ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ทางสะดวกโหวต"พิธา" หักด่านส.ว.!!? "เฮ้ง" เปรียบเป็นเด็กงอแงกินขนม
จากกระแสเรียกร้องให้พรรคการเมือง และ ส.ว.โหวต “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ยังมี “ความเห็นต่าง” ที่ขัดแย้งเป็น ดรามาอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่า ฝ่ายสนับสนุน “ทิม-พิธา” เห็นว่า พรรคการเมืองที่ได้รับเสียงข้างมาก ก็ควรได้เป็นรัฐบาล และควรโหวตให้พิธาเป็นนายกฯ ขณะที่ฝ่ายค้านเห็นว่า ควรให้เป็นดุลยพินิจของแต่ละพรรค รวมทั้ง ส.ว.แต่ละคน
บนความเห็นที่หลากหลาย ที่ต้องขยี้ตา และฮือฮาเห็นจะเป็นความเห็นจาก “อุ๊” หฤทัย ม่วงบุญศรี นักร้องสาวชื่อดัง ซึ่งรับรู้กันว่าเป็นฝั่ง “ลุง”จ๋า มาแต่ไหนแต่ไร เคยฟาดกับฝ่ายตรงข้ามที่เรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตยดุเดือดมาหลายครั้ง ระบุว่า ผลเลือกตั้งที่ออกมา ส.ว.ต้องจบแล้ว หากจะขับเคลื่อนประเทศ ต้องพอกันทีกับความขัดแย้ง การที่ฝ่ายเพื่อไทย ก้าวไกล เป็นรัฐบาลก็ดี จะได้โชว์ฝีมือตามที่ได้อภิปรายไว้ อย่าให้มีความขัดแย้งเกิดขึ้นอีก ไม่อยากกลับไปเดินถนนแล้ว
“อุ๊” ยังเห็นว่า ต้องยอมรับกติกาเสียงข้างมาก “ลุงตู่” ควรพอ เพื่อให้ประเทศเป็นไปตามกลไกยอมรับเสียงข้างมาก
ขณะที่ ขุนพลองครักษ์พิทักษ์ลุงตู่ “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ สวมบทดุดันไม่เกรงใจใคร ลุยใส่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” บอกไม่ได้มีนโยบาย หรือความคิดตรงกับพรรคก้าวไกล แล้วจะไปโหวตให้ได้อย่างไร
แถมที่ว่ากัน และกดดัน ส.ว.ต้องเคารพเสียงประชาชน “เสี่ยเฮ้ง” ซัดกลับว่า ก้าวไกล ได้คะแนน 30% ของผู้มาใช้สิทธิทั้งหมด 14 ล้านเสียง ได้ไม่ถึงครึ่ง ต้องเป็นกระจกเงาสะท้อนกลับไปบ้าง เหมือนเด็กงอแงกินขนม เรียกกินอมยิ้มอย่างเดียว มันต้องดูเหตุและผล อย่าไปหลงกลเขาว่า มี 14 ล้านเสียงแล้วเป็นรัฐบาล ต้องดูว่ามีเสียงถึงกึ่งหนึ่งหรือไม่ และต้องถามกลับว่า คุณจะรวมเสียงอย่างไร ต้องไปหากันเอง แต่ถ้าจะมากดดันส.ส. แต่ถ้าจะมาเรียกร้องส.ส.พรรคต่างๆ โหวตให้เขาผ่าน ตนว่ามันไม่ใช่แล้ว แบบนี้ไม่ใช่การเมือง
เรียกว่า งานนี้ไม่มีลดราวาศอก กวักมือเรียกรถทัวร์สีล้มให้มาลงรัวๆ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า กระแสในโลกโซเซียลฯ กดดันส.ว.และ ส.ส.พรรคการเมืองต่างๆ เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกว้างขวาง
“หนูนา” น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว NuNa Silpa-archa ระบุถึงเรื่องนี้ว่า ประชาธิปไตยที่งดงามคือ ฟังเสียงส่วนใหญ่ แต่ก็ต้องเคารพเสียงที่เห็นต่าง คุณกำลังใช้การปั่นกระแสโซเชียลฯ ที่เป็นเครื่องมือที่คุณถนัดมากดดันเรา ประชาธิปไตยแบบคุณคือ “เผด็จการตัวจริง” เรามีสมองคิด มีจุดยืนของเรา คุณมาครอบงำเราไม่ได้!!
