“ศรีสุวรรณ” ขุดประวัติ “ทศพล” มือตบ เป็นสมาชิกพรรคที่หัวหน้ามีคดีฟ้องร้องตนในศาลอาญา เคยยื่นถวายฎีกาคัดค้าน ม.44 - ถอดถอน “ประยุทธ์” พร้อมเผยภาพสวมเสื้อแดงของพรรคเพื่อไทยถ่ายรูปคู่ “ชลน่าน-ณัฐวุฒิ” ถาม ไม่มีเบื้องหลังแน่นะวิ
จากเหตุการณ์ นายทศพล ธนานนท์โสภณกุล อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยเอกชน ปรี่เข้าตบหน้า นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ขณะไปชี้แจงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณียื่นคำร้องให้ตรวจสอบนโยบายการแจกเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทย ที่สำนักงาน กกต.เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้นายศรีสุวรรณได้รับบาดเจ็บที่ริมฝีปากมีเลือดซึมออกมานั้น ล่าสุด เมื่อคืนวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา ในเฟซบุ๊ก ศรีสุวรรณ จรรยา มีการโพสต์ภาพนายทศพลสวมเสื้อพรรคเพื่อไทยถ่ายภาพคู่กับแกนนำของพรรค เช่น นายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย รวมทั้ง นายอดิศร เพียงเกษ และ นายสนธยา คุณปลื้ม ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค พร้อมข้อความเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า
ภาพไม่กี่ภาพแต่อธิบายความได้นับล้านถ้อยคำ...!!
1. บุคคลที่ทำร้ายร่างกายผมเมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่หน้า กกต. เมื่อตรวจสอบประวัติแล้วพบว่า เป็นอดีตอาจารย์ ม.เอกชน แต่ไม่ได้ทำงานแล้ว แต่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองหนึ่งที่หัวหน้าพรรคมีคดีฟ้องร้องผมอยู่ในศาลอาญา (ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย แต่มาใส่เสื้อพรรคเขาทำไม?)
2. เมื่อสืบประวัติย้อนหลังไปทั้งหมด ยังพบอีกว่า เป็นบุคคลที่เคยยื่นคำร้องถวายฎีกาคัดค้านอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ เกี่ยวกับการออกคำสั่ง ม.44 ของ คสช. มาก่อน และเคยถวายฎีกาขอให้ถอดถอน พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ออกจากความเป็นนายกรัฐมนตรีอีกด้วย… ตกลงพี่แกเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยนะเนี่ย...แต่กลับมากล่าวหาผมซะงั้น…
3. บุคคลดังกล่าวอ้างว่ามาทำธุระที่ศูนย์ราชการฯ มารับประทานอาหารกับเพื่อน ไม่มีใครจ้างมาทำร้ายผม เผอิญเห็นผมยืนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอยู่ จึงเข้ามาฟัง เมื่อฟังคำสัมภาษณ์ของผมแล้ว จึงหมั่นใส้เพราะอ้างว่าผมร้องไปเรื่อย โดยเฉพาะร้องพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล
4. เผอิญวันดังกล่าว กกต.เชิญผมไปให้ถ้อยคำกรณีการร้องให้ตรวจสอบนโยบายการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทยอยู่พอดี แหม!!! อะไรจะช่างประจวบเหมาะพอดีกับภาพถ่ายเหล่านี้ ที่แชร์กันมากมายเต็มโซเชียลอยู่ในขณะนี้หนอ…
5. ตกลงไม่มีใครอยู่เบื้องหลังแน่นะ...วิ
(ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก ; ปอเปี๊ยะ กาลเวลา)