xs
xsm
sm
md
lg

“เรืองไกร” ชงเพิ่มสอบ ม.151 “พิธา” ให้เรียกสอบเอกสารงบไม่ตรง คาใจ itv พ้นตลาดหลักทรัพย์แต่ยื่น ก.ล.ต.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สมาชิก พปชร. ยื่นเพิ่ม หนุน กกต.สอบ ม.151 ปม “พิธา” เซ็นรับรองส่งสมัคร ส.ส.บัญชี-แคนดิเดตนายกฯ ยันหากเห็นว่าเอกสารงบการเงิน 2 หน่วยงานไม่ตรง ให้เรียกสอบ แต่สงสัยไอทีวีถูกถอดจากตลาดหลักทรัพย์ แต่ทำไมต้องยื่น ก.ล.ต. ไม่หวั่น “วีระ” จี้ ป.ป.ช.เร่งสอบ 25 ล้าน โชว์รถหรู

วันนี้ (15 มิ.ย.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ส่งหลักฐานเพิ่มเติมทางไปรษณีย์ต่อ กกต.เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการไต่สวนกรณีสอบสวน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเดตนายกฯ รู้อยู่แล้วไม่มีสิทธิลงสมัคร ส.ส.แต่ยังลงสมัคร ตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง โดยเป็นสำเนาเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล ที่ได้โพสต์ข้อความหัวข้อ “คนโกงวงแตก ก้าวไกลชำแหละเพิ่มขบวนการปลุกผีไอทีวี” ที่มีเนื้อหา กรณี นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าวเปิดคลิปเสียงการประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท itv จำกัด (มหาชน) และสำเนาแบบ ส.ส.4/20 และ ส.ส.4/30 หนังสือยินยอมให้เสนอชื่อรับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ว่า เข้าข่ายตามความในมาตรา 132 หรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวว่า คำแถลงของนายชัยธวัช ที่บางส่วนกล่าวถึงตนมีความเคลื่อน ไม่ตรงตามความจริง ยืนยันว่า การมายื่นร้องคุณสมบัตินายพิธา ต่อ กกต.นั้น ตนดำเนินการคนเดียว ไม่ได้ร่วมกับผู้อื่น ส่วนที่ นายชัยธวัช ระบุว่า การดำเนินการของ กกต.ตามมาตรา 151 ไม่มีหลักฐานและน้ำหนักเพียงพอนั้น ส่วนตัวเห็นว่า การดำเนินการของ กกต.ตามมาตรา 151 ควรหมายรวมถึงการกระทำตามแบบ ส.ส. 4/20 และ ส.ส. 4/30 เพราะตามหนังสือยินยอมให้เสนอชื่อรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และหนังสือยินยอมให้เสนอชื่อแต่งตั้งเป็นนายกฯ ซึ่งนายพิธาจะต้องลงนามรองรับไว้แล้ว

นายเรืองไกร ยังกล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญาตรา 98(3) ที่กำหนดห้ามผู้ที่จะลงสมัคร ส.ส.ต้องไม่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ นั้น ไม่ได้มีการกำหนดเรื่องจำนวนการถือหุ้น หรือการกระทำใดๆ ที่เป็นการขัดขวาง แทรกแซงการใช้สิทธิเสรีภาพของหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนไว้ และบทบัญญัติดังกล่าวยังบังคับครอบคลุมไปถึงผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอื่นๆ เช่น วุฒิสภา คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงกรรมการองค์กรอิสระ และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งที่พรรคก้าวไกลพยายามแก้ต่างว่าหุ้นที่นายพิธาถือเพียง 4.2 หมื่นหุ้นนั้น ถ้าไปเทียบเคียงกับรัฐธรรมนูญมาตรา 187 เกี่ยวกับการถือหุ้นของรัฐมนตรีจะกำหนดไว้ว่า หากถือเกินกว่าร้อยละ 5 โดยไม่แจ้งหรือโอนให้บริษัทจัดการหุ้นเป็นเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง

