ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ถามตัวเองบ้างทำไมผิดซ้ำซาก? ก้าวไกล-ปิยบุตร โวย “นิติสงคราม” รุกฆาต “พิธา” เหมือนหนังฉายซ้ำ “ธนาธร”
พรึบ! การเมืองร้อนเป็นไฟในทันทีที่ กกต.หรือคณะกรรมการเลือกตั้ง มีมติส่ง “ปมหุ้นสื่อ” ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมหอบเอกสารหลักฐาน 3 ลังใหญ่ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ก่อนจะถึงวันโหวตนายกฯ วันนี้ (13ก.ค.) เพียงวันเดียว
แทบไม่ต้องคาดเดา อารมณ์ของ “ด้อมส้ม” และผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล คือเดือดจัด และเปิดเครื่องด่า เปิดสงครามโซเชียลฯ โดยทันทีเช่นกัน ทำให้แฮชแท็ก หลายๆข้อความที่เกี่ยวกับ พิธา และ ก้าวไกล ติดเทรนด์ตลอดทั้งวัน เช่น “กกต.มีไว้ทำไม” หรือ “นายกพิธา”
ไม่ใช่แต่ด้อมส้มที่เดือด แกนนำพรรคก้าวไกล ก็อยู่ไม่ไหว “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมสมาชิกพรรค เปิดฉากแถลงข่าวตอบโต้ กกต.ทันควันอย่างควันออกหู บอกเลยว่า เรื่องนี้เป็นกระบวนการหวังผลทางการเมือง โดยใช้ “นิติสงคราม” ผ่านบทบาทขององค์กรอิสระ ตลอดจนศาลรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือทางการเมือง
ถามว่า “พิธา” ยังมีสิทธิ์ไปต่อได้หรือไม่ เลขาฯก้าวไกล วินิจฉัยด้วยตัวเองแล้วยืนยันว่า พิธา ยังมีสิทธิ์ 100% ในฐานะ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล อย่าเพิ่งตกใจไป ข้อกล่าวหายังไม่สามารถเป็นบทสรุปได้ว่า พิธา กระทำความผิด เพราะกระบวนการยังไม่สิ้นสุด และไม่ใช่หน้าที่ของ ส.ว. หรือ ส.ส. ที่จะวินิจฉัยเรื่องนี้ เป็นคนละส่วนกันกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
พูดง่ายๆว่า กระบวนการตรวจสอบของ กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ เป็นคนละส่วน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐสภา ในการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่แน่นอนว่าในความเห็นของก้าวไกล เห็นว่ามีบางฝ่ายพยายามจะใช้เรื่องนี้ เลื่อนโหวตนายกฯ และมีเรื่องอื่นมาแทรกเต็มไปหมด ด้วยเหตุผลว่า จะไม่เลือก“พิธา”เป็นนายกรัฐมนตรี
“ชัยธวัช” ยังป่าวประกาศ พรรคก้าวไกลไม่มีแผนสำรองใดๆ ไว้เตรียมรับหาก “พิธา” ไม่ได้รับโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่ จะปั่นกระแส เอาคนมาทำเป็น “โล่มนุษย์” สู้เพื่อเป็นนายกฯ และให้ได้เป็นรัฐบาล พรรคก้าวไกลไม่ได้กล่าวออกมา กระนั้นในฟีตโซเชียลฯ ของด้อมส้มก็เต็มไปด้วยการยุยง ปลุกปั่น ให้ด้อมส้มทั้งหลายเตรียมพร้อมชุมนุมอย่างแข็งกร้าว
หนึ่งในนั้นเช่น “อานนท์ นำภา” ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนแนวร่วม 3 นิ้ว โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ว่า เรียกระดมพล ระบุว่า การต่อสู้ที่ปลายทางไม่รู้จะแพ้ หรือชนะ แต่การถูกหยามศักดิ์ศรีความมนุษย์ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้ การตอบโต้ต่ออำนาจที่คอยทำลายประชาธิปไตย มีความจำเป็นต้องก่อเกิด ไม่ว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร ให้ทุกคนรู้ว่าการต่อสู้ได้เริ่มต้นแล้ว
