครองโดยรัสเซีย ในทางภาคใต้และภาคตะวันออกของประเทศ
ในขณะที่กลุ่มวากเนอร์เป็นหัวหอกในแนวหน้าในปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย แต่ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เยฟเกนี พริโกซิน ผู้นำกลุ่มได้มีปัญหาไม่ลงรอยกับบรรดาผู้นำทางทหารของมอสโก โดยเฉพาะ เซียร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหม และวาเลรี เกราซิมอฟ ประธานคณะเสนาธิการทหาร โดยกล่าวหาพวกเขาไร้ความสามารถและไม่ยอมส่งมอบกระสุนให้นักรบของเขา
นอกจากนี้ พริโกซิน ยังกล่าวหาว่ากองทัพรัสเซียเข่นฆ่านักรบของพวกเขาเป็นจำนวนมากในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ คำกล่าวหาที่ทางกระทรวงกลาโหมปฏิเสธ
บอกดาน ทีโอโดรอฟสกี ชาวบ้านในกรุงเคียฟ วัย 19 ปี เรียกการต่อสู้กันเองของฝ่ายรัสเซียว่าเป็นเรื่องสนุกมาก "เราแค่เฝ้าดู และเชียร์พวกเขาทั้ง 2 ฝ่าย ผมหวังว่าพวกเขาจะรามือจากเรา และหันไปสู้รบกันเองอย่างเต็มที่"
มาริยา วัย 22 ปี พลเมืองอีกคนเชื่อว่าการสู้รบกันเองจะส่งผลกระทบต่อสมรภูมิรบในยูเครน "เวลานี้บางทีกองกำลังวากเนอร์บางส่วนอาจจะถอนตัวจากที่อื่นๆ และกองกำลังประจำการของรัสเซียจะเข้ามาแทน และอย่างที่เรารู้ พวกเขาไม่เลือดเย็นเท่าไหร่ และบางทีเราอาจเอาชนะพวกเขาได้ง่ายกว่า" เธอกล่าว
กระนั้นเธอตั้งข้อสังเกต คิดว่าบางที "มันอาจมีข้อตกลงบางอย่างระหว่างกระทรวงกลาโหมรัสเซียกับกลุ่มวากเนอร์ ที่จะหันเหความสนใจไปจากปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ของเรา เพื่อการเสริมทัพของพวกเขา" นอกจากนี้ เธอยังสงสัยว่าการก่อกบฏครั้งนี้อาจเป็นแค่การจัดฉากของสื่อมวลชน "นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันคิดว่าเราจำเป็นต้องติดตามข่าว และถ้าบางอย่างที่ร้ายแรงเกิดขึ้นจริงๆ เมื่อนั้นมันก็จะเป็นการก่อรัฐประหารอย่างแท้จริง"
"วากเนอร์เริ่มรุกคืบ พวกเขากำลังไปถึงมอสโก" มีคาอิโล ชาวบ้านวัย 50 ปี แสดงความคิดเห็น "ผมคิดว่ามีทุกเหตุผลที่กองทัพของเราจะเป็นฝ่ายชนะ ผมคิดว่ามันจะสร้างความอ่อนแอแก่ทหารรัสเซีย มันจะสร้างความอ่อนแอแก่ขุมกำลังทางการเมืองภายในรัสเซีย ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องยอดเยี่ยม"
โอกา วัย 45 ปี แสดงความหวังว่าความขัดแย้งระหว่างกลุ่มวากเนอร์กับกองทัพรัสเซีย "จะเป็นจุดจบของสงคราม และมันเป็นจุดจบของความทุกข์ทรมานและความเศร้าโลกของเราด้วย"
(ที่มา : เอเอฟพี)