โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ ผลักดันความร่วมมือไทย-ซาอุดีฯ อย่างต่อเนื่อง ยินดีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 3.23 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับและติดตามการดำเนินการ เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดอย่างเป็นรูปธรรม
วันนี้ (10 มิ.ย.) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผลักดันความร่วมมือทวิภาคีกับซาอุดีอาระเบียให้อย่างเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง ภายหลังการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ครอบคลุมทั้งด้านการทูต แรงงาน เศรษฐกิจ พลังงาน และการท่องเที่ยว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นับตั้งแต่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบีย ความสัมพันธ์ระว่างทั้งสองประเทศมีพลวัตอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าการลงทุนระหว่างกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.64 มาอยู่ที่ 3.23 แสนล้านบาท สำหรับด้านการท่องเที่ยว ในปี 2565 นักท่องเที่ยวชาวซาอุดีฯ มาไทย จำนวน 96,389 คน สร้างรายได้ 8 พันล้านบาท คาดการณ์ว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวชาวซาอุดีฯ เพิ่มขึ้น 150,000 คน สร้างรายได้ 12,000 ล้านบาท รวมถึงมีการเพิ่มเที่ยวบินจาก 9 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เป็น 42 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทั้งนี้ ผลความสำเร็จดังกล่าว สืบเนื่องมาจากการที่รัฐบาลผลักดันความร่วมมือทวิภาคีในด้านต่าง ๆ ผ่านมติเห็นชอบกรอบความร่วมมือต่าง ๆ จากคณะรัฐมนตรีแล้ว ดังนี้
1) ด้านการทูตและการต่างประเทศ มติ ครม. 8 พฤศจิกายน 2565 เห็นชอบการจัดทำแผนการขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีปี 2565-2567 รวมทั้งจัดตั้งสภาความร่วมมือไทย-ซาอุดีฯ ซึ่งจะประสานความร่วมมือทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมวัฒนธรรม นอกจากนี้ มติ ครม. 15 พฤศจิกายน 2565 ยังได้เห็นชอบการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูต และหนังสือเดินทางราชการ รวมไม่เกิน 90 วัน เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน
2) ด้านแรงงาน มติ ครม. 1 มีนาคม 2565 เห็นชอบข้อตกลงด้านแรงงาน เพื่อจัดหาแรงงานไปทำงานในซาอุดีฯ อย่างถูกกฎหมาย และปกป้องสิทธิของนายจ้างและแรงงาน รวมถึงการบังคับใช้กฎระเบียบสัญญาจ้างระหว่างกัน
3) ด้านการค้าและการลงทุน มติ ครม. 8 พฤศจิกายน 2565 ได้เห็นชอบการส่งเสริมการลงทุนโดยตรงระหว่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแลกเปลี่ยนข้อมูลสถิติเกี่ยวกับการลงทุนโดยตรงและโอกาสทางธุรกิจ กฎหมายและกฎระเบียบเกี่ยวกับโอกาสในการลงทุนโดยตรง และการเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุนของทั้งสองประเทศ
4) ด้านพลังงาน มติ ครม. 15 พฤศจิกายน 2565 เห็นชอบความร่วมมือทวิภาคีด้านพลังงาน อาทิ ปิโตรเลียม ก๊าซ ไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน และเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ เพื่อลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
5) ด้านการท่องเที่ยว มติ ครม. 15 พฤศจิกายน 2565 เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกัน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยวไทย-ซาอุดีฯ รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลสถิติการท่องเที่ยว จัดโปรแกรมการศึกษาและการวิจัย การประชุม สัมมนา การประชุมเชิงปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ
นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 6-10 มิถุนายน 2566 นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีกำหนดการเดินทางเยือนซาอุดีฯ ตามคำเชิญของ นายคอลิด บิน อับดุลอะซีซ อัลฟาลิห์ (Khalid bin Abdulaziz Al-Falih) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนซาอุดีฯ โดยนำคณะผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนร่วมเดินทางด้วย เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือทวิภาคี และส่งเสริมการเจรจาการค้าและการลงทุนระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ โดยภาคเอกชนชั้นนำของไทยยังได้พบหารือภาคเอกชนซาอุดีฯ เพื่อสร้างเครือข่ายและจับคู่ธุรกิจที่มีศักยภาพร่วมกัน
“นายกรัฐมนตรียังคงผลักดันความร่วมมือทวิภาคีไทยและซาอุดีฯ อย่างต่อเนื่อง ผ่านมติเห็นชอบกรอบความร่วมมือต่างๆ จากคณะรัฐมนตรี และการเดินทางเยือนซาอุดีฯ ของหน่วยงานรัฐบาล เพื่อติดตามความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์ พร้อมทั้งกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยให้กำกับและติดตามการดำเนินการขับเคลื่อนความร่วมมือ เพื่อให้เกิดผลประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม และยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกัน ให้ครอบคลุมทั้งด้านการทูต แรงงาน เศรษฐกิจ พลังงาน และการท่องเที่ยว” นายอนุชา กล่าว