ยูเครนอ้างชิงหมู่บ้านทางตะวันออกเฉียงใต้คืนได้เป็นแห่งที่ 4 เมื่อวันจันทร์ (12 มิ.ย.) ซึ่งถือเป็นความสำเร็จเล็กๆ ในปฏิบัติการสวนกลับมอสโก ขณะเดียวกัน นายใหญ่วากเนอร์ กรุ๊ปยันจะไม่ยอมให้ทหารรับจ้างของบริษัททำสัญญาอยู่ภายใต้อำนาจกลาโหมรัสเซีย
ฮันนา มาลิอาร์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหมยูเครน โพสต์บนเทเลแกรมว่า ธงยูเครนถูกชักขึ้นสู่ยอดเสาอีกครั้งในหมู่บ้านสโตโรซอฟของแคว้นโดเนตสก์ พร้อมกับคุยว่า การปลดปล่อย “ดินแดนยูเครนทั้งหมด” จะเป็นผลลัพธ์สุดท้ายของปฏิบัติการตอบโต้รัสเซีย
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอาทิตย์ (11) เจ้าหน้าที่ยูเครนประกาศว่า สามารถปลดปล่อยหมู่บ้านเล็กๆ 3 แห่งที่อยู่ติดกันทางใต้ของเมืองเวลิกา โนโวซิลกี ในแคว้นโดเนตสก์ทางตะวันออกของประเทศ จากการยึดครองของกองกำลังรัสเซีย
หมู่บ้านเหล่านั้นตั้งอยู่ในเวรมิฟกาเลดจ์ ซึ่งเป็นแนวรบในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียที่ยื่นเข้าสู่ดินแดนของยูเครน และเป็นหนึ่งในจุดศูนย์กลางการสู้รบที่ดุเดือด
ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียไม่ได้ยืนยันว่า ทหารรัสเซียล่าถอยจากหมู่บ้านเหล่านั้น ทว่า บล็อกเกอร์สายทหารของรัสเซียบางคนยอมรับว่า ข้อมูลของยูเครนบางส่วนเป็นเรื่องจริง
ขณะเดียวกัน มอสโกบอกว่า กองกำลังรัสเซียยังคงยึดพื้นที่ตลอดแนวรบในภาคใต้และภาคตะวันออกของยูเครนรวมระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร
พวกนักวิเคราะห์และเจ้าหน้าที่การทหารตะวันตกตั้งข้อสังเกตว่า ความพยายามในการทำลายกองกำลังรัสเซียที่มีทักษะสูง มีอาวุธทรงพลัง และอยู่ในที่มั่นที่มีการป้องกันอย่างดี มีแนวโน้มว่าต้องใช้เวลานานหลายเดือน ขณะที่ไร้ความแน่นอนว่าปฏิบัติการโต้กลับของยูเครนนี้จะประสบความสำเร็จ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (10) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประกาศยืนยันเป็นครั้งแรกว่า กองทัพยูเครนกำลังดำเนินการปฏิบัติการรุกตอบโต้ แต่ไม่ได้ระบุว่า เป็นปฏิบัติการตอบโต้เต็มพิกัด หลังจากที่ในวันศุกร์ (9) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ยืนยันก่อนแล้วว่า ปฏิบัติการตอบโต้ของเคียฟเริ่มต้นขึ้นแล้ว และกองกำลังยูเครนสูญเสียครั้งใหญ่ แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียด กระนั้นรัสเซียได้เผยแพร่คลิปยานรบ และรถถังอเมริกันและเยอรมนีหลายคันถูกทำลายเสียหาย ขณะที่เจ้าหน้าที่ยูเครนไม่ได้แถลงเกี่ยวกับความสูญเสียของฝ่ายตน
ข่าวการรุกของยูเครนมีขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่ของแนวรบทั้งสองฝั่งแม่น้ำดนิเปอร์ในแคว้นเคียร์ซอน ทางภาคใต้ของยูเครน เร่งปฏิบัติการกู้ภัยและอพยพพลเรือนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมภายหลังเขื่อนคาคอฟกาแตกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
กระนั้น เมื่อวันอาทิตย์ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นยูเครนกล่าวหาว่า ประชาชน 3 คนเสียชีวิตจากการที่กองกำลังมอสโกยิงเรือที่อพยพประชาชนออกจากเขตยึดครองของรัสเซีย
ต่อมาเมื่อคืนวันอาทิตย์ เซเลนสกีเผยว่า ผู้แทนจากศาลอาญาระหว่างประเทศเดินทางไปยังเคียร์ซอนเพื่อตรวจสอบภัยพิบัติที่เกิดขึ้นที่ทำให้ประชาชนเรือนหมื่นคนต้องทิ้งบ้านเรือน และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน
ยูเครนกล่าวหากองกำลังรัสเซียที่ควบคุมพื้นที่โดยรอบจงใจทำลายเขื่อน ขณะที่มอสโกโทษว่า ยูเครนเป็นฝ่ายยิงโจมตีทำลายเขื่อน
ในอีกด้านหนึ่ง เยฟเกนี ปริโกจิน ผู้ก่อตั้งบริษัททหารรับจ้าง วากเนอร์ กรุ๊ป ของรัสเซีย ออกมาประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (11) ว่า นักรบของตนจะไม่ทำสัญญากับเซียร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันเสาร์ (10) ที่ผ่านมา ชอยกูสั่งให้ “กองกำลังอาสาสมัคร” ทั้งหมดเซ็นสัญญากับกระทรวงฯ ภายในสิ้นเดือนนี้เพื่อให้กองทัพรัสเซียมีศักยภาพในการสู้รบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แม้คำสั่งดังกล่าวไม่ได้อ้างอิงถึงวากเนอร์ แต่กระทรวงกลาโหมรัสเซียมักกล่าวถึงวากเนอร์ว่า “กองกำลังอาสาสมัคร” นอกจากนั้น สื่อท้องถิ่นยังรายงานว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นความพยายามของชอยกูในการเข้าควบคุมทหารรับจ้างของวากเนอร์
ปริโกจิน ซึ่งแถลงโจมตีทั้ง ชอยกู และพวกนายทหารระดับสูงของรัสเซียบ่อยครั้งว่า ทรยศชาติด้วยการไม่สู้รบอย่างเหมาะสมในยูเครน กล่าวตอบโต้ว่า วากเนอร์ตอบสนองผลประโยชน์ของรัสเซียอย่างสมบูรณ์ แต่โครงสร้างการบัญชาการที่มีประสิทธิภาพสูงของวากเนอร์จะเสียหายถ้าต้องรายงานตรงต่อชอยกู ซึ่งไม่สามารถจัดการกองกำลังอย่างเหมาะสมได้ และสำทับว่า วากเนอร์นั้นประสานงานในยูเครนกับพลเอกเซียร์เก ซูโรวิกิน หรือที่สื่อรัสเซียขนานนามว่า “นายพลอาร์เมเก็ดดอน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการกองกำลังรัสเซียในยูเครน
ปริโกจินทิ้งท้ายว่า กระทรวงกลาโหมอาจใช้ข้ออ้างที่วากเนอร์ไม่ทำตามคำสั่งนี้ งดจัดส่งอาวุธและกระสุนให้วากเนอร์
ที่ผ่านมา วากเนอร์เป็นกำลังสำคัญในการสู้รบในเมืองบัคมุตที่ถือเป็นหนึ่งในสมรภูมินองเลือดที่สุด และเมื่อเดือนพฤษภาคมสามารถยึดเมืองนี้ได้สำเร็จภายหลังการสู้รบที่กำลังพลบาดเจ็บล้มตายนับหมื่น
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)