ขณะที่ “พิธา” ว่า ตอนนี้ไม่รู้จะตั้งรับอย่างไร เพราะว่าไม่มีโอกาสในการชี้แจงแจ้งข้อกล่าวหา มีเวลาเพียง 32 วัน ซึ่งเป็น 1 วันก่อนโหวตนายกรัฐมนตรี
ว่าที่นายกฯที่ยังไม่รู้อนาคต ยังพูดในทำนองชี้นำว่า จะไม่เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง จนทำให้สู่การชุมนุม แถมขู่ไว้ว่า "การกลั่นแกล้งผมเพียงคนเดียวมีราคาจ่ายที่สูง"
ส่วน “ปิยบุตร แสงกนกกุล” แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในทำนองตัดพ้อว่า หนังม้วนเก่ากำลังกลับมาฉายซ้ำ เหมือนกรณีของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า เจ้าของพรรคก้าวไกลตัวจริง
พิธา ถูก “นิติสงคราม” กระทำซ้ำ และทำลายสถิติการพิจารณาคำร้องของ กกต. อย่างรวดเร็ว หากพิจารณานับจากวันที่ “เรืองไกร” ยื่นคำร้องต่อ กกต.ซ้ำอีกครั้งในวันที่ 20 มิถุนายน ก็เท่ากับว่า กกต.ใช้เวลาพิจารณาเพียง 32 วันเท่านั้น!!!
พวกเขา บรรดาผู้กำกับภาพยนตร์ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเอาหนังม้วนเดิมกลับมาเล่นใหม่ หนังม้วนนี้เล่นกันมาเกือบ 20 ปี แล้ว เราจะให้มันจบแบบเดิม อย่างนั้นหรือ???
คำถาม คือ พรรคก้าวไกล ทั้ง “ชัยธวัช-ปิยบุตร” และด้อมส้มทั้งหลาย ทำไมไม่ถามพวกเดียวกันเองบ้างว่า มีบทเรียนจาก “ธนาธร” แล้วทำไมยังทำผิดซ้ำซาก!
กำกับ”พิธา”ออกมาอย่างไร? ให้แสดงบทเดิมเหมือนกับ “ธนาธร”!?
**“ทักษิณ” กลับแน่ แต่ถ้าให้ชัวร์ ต้องรอผลโหวตนายกฯก่อนว่าจะจบอย่างไร
เรื่องการโหวตนายกฯ ตั้งรัฐบาลกำลังเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง และอุณหภูมิการเมืองอาจจะร้อนขึ้นไปอีกเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” กลับไทยในช่วงไม่กี่วันที่จะถึงนี้ เพราะได้ประกาศแล้วว่าจะกลับมาในช่วงก่อน หรือหลังวันเกิดของเขา คือวันที่ 26 ก.ค.นี้
และในช่วงที่การเมืองกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม จะโหวตนายกฯ จะตั้งรัฐบาล ก็มีข่าวว่า “ทักษิณ”และ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ได้มาสังเกตการณ์ บัญชาการ อยู่ที่สิงคโปร์ โดยบอกว่ามาตรวจสุขภาพตามที่แพทย์นัดหมาย ซึ่งครอบครัวของลูกสาว ทั้ง “เอม” พินทองทา และ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ก็พาหลานๆไปหา พอได้หายคิดถึง
ล่าสุด เมื่อเช้าวานนี้ (12 ก.ค.) ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้มีการประชุมเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ แล้วบังเอิญมีเอกสารหลุดมาเข้ามือนักข่าว ระบุวาระการประชุมเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการตามกฎหมาย กรณีมีผู้ต้องหาตามหมายจำคุก เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยเครื่องบินโดยสาร ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง หรือ สุวรรณภูมิ
ตามเอกสารมีการเตรียมเส้นทางไว้ถึง 6 เส้นทาง 1. จากสนามบินสุวรรณภูมิ มายังศาลฎีกา (สนามหลวง) 2. จากสนามบินดอนเมือง มายังศาลฎีกา (สนามหลวง) 3. จากสนามบินสุวรรณภูมิ มายัง บช.ปส. (กองบัญชาการตํารวจปราบปรามยาเสพติด) (สถานที่ควบคุมพิเศษ) 4. จากสนามบินดอนเมือง มายัง บช.ปส. (สถานที่ควบคุมพิเศษ) 5. จาก บช.ปส. มายังศาลฎีกา (สนามหลวง) และ 6. จากศาลฎีกา (สนามหลวง) มายังเรือนจำพิเศษ กทม.
