ผู้ตรวจการแผ่นดินไทย จับมือผู้ตรวจการแผ่นดินกลุ่มภูมิภาคเอเชียของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ (IOI) แถลงเจตนารมณ์รับหลักการเวนิส ยืนหยัดบทบาทคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ เป็นที่พึ่งประชาชน
วันนี้( 12 ก.ค.)ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ ผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นเจ้าภาพจัดหารือจัดประชุมกลุ่มภูมิภาคเอเชียของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ (IOI) ประจำปี 2566 โดยนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ในฐานะประธานภูมิภาคเอเชียของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ (IOI) เปิดเผยว่าการประชุมครั้งนี้เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้หน่วยงานสมาชิกของ IOI จาก 9 ประเทศในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคใกล้เคียง รวม 11 หน่วยงาน ได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์การปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมบทบาทและความสำคัญขององค์กรผู้ตรวจการแผ่นดินในภูมิภาคเอเชียให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยวันนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งราชอาณาจักรไทย พร้อมด้วยนายคริส ฟิลด์ (Mr. Christ Field) ประธานสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ (IOI) และนายอาจัส อาลี ข่าน กรรมการบริหารระดับภูมิภาคเอเชีย ฐานะผู้แทนหน่วยงานสมาชิกในภูมิภาคเอเชีย ได้แถลงเจตนารมณ์ตามมติที่ประชุมกลุ่มภูมิภาคเอเชียของ IOI ที่เห็นพ้องสนับสนุนหลักการเวนิส (The Venice Principles) อันเป็นหลักสากลว่าด้วยการคุ้มครองและส่งเสริมสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินและข้อมติสมัชชาสหประชาชาติที่เกี่ยวข้องกับสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินที่ 77/224 ซึ่งเน้นย้ำความสำคัญของการปฏิบัติหน้าที่ให้สอดคล้องกับหลักการเวนิส ซึ่งย้ำว่าผู้ตรวจการแผ่นดินมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของรัฐในระบอบประชาธิปไตยที่มีหลักนิติธรรม การเคารพสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน มีหลักการบริหารที่ดี โดยเฉพาะบทบาทในการเรียกร้องให้รัฐสภาและรัฐบาลเคารพและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ซึ่งถือว่ามีความสำคัญสูงสุดเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีความยากลำบากและความขัดแย้งในสังคม
ดังนั้น หลักการเวนิสจึงมุ่งเน้นว่ารัฐต้องรับรองรูปแบบของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินที่เป็นไปตามหลักการนี้อย่างสมบูรณ์ ต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบัน และต้องเพิ่มพูนระดับการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เสรีภาพภาพขั้นพื้นฐานในประเทศ การแต่งตั้งหรือเลือกตั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามกระบวนการต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับอำนาจหน้าที่ มีความเป็นกลาง ความเป็นอิสระ และความชอบธรรมของสถาบัน อำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินต้องครอบคลุมการป้องกันและการแก้ไขการบริหารจัดการที่ไม่เหมาะสม การคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ครอบคลุมการบริหารราชการแผ่นดินทุกระดับ รวมถึงถึงผลประโยชน์ทั่วไปและการบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ว่าจะโดยรัฐ โดยเทศบาล โดยหน่วยงานของรัฐ หรือโดยหน่วยงานเอกชน นอกจากนี้ รัฐต้องละเว้นจากการดำเนินการใด ๆ ที่มีเป้าหมายหรือมีผลคุกคามต่อสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือเป็นอุปสรรคต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และต้องปกป้องสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจากการคุกคามดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยหลักการดังกล่าวจะนำมาใช้เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้สถาบันผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อพิจารณาถึงความหลากหลายของรูปแบบ ระบบ และสถานะทางกฎหมายของผู้ตรวจการแผ่นดินและเจ้าหน้าที่ รัฐพึงดำเนินการเรื่องที่จำเป็นทั้งหมด รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีสภาพความพร้อมในการเสริมสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และเสริมสร้างสมรรถนะ ความเป็นอิสระและเป็นกลาง ทั้งในจิตวิญญาณและในการปฏิบัติตาม “หลักการเวนิส” จึงมั่นใจได้ว่าการดำเนินการของผู้ตรวจการแผ่นดินจะถูกต้อง ทันเวลา เพื่อเป็นที่พึ่งแก่ประชาชนในการบรรเทาทุกข์ อำนวยการความเป็นธรรมได้อิสระ มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
สำหรับหลักการเวนิส (Principles on the Protection and Promotion of the Ombudsman Institution (The Venice principles)) เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มี.ค.62 คณะกรรมการยุโรปว่าด้วยประชาธิปไตยโดยกฎหมาย (คณะกรรมการเวนิส) (The European Commission for Democracy through Law: The Venice Commission) ได้รับรองกฎหมายของสภายุโรป ที่ได้พัฒนาและนำหลักการสำคัญ 25 ประการ เพื่อช่วยปกป้องและส่งเสริมสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งเรียกว่า “หลักการเวนิส” สิ่งเหล่านี้แสดงถึงความเป็นอิสระและเป็นสากลของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดิน เทียบเท่ากับหลักการปารีส ที่กำหนดมาตรฐานของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (NHRI) หลักการเวนิสได้กำหนดหลักการสำหรับการจัดตั้งสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และวางแนวทางสำหรับการปรับปรุงองค์กร และยังเน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของผู้ตรวจการแผ่นดินในการช่วยส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชน รักษาประชาธิปไตย และหลักนิติธรรม เพื่อให้แน่ใจว่ามีการบริหารงานภาครัฐที่ดี นอกจากนี้ยังย้ำว่า รัฐบาลควรเคารพหลักการดังกล่าว เพื่อเป็นหลักประกันว่าผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีศักยภาพในการปฏิบัติหน้าที่ และได้รับการคุ้มครองจากการคุกคามต่างๆ เพื่อให้เกิดความเป็นอิสระ และปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้การประชุมกลุ่มภูมิภาคเอเชียของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ (IOI) ประจำปี 2566 และการสัมมนานานาชาติ ในหัวข้อ “ผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งภูมิภาคเอเชียในฐานะกลไกสำหรับการส่งเสริมการบริหารที่เป็นธรรม ธรรมาภิบาล และหลักนิติธรรม” ได้จัดขึ้นอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 11 – 12 ก.ค.66 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ซึ่งมี 9 ประเทศในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคใกล้เคียงเข้าร่วม ประกอบด้วย ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี, เขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน, สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน, สาธารณรัฐอินโดนีเซีย, สาธารณรัฐฟิลิปปินส์, ประเทศออสเตรเลีย, ราชอาณาจักรบาห์เรน และ สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต