ข่าวปนคน คนปนข่าว
** อภัยกดไลก์ ไม่อภัยกดเลิฟ...โพล “ป๋าเสรี” ให้จัดหนัก “นักร้องกราบเรียน-สนธิญา" แบบแลนด์สไลด์
งานนี้ต้องขอกราบเรียนว่า ...โดนขยี้แหลกเป็นผุยผง !!
จากความเคลื่อนไหวของ “บิ๊กตู่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ควบ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ที่โพสต์ภาพจดหมายขอโทษที่ส่งมาจาก “สนธิญา สวัสดี” อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน พร้อมกับแคปชันว่า... “สนธิญา สวัสดี มีหนังสือมากราบขอประทานโทษผม จากกรณีที่ถูกศาลอาญาชั้นต้นพิพากษาจำคุก 6 เดือน ปรับ 5 หมื่นบาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี และศาลแพ่งพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายอีก 2 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างรอคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เนื่องจากคดีนี้ สังคมเรียกร้องให้ผมดำเนินคดี คุณสนธิญา จึงขอความเห็นด้วยครับ ควรให้อภัย หรือไม่ควรให้อภัย”
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยัง “ทำโพล” ด้วยการให้ชาวโซเชียลฯแสดงความคิดเห็น “ให้อภัยกดไลก์ ไม่อภัยกดเลิฟ”
ผลปรากฏว่า เพจ “ป๋าเสรี” ที่มีคนติดตามกว่า 1.8.ล้านคน มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นนับสองหมื่นกว่า และคน “กดเลิฟ” มากกว่า “กดไลก์” หรือ เชียร์ “ไม่ให้อภัย” ชนะอย่างท่วมท้นแบบ “แลนด์สไลด์” กันเลยทีเดียว
ในจำนวนนี้ มีเหล่าคนดัง ดารา นักร้อง และ อินฟูลเอนเซอร์มากหน้าหลายตา เข้ามากดเลิฟ ซึ่งบางคนเป็นโจทก์เก่าของ นักร้องเจ้าของฉายา “กราบเรียน” คนนี้
“สนธิญา สวัสดี” เป็นใคร ทำไมมีแต่คนรัก กดเลิฟ เพราะเขาถือเป็นหนึ่งใน “นักร้อง” ที่เคลื่อนไหวทำเรื่องราวยื่นหนังสือร้องเรียนใครต่อใคร มานับไม่ถ้วน
พีกสุดๆ สร้างชื่อตัวเองให้ชาวโซเชียลฯ อยากรู้จักเป็นใครมาจากไหน ก็ตอนที่ ยื่นหนังสือถึง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้ตรวจสอบกลุ่มศิลปิน ดารา และผู้มีชื่อเสียงกว่า 20 คน ออกมา Call Out เกี่ยวกับสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 แสดงความคิดเห็นทางการเมือง และพาดพิงการบริหารงานของรัฐบาล
นับแต่นั้น “สนธิญา สวัสดี” กลายเป็น “ตัวตึง” ที่รู้กันว่าเป็นผู้พิทักษ์ปะฉะดะกับฝ่ายตรงข้าม “รัฐบาลลุง”
คำพูดติดปากที่นักร้องคนนี้มักพูดว่า “กราบเรียน” โดนล้อเลียนไปทั่วโซเชียลฯ และถูกจองกฐินหมายหัวเอาไว้จากเหล่าคนดัง เมื่อไหร่ที่ “สนธิญา” พลาดมา เซมากูเตะแน่นอน
และแล้ว...วันนี้ก็มาถึงดังว่า เจ้าตัวร่ายจดหมายขอโทษ “ป๋าเสรี” ระบุเรื่อง การกราบขอประทานโทษ และขอโอกาสเข้าพบ เพื่อกราบขอประทานโทษ และขออภัยในเหตุการณ์ที่ผ่านมาในทางการเมือง ตั้งแต่ ปี 2563-2566 ที่เป็นคดีความอยู่ในขณะนี้ และจะถอนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด ที่มีต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในทุกหน่วยงาน และจะไม่ล่วงเกินท่านต่อไปตลอดชีวิต และยินดีรับใช้ต่อท่านในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชน
