“ลุงศักดิ์” ควง “ทนายอั๋น” ยื่น กกต.ค้านพิจารณาคำร้องเลือกตั้ง ชี้ ทำ ปชต.เดินช้า ปักหลักรอเจอ “ศรีสุวรรณ” อยากถามได้ประโยชน์อะไรจากการร้องไร้สาระ ลั่นจะมาทุกวัน ค้านทุกคน ที่ยื่นสกัดพรรคตั้งรัฐบาล ยันปมชกหน้า ยอมติดคุก ไม่จ่ายค่าเสียหายแม้แต่บาทเดียว ด้าน “ปธ.สี่เสาหลัก” ให้กำลังใจ “พี่ศรี” ไม่ผิด ซัดคนค้านเรื่องร้องเรียน ปากอ้างประชาธิปไตย แต่นิสัยเผด็จการ ลั่นพร้อมปกป้องสถาบัน
วันนี้ (22 พ.ค.) นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล หรือ ลุงศักดิ์ ผู้ที่เคยบุกชก นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย พร้อมด้วย นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น เดินทางมาเพื่อยื่นคัดค้านกรณีที่นายศรีสุวรรณ และบุคคลอื่นๆ ที่ร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. 2566 ต่อ กกต. โดย นายวีรวิชญ์ ได้ถามหานายศรีสุวรรณ ว่า วันนี้นายศรีสุวรรณจะมายื่นร้องเรียน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับพวกใช่หรือไม่ เพราะอยากเจอ และชอบแฟชันหน้ากากอนามัยรูปยักษ์ของนายศรีสุวรรณ จึงได้เตรียมหน้ากากอนามัยรูปหนุมานมาใส่ด้วย พร้อมระบุว่า วันนี้ตั้งใจมาเจอนายศรีสุวรรณให้ได้
นายวีรวิชญ์ กล่าวว่า ตนอยากให้ประชาธิปไตยเดินหน้า ฉะนั้น จึงมองว่า ไม่ว่าใครจะมายื่นเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้ง การยุบพรรคก้าวไกล และพรรคการเมือง 6 พรรค เป็นการขัดขวางประชาธิปไตย จึงขอความอนุเคราะห์วุฒิสภา หรือ กกต.ไม่ว่าจะคิดต่างอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ขอให้ยึดหลักประชามติเสียงข้างมากของประชาชน
“ขนาด 9 ปี ประชาชน 70 ล้านคน ยังรอได้ ทั้งที่อึดอัดทรมานเจ็บปวดก็ยังรอได้ ก็ให้คนรุ่นใหม่บริหารแค่ 4 ปี ท่านในฐานะที่เป็น ส.ว.สูงอายุ ก็ควรรอให้คนรุ่นใหม่บริหารดู 4 ปี เพื่อให้ประเทศนี้เดินไปสู่ประชาธิปไตย ทำไมรอไม่ได้ นายวีรวิชญ์ กล่าวและว่า จะมาทุกวัน ใครมายื่นร้องเรียน 6 พรรค ตนก็จะมายื่นคัดค้าน
นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า คำร้องคัดค้านของตนจะมีผลเป็นการคัดค้านคำร้องที่นายศรีสุวรรณ และบุคคลอื่นๆ จะมายื่น กกต.ให้สอบพรรคก้าวไกล และ 6 พรรค เช่น กรณี นายศรีสุวรรณ ระบุว่า พรรคก้าวไกล นัด 6 พรรคการเมืองกินข้าวกันจัดตั้งรัฐบาล แล้วมีนายธนาธร กับพวกเข้าไปร่วมเป็นการยินยอมให้บุคคลภายนอกเข้ามาครอบงำ เข้าข่ายผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ตนในฐานะประชาชนไม่อยากเห็นประเทศไทยไปตามครรลองที่ไม่ปกติ ไม่อยากเห็นเกมการเมืองชั่วๆ เข้ามาทำให้ประเทศนี้เสียหาย จึงมายื่นคัดค้าน คำร้องเรียนของนายศรีสุวรรณ ขอให้ กกต.พิจารณาให้รอบคอบ ปราศจากการแทรกแซง ยึดหลักความเที่ยงธรรม สงบสุข และระงับเรื่องราวร้องเรียนทั้งหลายโดยคำนึงถึงประโยชน์ของชาติบ้านเมือง