สอดคล้องกับความเห็นของ “จอมหลักการตัวพ่อ” อย่าง ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ว่า มีบุคคล และบางกลุ่ม กดดันเรียกร้องให้พรรคปชป. และพรรคอื่นๆ ตัดสินใจเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรี อย่าไปก้าวก่ายพรรคการเมืองอื่น เพราะแต่ละพรรคมีกระบวนการพิจารณาตามขั้นตอนของแต่ละพรรคอยู่แล้ว ไม่ต้องมีใครแนะนำ หรือ มากดดัน เพราะการตัดสินใจในนามพรรค ต้องมีมติพรรคมีความรับฟังความเห็นของผู้บริหารพรรค
ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนกำลังตบตีกับฝ่ายค้าน ยังมีอีกฝ่ายนั่นก็คือ ฝ่ายที่ยินดีสนับสนุน แต่มีเงื่อนไข!
“รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์” ประธาน กมธ.แก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “สังศิตประกาศหลักการสนับสนุนรัฐบาลใหม่” ระบุว่า การออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี จะพิจารณาจากผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก โดยต้องการดูท่าทีและนโยบายของหัวหน้าพรรคก้าวไกลที่จะเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในสองประเด็น คือ 1. มีความเห็นต่ออธิปไตยไทยอย่างไร 2. มีความเห็นต่อความสงบสุขของคนในประเทศอย่างไร
โดยยินดีสนับสนุนรัฐบาล ที่ไม่ให้ประเทศมหาอำนาจเข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทย เพราะมีบางพรรคการเมืองที่กำลังจะจัดตั้งรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนแนวทางนี้ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ มีความพยามเข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทย และก่อนการเลือกตั้งมีการเสนอให้สภาผู้แทนสหรัฐฯ เข้ามาแทรกแซงการเมืองไทย รวมทั้งมีการล็อบบี้จากชาติสมาชิกนาโต้ ในการจัดตั้งรัฐบาลของไทย
นอกจากนี้ ยินดีสนับสนุนพรรคการเมืองที่มีนโยบายไม่ส่งเสริมการใช้ความรุนแรงระหว่างประชาชนต่อประชาชน และจะไม่สนับสนุนรัฐบาลที่กระตุ้นหรือปลุกเร้าให้ประชาชนมีพฤติกรรมที่ยั่วยุ หรือใช้ความรุนแรงระหว่างกัน เพราะปัจจุบันมีการสร้างแรงยั่วยุเร็วมาก
“รศ.ดร.สังศิต” ยืนยัน ไม่สนใจว่าใครจะมีเสียงข้างมากหรือเสียงข้างน้อย แต่จะสนับสนุนนายกรัฐมนตรีตามหลักการที่ตั้งไว้ดังกล่าว พร้อมกับ ยกคำของหลวงพ่อชา ที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า หากมีแมลงวันฝูงหนึ่ง กับผึ้งหนึ่งตัวบินมาเจอกองอุจจาระ ฝูงแมลงวันจะบอกว่าหอม ส่วนผึ้งจะบอกว่าเหม็น ดังนั้นการจะวินิจฉัยเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้นจะถือเอาแต่เสียงข้างมากเพียงอย่างเดียวเสมอไป คงไม่ได้ !!
นี่ก็เป็นทัศนะของแต่ละฝ่าย และสัญญานจาก ส.ว.การเคลื่อนไหวต่อไปเห็นว่า บรรยากาศประชุมจัดตั้งรัฐบาลเมื่อวานเป็นไปอย่างชื่นมื่น จึงเหลือหนทางที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง "นายกฯ" หักด่านโหวตส.ว.ของ “พิธา” ที่นาทีต้องถามกันว่า ทางสะดวก หรือ จะมีขวากหนามกางกั้น ?!!
เมื่อถึงเวลาเสนอชื่อ "พิธา" เข้าสู่สภาเพื่อโหวตถึงตอนนั้นจะได้รู้กัน ต้องติดตามอย่ากระพริบตา.