เนื้อหาตอนท้ายยังระบุว่า “ครั้งนี้ข้าพเจ้าจึงกราบเรียนมาเพื่อท่านโปรดเมตตากรุณาต่อข้าพเจ้า เพื่อเข้ามากราบขอโทษ และขออภัย และจะถอนเรื่องทั้งหมดที่ข้าพเจ้ามีต่อท่านในทุกหน่วยงานทันที และกราบสัญญาว่า ข้าพเจ้าจะไม่กระทำการใดๆ ให้ท่านระคายเคือง ล่วงเกินท่านในทุกๆ เรื่องต่อไปตลอดชีวิต และจะถือว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณและให้โอกาสในชีวิตกระผมใหม่”
แต่จากผลโพลที่ออกมา มีแต่คน “กดเลิฟ” ไม่ให้อภัย ก็ไม่รู้ว่า “ป๋าเสรี” จะทำอย่างไร ใจอ่อน หรือ โอนอ่อนตามแรงเชียร์ ก็ต้องติดตามกันต่อไป
อย่างไรก็ดี นี่ก็ถือเป็นบทเรียนให้บรรดา “นักร้อง” ที่ต้องจดจำ คนรักเท่าผืนหนัง คนชังอาจจะท่วมโซเชียลฯ ..พลาดพลั้งผิดพลาด งานนี้ได้โดนเอาคืนทั้งต้นทั้งดอก ด้วยประการฉะนี้แล
**“วิษณุ” ทิ้งบอมบ์!! ปมปัญหาคุณสมบัติ “พิธา” อาจต้องเลือกตั้งกันใหม่ทั้งประเทศ
แม้ กกต.จะยังไม่ได้ประกาศรับรอง ส.ส.แม้แต่คนเดียว แต่ “ว่าที่นายกฯ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จากพรรคก้าวไกล ก็ได้วางแผนเตรียมรับช่วงการบริหารงานจากรัฐบาล “ลุงตู่” แบบไร้ตะเข็บ รอยต่อ มีการเดินสายไปพบทั้ง สภาอุตสาหกรรมฯ สภาหอการค้าไทย และเมื่อวันก่อนก็เพิ่งหารือกับอีก 7 พรรคร่วม ตั้งคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านขึ้นมา โดยมี “พิธา” นั่งเป็นประธานเอง
ขณะเดียวกัน ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า เส้นทางที่ “พิธา” กำลังเดินอยู่นี้ จะฝ่าอุปสรรคขวากหนาม ไปถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะนอกจากจะมีด่าน ส.ว.แล้ว ยังมีกรณีที่เจ้าตัวไปถือหุ้นไอทีวี ที่ถือว่าเป็น “หุ้นสื่อ” อันเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะลงสมัคร ส.ส. แต่ “พิธา” ก็ยิ้มสู้ บอกไม่มีปัญหา ถึงไม่ได้เป็น ส.ส. แต่ก็เป็นนายกฯได้ เพราะกฎหมายไม่ห้าม
ปมปัญหาที่ต้องการความชัดเจนก่อนถึงมือศาลรัฐธรรมนูญนี้ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี เคยพูดแบบทิ้งปริศนาเอาไว้เมื่อวันก่อนว่า ถ้าอยากรู้ ก็ให้ไปดูคำพิพากษาของศาลในคดีที่เกี่ยวกับการถือหุ้นสื่อก่อนหน้านี้ ซึ่งผู้ติดตามการเมืองส่วนใหญ่ถอดรหัสว่า...งานนี้ “พิธา” จบเห่
เมื่อวาน (31 พ.ค.) “รองวิษณุ” ก็ตอบคำถามสื่อถึงเรื่องนี้อีกครั้งว่า มีผลที่เกี่ยวเนื่องอยู่ 3 ประเด็น ถ้า “พิธา” ถูกศาลวินิจฉัยว่า ขาดคุณสมบัติจากกรณีถือครองหุ้นไอทีวี ก็จะทำให้ขัดกับคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ส่วนจะกระทบกับการเป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงมีผลกระทบต่อเนื่องไปถึงการรับรองผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคก้าวไกล ในฐานะหัวหน้าพรรคหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ร้อง ว่าร้องในประเด็นใด ถ้าร้องในประเด็นว่า ขาดจากการเป็น ส.ส. “พิธา” ก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องเป็น ส.ส.ก็ได้ หรือถ้าร้องว่า ขาดจากความเป็นนายกรัฐมนตรี ก็สามารถเป็น ส.ส.ได้
