นครพนม - "ครูแก้ว" ศุภชัย โพธิ์สุ แจ้งความดำเนินคดี เศรษฐา ทวีสิน แดนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย พร้อมแกนนำพรรคเพื่อไทยอีก 3 คน "จาตุรนต์-อดิศร-ณัฐวุฒิ" ข้อหาหมิ่นประมาทและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ปราศรัยปากเปราะโจมตีพรรคอื่นในสนามแข่งขัน
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (3 พ.ค.) นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 นครพนม พรรคภูมิใจไทย พร้อมทนายความคือ นายสมพงษ์ บุญปัญจา ได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อดำเนินคดีต่อ นายเศรษฐา ทวีสิน พร้อมแกนนำพรรคเพื่อไทยอีก 3 คน คือ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอดิศร เพียงเกษ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาใส่ร้าย และนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วย
นายศุภชัย โพธิ์สุ ผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า ในการปราศรัยหาเสียงของพรรคเพื่อไทยโดยนายเศรษฐา ทวีสิน และพวกดังกล่าวข้างต้นได้กล่าวปราศรัยบนเวทีต่อหน้าประชาชนหลายหมื่นคน เป็นการกล่าวใส่ความตนและพรรคภูมิใจไทยด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ ทำให้ตนและพรรคภูมิใจไทยได้รับความเสียหาย จึงต้องเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีต่อบุคคลทั้ง 4 และจะเข้าร้องเรียนต่อ กกต.จังหวัดนครพนม ให้ดำเนินการต่อผู้สมัครและพรรคเพื่อไทยตามกฎหมายเลือกตั้งต่อไป โดยตนมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอการปราศรัยของบุคคลเหล่านี้ทั้งหมดและได้มอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานแล้ว
บุคคลที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีในครั้งนี้ประกอบด้วย อดิศร เพียงเกษ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย ถูกกล่าวหาว่าปราศรัยชักชวน จูงใจและใส่ความผู้แจ้ง และพรรคภูมิใจไทย มีความว่า "นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สมัยก่อนอยู่ด้วยกัน แต่ทรยศ อกตัญญู เลือกประยุทธ์เป็นนายกฯ...ครูแก้ว ฉิบหายอยู่ที่ปาก อะไรก็กูเอามา ถ้าสภาไม่อนุมัติ มึงคนเดียวจะเอามาได้มั้ย วันนี้ผมไม่ได้มาปลุกระดมแต่มายุยงโดยเฉพาะ"
ส่วนนายจาตุรนต์ ฉายแสง ถูกกล่าวหาว่าปราศรัยโดยใช้ถ้อยคำใส่ความพรรคภูมิใจไทยและผู้แจ้ง มีข้อความตอนหนึ่งว่า "ตัวการสำคัญคือพรรคภูมิใจไทย คราวที่แล้วประกาศเลยไม่เอาประวิตร ไม่เอาประยุทธ์ ถ้าเลือกผมมาผมจะเป็นนายกฯ เอง สุดท้ายผลการเลือกตั้งออกมา คนที่โทรศัพท์ไปหาประยุทธ์บอกว่าขอร่วมเถอะครับขอให้ผมร่วมรัฐบาลเถอะครับ คือนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย คราวนี้ก็จะเป็นแบบนี้อีก เข้าร่วมสนับสนุนประยุทธ์เป็นรัฐบาล" ถ้อยคำกล่าวหาเหล่านี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็ปราศรัยใส่ความเช่นกันโดยมีความว่า "ครูแก้ว สหายแสง ไล่อนุทินกลับบ้าน เราจะไม่หิ้วบ้องกัญชาร่วมกับอนุทิน" การปราศรัยดังกล่าวทำให้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและนายศุภชัย โพธิ์สุ (ครูแก้ว) ได้รับความเสียหายถูกดูหมิ่นเกลียดชังว่าเป็นคนไม่ดี แนะนำให้ประชาชนเสพกัญชา ซึ่งทางพรรคภูมิใจไทยมีนโยบายใช้กัญชาทางการแพทย์ เพื่อรักษาสุขภาพ และแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ของประชาชน ไม่ได้เป็นอย่างที่นายณัฐวุฒิกล่าว
คนสุดท้ายคือ นายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่ผู้สมัครนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ได้ปราศรัยใช้ถ้อยคำจูงใจและใส่ความผู้แจ้งและพรรคภูมิใจไทย โดยได้กล่าวว่า "การที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง ได้บอกแล้วถึงความล้มเหลวของรัฐบาลนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่สิ่งที่ผมอยากตอกย้ำคือ พรรคร่วมรัฐบาลกับพลเอก ประยุทธ์ คือพรรคภูมิใจไทย พี่น้องครับเขาไม่ได้แค่ร่วมรัฐบาล เขาไม่ได้เห็นหัวพี่น้องประชาชน เขายังเป็นพรรคที่จะเสนอเอากัญชาเสรีมามอมเมาลูกหลานพี่น้องทุกคน รับได้มั้ยครับ รับไม่ได้ และถ้าเขาบอกว่า ส.ส.เขตให้เลือกภูมิใจไทย
ส่วนพรรคให้เลือกเพื่อไทย ไม่ได้นะครับถ้าเป็นอย่างนั้น ประยุทธ์จะกลับมาอีกครั้งนะครับ เรายอมไม่ได้เราไม่ยอม" ซึ่งการกล่าวปราศรัยดังกล่าวทำให้ผู้แจ้งและพรรคภูมิใจไทยได้รับความเสียหายเนื่องจากเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งเกิดความสับสนและเข้าใจผิดว่าหากเลือกพรรคภูมิใจไทยแล้วจะได้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกษ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ในการเข้าแจ้งความดำเนินคดีในครั้งนี้มี พ.ต.ท.คำดี เฮียงบุญ รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เป็นผู้รับเรื่อง โดย พ.ต.ท.คำดีเปิดเผยว่า หลังจากรับแจ้งในวันนี้แล้วจะได้ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบคำให้การต่อไป