ศาลปกครองกลาง สั่งเพิกถอน EIA คอนโดหรู ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ-วงศ์สว่าง “ศรีสุวรรณ” เล็งยื่น ป.ป.ช. เอาผิดคณะกรรมการชำนาญการพิเศษฯ รายบุคคลเหตุผ่าน EIA มิชอบ
วันนี้ (31 พ.ค.) ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ร่วมกับชาวชุมชนรัชดา 64-66 ยื่นฟ้อง คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณา EIA ด้านอาคาร การจัดสรรที่ดินและบริการชุมชนกรุงเทพมหานคร (คชก.กทม.) ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนรายงาน EIA โครงการ ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง ของ บมจ. ศุภาลัย (SPALI) ที่เข้ามาก่อสร้างคอนโดมิเนียมสูง และมีความยาวมากกว่า 303.5 เมตร ทำให้บังแดด-บังลมสร้างผลกระทบให้กับชาวบ้านข้างเคียง นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมฯ กล่าวหลังเข้าฟังคำพิพากษาว่า ศาลมีคำพิพากษา ให้เพิกถอนรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการนี้ เนื่องจาก คชก.กทม.ใช้อำนาจขยายระยะเวลาของการให้ความเห็นชอบรายงาน EIA ของ บมจ.ศุภาลัย ออกไปเกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้ อีกทั้งเนื้อหาในการจัดทำรายงานฯไม่เป็นไปตามหลักวิชาการและข้อเท็จจริง โดยเฉพาะปัญหาการบังทิศทางลมและแสงแดดที่จะมีผลกระทบต่อบ้านเรือนข้างเคียงที่ไม่อาจแก้ไขได้ ซึ่งสอดคล้องกับคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เมื่อ 26 ธ.ค.65 ที่ให้ระงับการก่อสร้างออกไปก่อนจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ทำให้โครงการนี้ต้องยุติโครงการไปโดยปริยาย แม้จะได้มีการก่อสร้างลงเสาเข็มไปบางส่วน
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า จากนี้ทางสมาคมฯและชาวบ้าน จะดำเนินการให้ผู้รับเหมาย้ายเครนและวัสดุก่อสร้างออกไป เนื่องจากเครนตั้งอยู่สูงและมีความเสี่ยง หวั่นเกิดเครนล้มหากมีลมพัดแรง ส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ตัดสิทธิผู้ประกอบการที่จะไปจัดทำการออกแบบก่อสร้างคอนโดฯนี้ใหม่และไปดำเนินการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ รับฟังความเห็นของชาวบ้าน ซึ่งตนเชื่อว่าชาวบ้านในพื้นที่จะไม่ยอมง่ายๆ เพราะผลของคำพิพากษาค่อนข้างชัดเจนว่าการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของ กทม.ไม่ได้ใช้ดุลพินิจหรือหลักวิชาการที่ถูกต้องในการให้ความเห็นชอบ แม้ผู้ประกอบการหรือคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯจะสามารถอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วัน กระบวนการพิจารณาของศาลคงไม่แตกต่างจากคำพิพากษาในวันนี้
เมื่อถามว่า จะมีการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนร่วมในการทำ EIA มิชอบหรือไม่ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า อยู่ในความคิดสมาคมฯอยู่แล้ว โดยนำคำพิพากษาศาลฯ ไปยื่นต่อ ป.ป.ช.ให้ดำเนินการตรวจสอบคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯทั้งหมดที่ยกมือให้ความเห็นชอบรายงาน EIA ฉบับนี้ เพราะที่ผ่านมาสมาคมฯได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านตลอดว่าได้รับผลกระทบจากการอนุมัติอนุญาตของคณะกรรมการชำนาญการฯมาอย่างต่อเนื่อง
“แม้ชาวบ้านจะทำหนังสือคัดค้านอย่างต่อเนื่องแล้ว แค่ คชก.ก็ไม่นำข้อท้วงติง ข้อกังวล ปัญหาของชาวบ้านไปพิจารณา เพื่อให้ความเห็นชอบ แต่ทุกโครงการเมื่อผ่าน คชก.ก็มักจะได้รับความเห็นชอบออกมาแทบทั้งสิ้น เรื่องนี้จึงน่าจะเป็นบทเรียนที่สำคัญในการนำคำพิพากษาของศาลปกครอง ซึ่งเขียนมีเหตุมีผลมีหลักวิชาการค่อนข้างชัดเจนไปให้ทาง ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนสอบสวนเพื่อเอาคิดคณะกรรมการ คชก.เป็นรายบุคคลที่ยกมือให้ผ่านรายงาน EIA ฉบับนี้”
นางศิริ เหมือนศรี อายุ 81 ปี ชาวบ้านผู้อยู่อาศัยในซอยรัชดา 66 ระบุว่า บ้านตัวเองอยู่ห่างจากพื้นที่ก่อสร้างโครงการคอนโดหรูเพียง 8 เมตร ขณะนี้เครนปั้นจั่นอยู่เหนือหลังคาบ้านมานานหลายเดือนแล้ว นับตั้งมีคำสั่งระงับการก่อสร้าง ไม่มีการเคลื่อนย้าย ตนรู้สึกหวาดกลัวหากเกิดพายุ ก็ไม่รู้ว่าปั้นจั่นจะล้มลงมาหลังบ้านคาบ้านเมื่อไหร่ ทั้งนี้ ตนรู้สึกพอใจกับคำพิพากษาของศาลในวันนี้ และขอบคุณศาลปกครอง
ด้าน นางบุศกร คงอุดม อายุ 59 ปี กล่าวว่า ได้รับการติดต่อจากบริษัทที่รับจัดทำรายงานประเมิน EIA ของโครงการก่อสร้างนี้ โดยเสนอว่าระหว่างการก่อสร้างโครงการจะเช่าดอนโดให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน จนไม่สามารถพักอาศัยในบ้านตัวเองได้ เท่ากับโครงการรู้แก่ใจว่าการก่อสร้างจะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน และการทำ EIA ก็ไม่มีความโปร่งใส คำพิพากษาในวันนี้ขอบคุณศาลฯที่รับฟังความคิดเห็นและพิสูจน์ความเป็นจริงให้ชาวบ้าน ทำให้โครงการนี้ต้องหยุดก่อสร้าง เชื่อว่าคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐาน ต่อไปไม่ใช่ว่าบริษัทใหญ่จะชนะทุกคดี โดยการตัดสินของศาลได้คำนึงผลกระแทบด้านสิ่งแวดล้อมทั้งทิศทางลม แสงแดด ส่วนการฟ้องเรียกค่าเสียหายนั้นต้องปรึกษาทนายความก่อน
“ระหว่างที่เขาตอกเสาเข็ม ย้ายของเข้ามา บ้านเราสั่นสะเทือนมาก แม้บ้านปลูกอย่างแน่นหนา แต่ตอนนี้มีรอยร้าวอย่างชัดเจนเกิดขึ้นที่ผนังปูน ก็ไม่รู้ว่ารอยร้าวที่เกิดขึ้นวันนี้ เมื่อไหร่จะกลายเป็นรอยแยก ซึ่งต้องคอยติดตามดู และบ้านบางหลังตัวบ้านทรุด โดยบ้านที่อยู่ใกล้ๆได้รับผลกระทบทุกหลัง”