“พิธา” ย้ำเก้าอี้ “ปธ.สภาฯ” ต้องหารือเฉพาะ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ยันไม่เป็นประเด็นขัดแย้ง ลั่น ต้องขึ้นค่าแรง 450 บาท แต่ฟังเสียงสะท้อนเอกชน สมรสเท่าเทียมแค่รับรองสิทธิ์ ไม่บังคับ
เมื่อเวลา 16.15 น. วันนี้(30 พ.ค.) ที่ทำการพรรคประชาชาติ (ปช.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมร่วมระหว่าง 8 พรรคการเมือง ที่ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วม (MOU) จัดตั้งรัฐบาล ได้แก่ พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคเป็นธรรม และพรรคพลังสังคมใหม่ ถึงกรอบเวลาในการหารือเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ว่า เรื่องประธานสภาฯ เป็นการพูดคุยเฉพาะพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ยืนยันว่าจะทำให้เร็ว และเหมาะสมที่สุด ตามกรอบของกฎหมาย จะบอกว่าเสร็จภายในวัน หรือเวลาใดคงไม่เหมาะสม แต่กฎหมายบอกไว้ว่า ต้องทำเสร็จเมื่อไหร่ จึงดำเนินการตามนั้น
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมในคำถามข้างต้นว่า ยืนยันตามนายพิธา ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ว่า คณะกรรมการประสานงานฯ มีการหารือเบื้องต้น มีข้อตกลงร่วมกันชัดเจนว่า ตำแหน่งประธานสภาฯทั้ง2 พรรคจะพิจารณาร่วมกัน ไม่คำนึงว่าเป็นโควตาของพรรคใด พรรคหนึ่ง และจะไม่เกิดเป็นปัญหาอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันทั้ง 8 พรรค ไม่ว่าก้าวไกล หรือเพื่อไทย ไม่เป็นประเด็นให้เกิดความขัดแย้ง ตำแหน่งประธาน ไม่เป็นอุปสรรคต่อการจัดตั้งรัฐบาล และเลือกนายกฯ โดยจะมุ่งเน้นประโยชน์สุขต่อประชาชน ที่มุ่งหวังรัฐบาลประชาธิปไตยและทำให้เร็วที่สุด หมายความว่า ถ้า กกต.ประกาศรับรอง ส.ส. จะมีข้อยุติตรงนั้น เตรียมเข้าสู่การเลือกที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
นายพิธา กล่าวถึงกรณีการเจรจากับสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อหาเสียงสนับสนุนให้นายพิธาเป็นนายกฯ ว่า เห็นแต่พาดหัว ยังไม่เห็นรายละเอียดว่าเกิดอะไร แต่ของเรามั่นใจว่า ไม่ได้มีการข่มขู่แต่อย่างใดแน่นอน เป็นการพูดคุยกันเพื่อรักษาระบบของประเทศนี้ให้ได้ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นการรักษาระบบของรัฐสภา หาทางออกบ้านเมือง ยืนยันว่าไม่มีอะไร ที่ผ่านมาคณะเจรจามีการพูดคุย เป็นไปทิศทางที่ดี
“ยืนยันว่าที่ผ่านมา ไม่มีความสั่นคลอนอะไร แต่สิ่งที่ทำน้อยไป และเพิ่งทำวันนี้ คือเอาปัญหาประชาชนเป็นที่ตั้ง เชื่อว่าสื่อเห็นด้วย และให้ความร่วมมือ ถ้ามีคำตอบดี ๆ มันน่าจะเป็นการเสนอข่าวสื่อสร้างสรรค์” นายพิธา กล่าว
เมื่อถามถึงนโยบายของพรรคก้าวไกลที่ถูกตั้งคำถาม ไม่ว่าจะเป็นประเด็มสมรสเท่าเทียม นโยบายกัญชา และนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน นายพิธา กล่าวว่า จะมีการหารือกับแนวร่วมฝ่ายเศรษฐกิจ เบื้องต้น ได้มีการพูดคุยกับสภาอุตสาหกรรม และจะพูดคุยกับสภาหอการค้าต่อไป พร้อมยืนยันว่า จำเป็นที่จะต้องขึ้นค่าแรง แต่หากหน่วยงานเอกชนสะท้อนปัญหาก็พร้อมที่จะรับฟัง และคงใช้คณะกรรมการสร้างความชัดเจนขึ้น
สำหรับกรณีการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด นายพิธา ยืนยัน ว่า ทุกคนเชื่อว่าการนำกลับไปอยู่ภายใต้ยาเสพติดจะไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินนโยบายกัญชาทางการแพทย์ อาจต้องมีการควบคุมโซนนิ่ง หากใครเปิดร้านแล้วและทำถูกต้องตามกฎหมาย จะมีการหารือคณะกรรมการหาแนวทางเพื่อนิรโทษกรรมในส่วนนี้
ส่วนกรณีสมรสเท่าเทียม นายพิธา กล่าวว่า จะใส่รายละเอียดให้ชัดเจนใน MOU ว่า เป็นการรับรองสิทธิ์แต่ไม่ใช่การบังคับ งั้นไม่ควรนำเรื่องศาสนามาตั้งคำถามกับประเด็นนี้ ทั้งนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ได้กล่าวเสริมว่า ทุกอย่างเป็นไปตามที่พิธาได้แถลง
และในเรื่องสาธารณสุข กรณีการทำงานของแพทย์ นายพิธากล่าวว่า การทำงาน 100 ชม. ต่อสัปดาห์ของแพทย์มากไป ควรจะปรับลดให้เหลือ 60 ชม. ต่อสัปดาห์ ซึ่งต้องมีขั้นตอนในการดำเนินการต่อไป
เมื่อถามถึงกรณีบางสถานีโทรทัศน์ มีการเซนเซอร์ข่าวจากต่างประเทศ ทำให้ไม่สามารถออกอากาศในประเทศไทยได้ โดยเฉพาะเนื้อหาที่มีการสัมภาษณ์ นายพิธา เรื่องการเมือง นายพิธา กล่าวว่า เสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลของสื่อมวลชนถือเป็นหนึ่งในสี่เสาหลักของประชาธิปไตย ซึ่งพรรคของเรามีคณะทำงานที่ดูแลเรื่อง พ.ร.บ.สื่อโดยตรง
นายพิธา กล่าวด้วยว่า เท่าที่ทราบมีสื่อ 4 สำนักที่ถูกเซ็นเซอร์ จึงต้องตอบอย่างระมัดระวัง เพราะมี 1 ใน 4 สำนักข่าวได้แจ้งกับตนแล้ว ว่ามีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ทำให้ไม่สามารถถ่ายทอดในประเทศไทยได้ ทั้งนี้ ยังต้องยืนยันในความสำคัญของสิทธิในการนำเสนอข่าวอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา หากมีการเซ็นเซอร์เพื่อปิดปากจริง ตนก็มีความกังวลพอสมควร