ถ้าผู้ร้องยื่นร้องทั้ง 2 เรื่อง ศาลรัฐธรรมนูญก็จะวินิจฉัยทั้ง 2 เรื่อง หรืออาจจะกระทบไปอีกประเด็น คือ การรับรองสมาชิกพรรคในการลงสมัคร ส.ส.จะโมฆะ หรือไม่ ดังนั้น อยู่ที่คำร้องว่าร้องอย่างไร มีการร้องทั้ง 3 ประเด็น เลยหรือไม่
เมื่ออธิบายมาถึงตรงนี้ “รองวิษณุ” ก็ออกตัวว่า ที่อธิบายแบบนี้ ไม่ใช่มาแนะนำว่าจะต้องร้องอย่างไร อยู่ที่ผู้ร้อง ร้องประเด็นไหน ศาลฯก็วินิจฉัยประเด็นนั้น ถ้าร้อง 3 ประเด็น ศาลฯ ก็วินิจฉัยทั้ง 3 ประเด็น
มีคำถามว่า หากมีการร้องในเรื่องไปเซ็นรับรองสมาชิกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ทั้งหมดหรือไม่ “รองวิษณุ” ตอบว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ต้องเลือกตั้งซ่อมใหม่ทั้งหมด พร้อมยกตัวอย่างในอดีตที่ “คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร” อดีตภรรยาของ นายทักษิณ ชินวัตร ไปกาบัตรลงคะแนน แล้วหันหลังให้คูหาเลือกตั้ง ซึ่งมีคนไปถ่ายรูปไว้ เกิดเหตุเพียงคูหาเดียว แต่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนั้นโมฆะทั้งประเทศ ฉะนั้นกรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน หากมีการเลือกตั้งซ่อม ก็ต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ!!
คำพูดที่ว่า “ต้องเลือกตั้งใหม่ทั่วประเทศ” เหมือนการทิ้งบอมบ์ลงกลางวงการเมือง ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องนี้กันอย่างคึกคัก แพร่หลาย
บรรดา “ด้อมส้ม” แม้จะออกอาการไม่พอใจ แต่ก็กัดฟันบอกว่า เลือกตั้งใหม่ก็ดี เดี๋ยวจะแลนด์สไลด์ ส้มทั้งแผ่นดินให้ดู รอบนี้จะชนะถล่มทลายยิ่งกว่า สึนามิ กวาด
ขณะที่ “ติ่งแดง” แฟนคลับเพื่อไทยและลุงโทนี่ ก็บอกว่าถ้าเลือกตั้งใหม่คราวนี้ เพื่อไทยจะได้ล้างตา รับรองไม่ซ้ำรอยคราวที่แล้วแน่ จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอย่างชอบธรรมตามกติกาสากล
ส่วน “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อถูกถามว่า ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ จะสู้ต่อหรือไม่ “ลุงตู่” ตาลอย ตอบเนือยๆ แบบคนไร้อารมณ์ว่า...อ๋อยังไม่รู้ แต่พรรคก็ยังอยู่นี่ พรรคยังไงก็ยังอยู่
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ปมปัญหาคุณสมบัติของ “พิธา” จะส่งผลให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ทั่วประเทศหรือไม่ ...ซึ่งผู้ติดตามการเมืองมองว่า คำพูดของ “รองวิษณุ” นั้น มีน้ำหนักและใกล้เคียงความเป็นจริง ไม่ต่างจากคำทำนายของ “นอสตราดามุส” เลยเชียวแหละ