xs
xsm
sm
md
lg

“ดร.ณัฎฐ์” ฟาดยับ “นอท” นักการเมืองต้องมีจิตอาสา พรรคการเมืองไม่ใช่แหล่งฟอกขาว ไม่ใช่ธุรกิจการเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ดร.ณัฎฐ์” มือกฎหมาย ฟาดยับ “นอท พันธ์ธวัช” นักการเมืองต้องมีจิตอาสา พรรคการเมืองไม่ใช่แหล่งฟอกขาว ไม่ใช่ธุรกิจการเมือง

วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 จากกรณีนายพันธ์ธวัชฯ เปิดใจเข้าสู่สนามทางการเมือง มั่นใจเลือกตั้งครั้งนี้ชนะแน่ พร้อมเปิดใจเปิดทางจับมือตั้งรัฐบาล เพื่อไทย-ก้าวไกล โดยนายพันธ์ธวัช เล่าถึงประสบการณ์หลังได้สัมผัสการเมืองจริงๆ ทำให้รู้ได้เยอะขึ้น อย่างหนึ่ง คือ นักการเมือง คือ การตอแหล...นอกจากนี้ยังรู้ได้ว่า การเมืองไทยเริ่มต้นด้วยการโกหก นักการเมืองทุกคนโกหกหมด...”

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ ดร.ณัฐวุฒิ. วงศ์เนียม มือกฎหมายมหาชนคนดัง ได้อธิบายและให้ความรู้ด้านกฎหมายมหาชนว่า ก่อนอื่น การให้ความเห็นของตนเป็นการให้ความรู้เชิงวิชาการ ให้ความรู้กฎหมายแก่ประชาชน คำถามนั้นเป็นประโยชน์สาธารณะ ตนไม่รู้จักกับนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธ์ หรือ นอท กองสลาก หัวหน้าพรรคเปลี่ยน นักการเมืองหน้าใหม่ แต่ตนทราบจากสื่อว่า นายพันธ์ธวัชฯกับพวก ถูกพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ดำเนินคดีอาญาฐานร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์โดยผิดกฎหมาย อยู่ระหว่างพนักงานอัยการพิจารณาสั่งคดี ตามคำถาม ต้องอธิบายก่อนว่า ทัศนคติมุมมองการเป็นนักการเมืองไม่ว่าระดับชาติ หรือระดับท้องถิ่น จะต้องมีอุดมการณ์ทางการเมือง นักการเมืองต้องมีจิตอาสา เป็นบุคคลที่เสียสละ ทำงานเพื่อประชาชน ต้องถามว่า นายพันธ์ธวัชฯตั้งพรรคการเมืองเพื่ออะไร หากบอกว่า นักการเมือง คือ การตอแหล ต้องไล่ให้ไปเรียนรัฐศาสตร์เบื้องต้นพื้นฐานใหม่ เพราะพรรคการเมือง คือสถาบันทางการเมือง แล้วนายพันธ์วัชฯมาเป็นนักการเมือง ลงสมัคร ส.ส.เพื่ออะไร หากเป็นเพียงเพื่อฟอกตนเองให้ขาวสะอาด หรือเป็นธุรกิจการเมือง ควรไปทำความเข้าใจ สถานะความเป็นนักการเมืองเสียใหม่ โดยเฉพาะการเปรียบเทียบ คำว่า “นักการเมือง คือ การตอแหล” ตนหยิบคำพูดของนายพันธ์ธวัชฯมาพูดนะ ตนไม่ได้พูดเอง เพราะไม่กล้าพูดคำๆนี้ เพราะคำว่า “ตอแหล” ตามพจนานุกรมฯ แปลว่า พูดเท็จ พูดปั้นเรื่อง โกหก ตะลบตะแลง พูดไม่จริง ลักษณะเป็นคำด่า ตนว่า นายพันธ์ธวัชฯไม่เหมาะที่มาเป็นนักการเมือง นักการเมืองส่วนใหญ่ฟังคำสัมภาษณ์แล้วสะอึกทุกคน เพราะคำเปรียบเทียบ ไม่ใช่เชิงตั้งคำถาม แต่เป็นการกล่าวหา ส่วนใช้เป็นแคมเปญหรือวาทกรรมในการหาเสียง ให้พี่น้องประชาชนใช้สติไตร่ตรองก่อนหย่อนบัตรแล้วกันว่า สมควรจะเลือกพรรคเปลี่ยนหรือไม่ อย่าฝันลมๆแล้งๆจะกวาดที่นั่ง เพราะประชาชนเขาไม่ได้กินหญ้า หากคิดจะมาแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ให้นายพันธ์ธวัชฯแก่อุปนิสัยตนเองก่อน