คนที่อยู่กับข่าว เห็นรายละเอียด ก็พอจะคาดเดาได้ว่า เป็นการเตรียมรับตัว “ทักษิณ ชินวัตร” ที่จะกลับไทยอย่างไม่ต้องสงสัย
แล้ว “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี ที่รั้งตำแหน่งรักษาการ รมว.ยุติธรรม แทน สมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ลาออกไป ก็ตอบแบบไม่กั๊กว่า ที่ บช.น.เขาซักซ้อมแผน ก็เพื่อรอรับ “ทักษิณ” นั่นแหละ เพราะเจ้าตัวก็ประกาศแล้วว่า จะกลับมาในเดือนนี้ ช่วงใกล้วันเกิด แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะกลับมาวันที่เท่าไร เพราะต้องมีการประสานแจ้งมาก่อน ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คือตำรวจ และกรมราชทัณฑ์ จะได้รู้ จะได้เตรียมพร้อมในส่วนของเขา
เพราะเมื่อกลับมาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการ อันดับแรกคือ ติดคุกก่อน ถึงจะขอพระราชทานอภัยโทษได้ ซึ่งไม่มีการกำหนดว่า จะต้องจำคุกกี่วัน ถึงจะขอพระราชทานอภัยโทษได้ เมื่อขอแล้วจะโปรดเกล้าฯ พระราชทานเมื่อใด นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ส่วนเรื่องติดคุก จะสามารถเข้าไปอยู่ในสถานที่คุมขังพิเศษ ได้หรือไม่นั้น “รองวิษณุ” ตัดบทว่า ต้องขออภัยที่อธิบายให้ฟังไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องสิทธิ และเสรีภาพของเขา ซึ่งมันจะกระทบกับความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองด้วย รอให้เขากลับมา แล้วเขาก็จะรู้ด้วยตัวเองว่าต้องเจออะไรบ้าง!!
ขณะที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร บอกว่า เพิ่งคุยกับพ่อเมื่อคืนวันที่ 11 ก.ค.นี่เอง เรื่องเวลาการเดินทางกลับ พ่อบอกว่า จะบวกลบกับที่เคยบอกไว้ไม่มาก เพราะการเป็น“ทักษิณ” ใครๆก็มองภาพว่าเป็นเรื่องการเมือง
...ท่านไม่อยากให้ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ถ้ากลับมาแล้วเป็นการแก้ปัญหาได้ จะดีกว่า ไม่ใช่กลับมาในช่วงที่การเมืองยังไม่นิ่ง แล้วทำให้เกิดความวุ่นวาย ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ส่วนตัวคิดว่าเปลี่ยนวันกลับไม่มาก และยืนยันว่าจะเดินทางกลับ หากไม่ใช่เดือนก.ค. ตามที่เคยบอกไว้ ก็อาจเลื่อนออกไปไม่มาก ต้องดูก่อนว่าการโหวตเลือกนายกฯวันที่ 13 ก.ค. จะจบลงอย่างไร...คืออยากให้การโหวตนายกฯ รวมถึงจัดตั้งรัฐบาลนิ่งก่อน ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัจจัยในทางการเมือง
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า การเมืองจะ“นิ่ง”พอให้ “ทักษิณ”วางใจที่จะกลับมาหรือไม่ หรืออาจมีเหตุให้ต้องเลื่อนยาว!!