วันนี้(10 เม.ย.)ณ ลานสนามหน้าอำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้จัดเวทีปราศรัย นำโดย นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค , ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ ร่วมขึ้นปราศรัยนโยบายพรรค พร้อมผู้สมัคร ส.ส.นครปฐมประกอบด้วย เขต 1 นายมารุต บุญมี เบอร์ 8,เขต 2. นายรัฐกร เจนกิจณรงค์ เบอร์ 9,เขต 3. นายศิรวริศ สวนแก้ว เบอร์ 6,เขต 4. นายณัฐวัฒน์ ชั้นอินทร์งาม เบอร์ 8,เขต 5. นายจักรพงษ์ ทิมมณี เบอร์5 และเขต 6. นายมนตรี บุญประคอง เบอร์ 5
โดยนายวิรัช กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า พรรคพลังประชารัฐอยากได้ ส.ส.ของจังหวัดนครปฐมที่เราจะไปอยู่เป็นรัฐบาลด้วยกัน เมื่อการเลือกตั้งปี 62 ที่ผ่านมา ผู้แทนของชาวนครปฐมมีแต่ฝ่ายค้านมากกว่ารัฐบาล วันนี้ตนไม่โกรธเลยที่หลายคนย้ายไปอยู่พรรคการเมืองต่าง ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเป็นฝ่ายรัฐบาล เพราะฉะนั้นครั้งนี้ ขอให้ทุกคนเลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 ถ้าถามว่าทำไมต้องเลือก ก็เพราะว่านโยบายของเราในครั้งนี้ดีขึ้นกว่าเดิม อย่างเช่น บัตรประชารัฐครั้งที่แล้วให้ประชาชน 300 บาท แต่ครั้งนี้จะเพิ่มเป็น 700 บาท ซึ่งโครงการบัตรประชารัฐ ถูกตั้งคำถามอย่างมาก เมื่อตอนเปิดตัวออกมาว่าจะใช้ได้นานหรือไม่ แต่วันนี้พิสูจน์แล้วว่า เราสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนมาได้ถึง 4 ปี
"ถ้าพี่น้องติดใจ ถูกใจบัตรประชารัฐ หลายคนบอกว่าขาดบัตรนี่ไม่ได้แล้ว ช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาได้อยู่ได้กินก็ขอบัตรนี้ โดยวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ บอกว่า 300 บาทไม่พอ ขอเพิ่มให้เป็น 700 บาท ในพื้นที่จังหวัดนครปฐมมีผู้ได้รับสิทธิบัตรประชารัฐ 300,000 คน ถ้าพี่น้องช่วยกันเลือกภายใน 6 เขต พรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส.ยกจังหวัด และจะเข้ามาสานต่อโครงการเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี"นายวิรัช กล่าว
นายวิรัช กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น พรรคพลังประชารัฐยังมีนโยบายดูแลผู้สูงอายุ โดยการเพิ่มเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน หรือเรียกว่า‘เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ 3 4 5 และ 6 7 8’ ซึ่งเราเห็นความสำคัญ และมีความจำเป็นที่จะต้องผลักดันนโยบายเพิ่มเติมเพื่อดูแลสวัสดิการผู้สูงอายุ ที่เป็นบุคคลที่มีคุณค่า และเป็นผู้ที่ทำประโยชน์ต่อบ้านเมืองมาอย่างยาวนาน
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า ได้มาเยี่ยมเยียนพี่น้องชาวนครปฐมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายก สมาชิกต่าง ๆ เรามีความผูกพันมานาน ดังนั้น วันนี้ผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐติดภารกิจสำคัญ ติดประชุมยุทธศาสตร์ของพรรค ทำให้เหลือตนกับท่านวิรัชที่สามารถมาพบปะกับพี่น้อง จังหวัดนครปฐมเป็น 1 ใน 5 จังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับกรุงเทพมหานคร ซึ่งนครปฐมถือว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ แต่ทำไมถึงยังน้อยหน้ากว่าอีก 4 จังหวัดรอบข้าง ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐจะพัฒนาจังหวัดนครปฐมให้มีความเจริญเทียบเท่า และไม่น้อยหน้าจังหวัดอื่น