คำว่า อุดมการณ์ทางการเมืองของนายพันธ์ธวัชฯหัวหน้าพรรคเปลี่ยน ต้องไปดูข้อบังคับพรรคเปลี่ยน เขียนไว้อย่างไร เดี๋ยวจะตายน้ำตื้น การที่นายพันธ์วัชฯ กล่าวคำว่า นักการเมือง คือ การตอแหล ต้องถามกลับไปยังนายพันธ์ธวัชฯว่า นักการเมืองคนใดตอแหล อย่าไปเหมารวม เพราะนักการเมืองเหล่านั้นเสียสละเวลาส่วนตัว มีจิตอาสาทำงานให้แก่ประชาชน หากจะเข้ามาฟอกตัวเป็นธุรกิจการเมือง ใช้วาทกรรมในการหาเสียง ประชาชนหูตาสว่าง ว่าบุคคลที่กล่าวข้อความนั้น มีอุปนิสัยอย่างไร เหมาะสมกับผู้นำทางการเมือง หรือ เป็น ส.ส.หรือไม่ หากคิดว่าจะรวยทางลัดโดยตั้งพรรคการเมือง ธุรกิจการเมือง หวังกอบโกยเงินเข้ากระเป๋าตนเอง เหมือนกับขายล็อตเตอรี่เกินราคา โดยใช้ช่องทางเป็นศรีธนญชัยฯเอารัดเอาเปรียบประชาชน บวกค่าบริการ แล้วบอกว่า ขายไม่เกินราคา คงมาใช้กับการเมืองระดับชาติไม่ได้ ประชาชนเขาไม่ได้กินหญ้า คงจะพลาดเป้า เพราะนักการเมือง คือ จิตอาสา ซึ่งคำว่า “ตอแหล” เคยมีแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8919/2564 วินิจฉัย คำว่า “ตอแหล” ว่า เป็นคำด่า คนที่พูดเท็จ ซึ่งมีความหมายในทางเสื่อมเสีย การที่กล่าวถ้วยคำดังกล่าว เป็นการดูถูกเหยียดหยามและสบประมาทผู้เสียหายว่าเป็นคนพูดเท็จ เป็นการดูหมิ่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 393 วินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานไว้แล้ว

ส่วนที่นายพันธ์ธวัชฯระบุว่า “นอกจากนี้ยังรู้ได้ว่า การเมืองไทยเริ่มต้นด้วยการโกหก นักการเมืองทุกคนโกหกหมด” ดร.ณัฎฐ์ มือกฎหมายมหาชนคนดัง กล่าวว่า ทัศนคติทางการเมืองออกจากปากของนายพันธ์ธวัชฯ คิดว่า ใช้คำพูดดังกล่าวจะเรียกคะแนนเสียง แต่น่าจะตรงกันข้าม แต่แนวคิดแบบนี้ ต้องถามว่า นายพันธ์ธวัชฯต้องไปอ่านรัฐธรรมนูญให้เข้าใจ คำว่า “ตัวแทนราษฎร” หมายถึงอะไร เพราะหากมีฐานคิดว่า นักการเมืองทุกคนโกหก ขณะนี้อยู่ระหว่างการเลือกตั้งและโค้งสุดท้าย ที่ผู้สมัคร ส.ส.และพรรคการเมืองรณรงค์นโยบายแต่ละพรรคการเมือง หากนักการเมืองโกหกหมดนั้น ถือว่าเป็นการให้ร้าย ใส่ร้ายป้ายสีผู้สมัคร ส.ส.หรือพรรคการเมืองด้วยกัน แม้ไม่ได้ระบุชื่อว่านักการเมืองเป็นใคร แต่เหมารวมถึงนักการเมืองทุกคน เข้าข่ายเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ตามมาตรา 73(5) แห่ง พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.พ.ศ.2561 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 นายพันธ์ธวัชฯหากจะเป็นนักการเมืองรับใช้ชาติ บ้านเมือง ควรไปปรับทัศนคติเสียใหม่ แม้จะเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ก็ตาม แต่จะต้องปฎิบัติตามกรอบกฎหมาย ไม่ใช่ว่า กล่าวหาคนอื่น หรือเป็นเพียงวาทกรรมทางการเมือง เรียกคะแนนเสียง แทนที่จะได้คะแนนเสียง เกรงว่าจะได้คดีอาญาเพิ่มแทน


กำลังโหลดความคิดเห็น