“การที่ กกต.จะดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ต้องดูในหนังสือยินยอมลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และแคนดิเดต ว่า ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม แต่เนื่องจากนายพิธาสมัคร 2 สถานะ ทั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และสมัครแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งห้ามเหมือนกัน จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบประเด็นนี้เพิ่มเติมเข้าไปด้วย และที่ก้าวไกลแย้งว่า ลักษณะต้องห้ามผู้สมัคร ส.ส.ไม่ครอบคลุมคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯ ขอให้คนพูดไปอ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 89 วรรคสอง และ พ.ร.ป. ส.ส. มาตรา 14 วรรคสองด้วย”

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกล มีข้อสงสัยเกี่ยวกับรายงานงบการเงินไอทีวีปี 2565 ที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ มีข้อความแตกต่างกัน เกี่ยวกับการทำกิจการสื่อและชี้พิรุธ ว่า รายงานงบที่บริษัทยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นวันเดียวกับที่นายเรืองไก รมายื่นร้องนายพิธา ต่อ กกต. คือ วันที่ 10 พ.ค. ว่า ตนให้ข่าวในวันที่ 9 พ.ค.จะมายื่น กกต.เรื่องเกี่ยวกับหุ้นของนายพิธา และมายื่นคำร้องในวันที่ 10 ซึ่งอยากให้ไปดูเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายพิธา ที่โพสต์ข้อความชี้แจงเกี่ยวกับที่จะถูกร้องเรียนเรื่องนี้ ในวันที่ 9 พ.ค..ว่า เจตนาสกัดพรรคก้าวไกล เพราะพรรคกำลังทลายทุนผูกขาด ไม่มีข้อความใดที่เขียนว่า มีการปลุกผีไอทีวี ส่วนถ้ามองว่า รายงานงบที่ส่ง ก.ล.ต.และกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแล้วเห็นว่ามีพิรุธ ก็เรียกให้สอบได้ ตนไม่ได้ดูเอกสารฉบับนี้ของ ก.ล.ต. และก็สงสัยว่า ในเมื่อไอทีวีถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว เหตุใดยังต้องยื่นรายงานงบต่อ ก.ล.ต.ด้วย ซึ่งนายพิธาก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กในวันที่ 6 มิ.ย.ว่าบริษัท ไอทีวี ถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว

นายเรืองไกร ยังกล่าวกรณี นายวีระ สมความคิด เรียกร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เร่งตรวจสอบที่มาเงิน 25 ล้านบาท และรถเบนซ์ ของตนเอง ที่โพสต์ว่า ได้รับจากผู้ใหญ่ใจดี ว่า เรื่องนี้ ป.ป.ช. กำลังตรวจสอบอยู่ ตนก็ขอให้ติดตามบ่อยๆ ด้วย ซึ่งเงิน 25 ล้านบาท รวมถึงรถเบนซ์ นั้น ตนเป็นเป็นคนโพสต์เอง มีตังค์ก็ซื้อ ส่วนที่บอกว่ามีผู้ใหญ่ใจดีให้มานั้น ก็เพราะว่าเขาให้มาจริงๆ ผู้ใหญ่ใจดีก็ภรรยาคนเดียว ภรรยาสุดที่รัก เขาเกษียณ เงินเกษียณออก เขาอยากได้อะไรก็ซื้อ รูปรถเบนซ์ที่โพสต์ ภรรยาก็เป็นคนถ่ายให้ ซึ่งประจวบเหมาะกับตนเป็นกรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปี ทำให้มีคนมองว่าถูกซื้อตัว ก็ว่ากันไป ถ้า ป.ป.ช.เรียกผู้ใหญ่ใจดีชี้แจง ก็ยินดีให้ข้อมูล แต่จะเรียกในฐานะอะไร และใช้กฎหมายอะไร ก็ขอให้เขียนมาให้ชัดเจน

“ป.ป.ช. มีการตอบคำถามสื่อหมดเลย ทั้งที่ผมก็เคยเร่งรัด ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบหลายครั้ง รวมถึงถามว่าใช้อำนาจตามบทบัญญัติของกฎหมายใดในการสอบเรื่องนี้ เพราะคนร้องก็ร้องไปเรื่อย อ้างเหตุผลว่า ฝ่ายกฎหมายตีความมา แต่ผมเห็นว่า หากแน่จริงก็ขอให้ชี้มูลมา”


กำลังโหลดความคิดเห็น