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐ ยึดหลักสำคัญก็คือ เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะคนไทยเราพูดภาษาเดียวกัน มีศิลปะและวัฒนธรรมเหมือนกัน เรามีเสาหลักของบ้านของเมืองที่อยู่คู่กับประเทศไทยมานาน นั่นคือ สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เราจะเชิญชวนลูกลานของเรามาเดินด้วยกัน สิ่งไหนที่มันไม่ถูกต้อง ไม่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนเราจะนำไปพูดกันในสภาผู้แทนราษฎร กฎหมายที่ล้าหลัง ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม เราก็จะไปแก้ไขให้ดีขึ้น
"พรรคพลังประชารัฐประกาศนโยบายชัดเจนว่าเราจะเยียวยากลุ่มเปราะบางให้มีความเข้มแข็ง ก่อนที่เราจะมอบเบ็ดให้เขาไปทำมาหากิน ถ้าคนยังป่วยอยู่ นอนอยู่บนเตียง ถึงเราจะมอบเบ็ดให้เขา เขาจะมีปัญญาไปตกปลาหรือไม่ เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นเราต้องรักษาให้เขาแข็งแรง เราจึงกำหนดนโยบายเหล่านี้ขึ้น เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐดูแลผู้มีรายได้น้อย ซึ่งในบัตรยังมีการบรรจุเรื่องการประกันชีวิต ทันทีที่ท่านหมดลมหายใจ รัฐจะมีเงินประกันให้ 200,000 บาท เพื่อไม่ให้เป็นภาระลูกหลานในการจัดงานขาวดำ ซึ่งสามารถไปเบิกออกมาใช้ได้ทันที รวมไปถึงนโยบายดูแลผู้สูงอายุ ที่เป็นเรื่องอนาคตของพวกเราทุกคน เราต้องใส่ใจในฐานะที่เราเป็นเจ้าของประเทศ"ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า พล.อ.ประวิตร ได้ฝากตนมาบอกชาวนครปฐมว่า พี่น้องหลายอาชีพที่กำลังลำบากอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นชาวสวนกล้วยไม้ เลี้ยงกุ้ง ทำนา เลี้ยงสุกร หลายอย่างมีปัญหา ราคากุ้งถูก แต่อาหารที่เลี้ยงมีราคาแพง ข้าวถูกปุ๋ยแพง ค่าครองชีพแพง วันนี้อะไรที่เป็นของกลุ่มทุนแพงหมด แต่อะไรที่เป็นของพี่น้องประชาชนถูกหมด แล้วประชาชนจะอยู่ได้อย่างไร พรรคพลังประชารัฐจึงมีโจทย์ว่าเราจะบริหารบ้านเมืองโดยการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้พี่น้องประชาชน
"ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาการบริหารบ้านเมือง ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่อยู่มาได้ก็เพราะคนเดียว ที่ผมสามารถพูดได้อย่างเต็มปาก ก็คือ อยู่ได้เพราะ พล.อ.ประวิตร ท่านดูแลก็มาชิกสภาผู้แทนราษฎรถูกพรรค แม้แต่พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย ที่มีความเดือดร้อนในเรื่องของประชาชน ท่านสั่งการองค์กร กระทรวงต่าง ๆ ให้เข้าไปดูและแก้ปัญหาให้ประชาชน ในยามที่สถานการณ์เป็นแบบนี้ พล.อ.ประวิตร เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด"ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ในวันที่ 14 พ.ค.ตั้งแต่ 08.00 - 17.00 น.ขอชาวนครปฐมเข้าคูหากาผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 6 เขต และขอให้กาเบอร์ 37 ให้กับพรรคพลังประชารัฐ