“เมื่อมีเรื่องร้องเรียนเข้ามามันจะทำให้เกิดการชะงัก ดังนั้น ไม่ว่าจะมาร้องที่ กกต. หรือไปร้องที่ไหน ผมจะตามไปยื่นเรื่องคัดค้านที่นั่น เพราะเรื่องที่ร้องไร้สาระ ทำให้เกิดความแตกแยก”
“ผมอยากเจอ นายศรีสุวรรณ จะถามว่า ได้ประโยชน์อะไรจากการมาร้องเรียน ถ้าเห็นว่ามีคนกระทำผิด ทำไมไม่ใช้กระบวนการแจ้งความ หรือเพราะกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีกลับฐานแจ้งความเท็จ การมาร้องแบบนี้เป็นเรื่องทุเรศ เหมือนเป็นการหากินกับความขัดแย้ง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ นายวีรวิชญ์ รอ นายศรีสุวรรณ อยู่ นายฐิติ ชัยนาม ประธานโครงการสี่เสาหลัก ก็ได้เดินทางมาเพื่อให้กำลังใจนายศรีสุวรรณ โดยระบุว่า มองว่า ความเห็นต่างของนายศรีสุวรรณไม่ใช่เรื่องที่ผิด ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ไม่ควรถูกละเมิด เสียงข้างมากควรต้องเคารพเสียงข้างน้อย จึงต้องการมาให้กำลังใจนายศรีสุวรรณ ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้เกิดความรุนแรง การที่มีผู้มาคัดค้านการมาแสดงความเห็นของนายศรีสุวรรณนั้น ตนมองว่า ปากอ้างหลักการประชาธิปไตย แต่นิสัยเป็นเผด็จการ เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
นายฐิติ ยังกล่าวด้วยว่า ตนเองเป็นทายาทเสรีไทยสายตรง ลุงคือนายดิเรก ชัยนาม ที่ผ่านมา เราเคลื่อนไหวในเรื่องการปกป้องสถาบัน ซึ่งในอนาคตก็จะดูว่ามีความเคลื่อนไหวที่เป็นภัยต่อความมั่นคง หรือการละเมิดต่อประมวลกฎหมายมาตรา 112 หรือไม่ มีการใช้มวลชนในการกดดันสถาบันหรือไม่ หากมีการกดดันมากๆ ก็พร้อมออกมาเคลื่อนไหว เพราะมองว่าปัญหาของประชาธิปไตยไม่ได้อยู่ที่สถาบัน แต่อยู่ที่วิวัฒนาการพรรคการเมือง ถ้าไม่มีเงื่อนไขการคอรัปชั่น ไม่มีการโกงกิน ตนเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น แต่การไปเคลมว่าเป็นความผิดสถาบันนั้น เป็นเพราะคุณลำเอียง วันนี้ถ้าไม่มีสถาบัน แล้วไปยึดคนคนเดียวที่สร้างภาพด้วยแนวคิดฝรั่งมังค่า ขึ้นมาปกครองประเทศ แล้วจุดสมดุลของประเทศจะอยู่อย่างไร
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลา 11.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่นายศรีสุวรรณได้มีการนัดหมายว่าจะมายื่นคำร้องต่อ กกต. แล้วนายศรีสุวรรณ ยังไม่ปรากฏตัว นายวีรวิชญ์ และ นายภัทรพงศ์ ระบุว่า คำคัดค้านคำร้องนายศรีสุวรรณ ของตน ก็จะทำให้คำร้องของนายศรีสุวรรณ ไม่น่ารับฟัง และเมื่อ นายศรีสุวรรณ ไม่อยากจะพบตน ตนก็จะเดินทางกลับ
ขณะที่ นายวีรวิชญ์ ระบุว่า คดีที่ตนชกนายศรีสุวรรณ และนายศรีสุวรรณ เรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาทนั้น ยืนยันว่า ไม่ว่าศาลจะตัดสินลงโทษ ให้ตนต้องไปกวาดพื้น เทอุจจาระผู้พิการ เก็บศพ หรือแม้กระทั่งยึดทรัพย์ ให้ล้มละลาย ติดคุกเป็น 10 ปี ก็จะไม่จ่ายค่าเสียหายแม้แต่บาทเดียวให้กับนายศรีสุวรรณ เพราะจะเท่ากับเป็นการส่งเสริมคนพรรค์นี้สร้างความเสียหายให้กับประเทศ