** “พิธา”นัด 5 พรรคเจรจา เรื่องสินสอด ทองหมั้น ก่อนจับมือถ่ายภาพโชว์สื่อ แต่ยังไม่แถลงรายละเอียด
การจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคก้าวไกล ในฐานะพรรคชนะเลือกตั้งอันดับ 1 เป็นแกนนำ มีความคืบหน้าไปอีกสเตป ตามที่ “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล รับบทเป็น “ผู้จัดการรัฐบาล” ได้นัดพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม และฝ่ายประชาธิปไตย มาร่วมกินข้าว พูดคุยเบื้องต้น ที่ร้านอาหาร CHEZ MILINE ถนนสุโขทัย เขตดุสิต
ตามข่าวบอกว่าจะมีการเจรจาและจัดทำร่างเอ็มโอยู ร่วมกัน ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย และพรรคเป็นธรรม รวม 6 พรรค 310 เสียง
พรรคก้าวไกล นำโดย “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรค, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค, นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค, นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรค และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า
พรรคเพื่อไทย นำโดย “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค
พรรคไทยสร้างไทย นำโดย “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์” หัวหน้าพรรค , นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรค, น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรค, นายโภคิน พลกุล ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค และ นายฐากร ตัฒฑสิทธิ์ เลขาธิการพรรค
พรรคประชาชาติ นำโดย “นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา” หัวหน้าพรรค และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค
พรรคเสรีรวมไทย นำโดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรค , น.ส.นภาพร เพ็ชรจินดา, นายวิรัตน์ วรศสิริน
พรรคเป็นธรรม นำโดย นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรค, นายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นว่าที่ ส.ส.หนึ่งเดียวของพรรค
แน่นอนว่าบรรยากาศการพบกันครั้งนี้ต้องคึกคัก กองทัพสื่อทั้งไทย เทศ ให้ความสนใจมารอทำข่าวกันจำนวนมาก แถมมีการพูดคุยในเชิงเปรียบเปรยว่า “เพื่อไทย” ที่เป็นเหมือนเจ้าสาว ที่มาหาเจ้าบ่าว เพื่อเจรจาถึงเรื่องสินสอด ทองหมั้น และการจัดงานแต่ง...
ระหว่างที่เข้าห้องไปพูดคุยกันนั้น “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะคณะก้าวหน้า และ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้า ก็ตามมาสมทบ แต่บอกว่า มากินข้าว ฉลองชัยในฐานะผู้ช่วยหาเสียงเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับรายละเอียดที่มีการพูดคุยกัน
สองชั่วโมงผ่านไป “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ก็พาแกนนำพรรคร่วมออกมาจับมือให้สื่อมวลชนเก็บภาพหมู่ แต่ไม่มีการแถลงสรุปผลการเจรจาแต่อย่างใด โดยบอกว่า ...ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี และจะนัดแถลงข่าวอย่างเป็นการอีกครั้ง ในวันที่ 18 พ.ค.เวลา 10.00 น. ที่โรงแรมโอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ
สำหรับร้านอาหาร CHEZ MILINE ที่เลือกเป็นสถานที่เจรจาในครั้งนี้ เคยมีประวัติความเป็นมาในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลในสมัย “พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ” เมื่อปี 2531 สำเร็จราบรื่นมาแล้ว ที่คล้ายกันก็คือ เป็นการตั้งรัฐบาลหลังสิ้นสุดสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่มีที่มาจากคณะรัฐประหาร หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 และอยู่มายาวนานถึง 8 ปีเช่นกัน ... นอกจากนี้ยังเคยเป็นที่ตั้งของสำนักงานพรรคไทยรักไทยแห่งแรก เมื่อปี 2543 ด้วย
นับว่าเป็นการเลือกสถานที่ ที่แฝงนัยทางการเมืองแบบถือโชคลาง อยู่เหมือนกัน
การเจรจาที่ดูเหมือนจบลงด้วยความชื่นมื่น แต่เมื่อนับจำนวนเสียงส.ส. 6 พรรครวมกันแล้ว ก็ยังได้เพียง 310 เสียง ...จริงอยู่เป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่ยังไม่เพียงพอที่จะโหวตให้ “พิธา”เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะต้องใช้เสียง ส.ส.บวก ส.ว. ขั้นต่ำ 376 เสียง
ตามสูตร 6 พรรคนี้ “พิธา”จะได้เป็นนายกฯ ต้องขึ้นอยู่กับเสียงส.ส.ในส่วนที่เหลือ และเสียงส.ว.ที่จะมาช่วยเติมให้อีกอย่างน้อย 66 เสียง... ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า “พิธา” จะมีวาสนาได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย หรือไม่