xs
xsm
sm
md
lg

"ชูวิทย์" สิงโตอะไรร้องเอ๋งๆ "คำให้การ" มัดยกที่ให้หลวงแลกลดโทษชัด "ษิทรา" ซัดจะใช้เล่ห์ไหนเอาคืนอีก **"เอิร์ธ"คิด-ประชาธิปัตย์ทำ?? สร้างงาน สร้างเงิน สร้างชาติ ด้วยการสนับสนุน Sex worker ค้ามนุษย์เสรี!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว



** "ชูวิทย์" สิงโตอะไรร้องเอ๋งๆ "คำให้การ" มัดยกที่ให้หลวงแลกลดโทษชัด "ษิทรา" ซัดจะใช้เล่ห์ไหนเอาคืนอีก

คนสีเทาอย่าง "ชูวิทย์ กลมวิศิษฎ์" มองอะไรก็เป็นสีเทา ใช้คำพูดที่กลอกกลิ้งผสมเล่ห์เหลี่ยมที่มีในกมลสันดานคิดจะย้อมสังคมให้เป็นสีเทา ปลุกปั่นให้คนหลงเชื่อว่า สีเทาอย่างตัวเองนั้นดี เป็น "มหาโจรใจบุญ" รับเงินเทา เอาไปทำบุญ แต่ "เพราะความจริงมีหนึ่งเดียว" ถูกจับโกหกแล้วจับได้อีก ก็ยังตลบตะแลง เป็น "มะกอกสามตะกร้า ปาไม่ถูก"

ล่าสุดโดนเปิดโปง ปมยกที่ดิน "สวนชูวิทย์" ให้เป็นสมบัติสาธารณะจากหลายฝ่าย ฟาดงวดฟาดงา ดิ้นพราดๆ อุปมายกตัวเองเป็น "สิงโต" กำลังถูก ไฮยีนา และสัมภเวสี กลุ้มรุมทำร้าย ถึงกับสติหลุด ลมปราณแตกซ่าน โพสต์ฟ้องติ่งในสื่อโซเชียลฯ ของตัวเองรัวๆ ใครที่ได้อ่านหรือเห็นก็คงรู้สึกอยากจะหัวร่อ “ชูวิทย์” ไม่คล้ายราชสีห์ที่คิดคำรามสักนิด กลับเหมือน "สุนัขขี้เรื้อน" ที่ร้องเอ๋งๆๆ มากกว่า

เพราะ "ความจริง" กำลังรุมไล่ล่าต่างหาก สุนัขขี้เรื้อนแตะตรงไหนจึงคันตรงนั้น

"เรื่องยกที่ดินให้สาธารณะ แลกลดโทษจำคุก" โดนเข้าจังๆ เพราะ "คำให้การ" ต่อศาลมัดแน่น งานนี้ไม่ใช่แค่คันที่ผิว แต่คันเข้าไปถึงใจเทาๆ ของชูวิทย์

บัดนี้ใครๆก็รู้ว่า โครงการ “เทนธ์ อเวนิว” สุขุมวิทซอย 10 ของกลุ่ม “DAVIS CORPORATION” และบริษัท เอเทนธ์ อเวนิว จำกัด ของตระกูลกมลวิศิษฎ์ โครงการหรูหราอู้ฟู่นั้น "มหาโจรเทา" เคยใช้แลกรับโทษมาก่อน จากคดีรื้อบาร์เบียร์

เพราะเพียงให้ตัวเองไม่ต้องติดคุกนานจึงตัดสินใจใช้ที่ดินแปลงดังกล่าวยื่นต่อศาล เป็นเงื่อนไขลดโทษลง

แถให้ตาย แต่เอกสารคำให้การต่อศาลฎีกาของชูวิทย์ เพื่อให้ศาลฎีกาลดโทษ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2558 นั่นเองที่มัดไว้ ใจความสำคัญของเอกสารระบุว่า

“ภายหลังเกิดเหตุ จำเลยที่129 (คือ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์) ก็ได้สำนึกผิดอย่างมากจึงได้ล้มเลิกโครงการสุขุมวิท 10 ตามเจตนาเดิม ซึ่งโครงการดังกล่าวนั้นหากสามารถทำได้สำเร็จก็จะทำให้จำเลยที่ 129 ได้รับรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท แต่จำเลยที่129 รู้สำนึกอย่างแท้จริงทั้งที่บาร์เบียร์ตามแผนเดิมทั้งหลายถูกรื้อถอนเป็นพื้นที่ว่างเปล่าแล้ว และสามารถก่อสร้างโครงการสุขุมวิท10 ได้โดยทันที

แต่จำเลยที่ 129 ก็ไม่ทำโครงการต่อ โดยยอมทิ้งผลประโยชน์มูลค่ากว่า 1,000 ล้าน และยังได้นำเงินส่วนตัว มาลงทุนก่อสร้างสวนสาธารณะชื่อสวนชูวิทย์ ด้วยเงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ดังเช่นสวนสาธารณะทั่วไป และเป็นปอดใจกลางกรุงเทพมหานคร

ซึ่งประชาชนก็ได้ใช้ประโยชน์เรื่อยมาตั้งแต่สร้างเสร็จจนถึงปัจจุบัน แล้วการดูแลรักษาสวนชูวิทย์ดังกล่าวแต่ละเดือนโดยรวมประมาณปีละ 828,000 บาท ตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบันปี 2558 รวมระยะเวลา 10 ปี เป็นเงินประมาณ 8,280,000 บาทโดยไม่มีรายได้แม้แต่น้อยเป็นการชดเชย และแสดงถึงความสำนึกในการกระทำความผิดบนที่ดินแปลงดังกล่าวอย่างแท้จริง ซึ่งปัจจุบัน จำเลยที่ 129 ก็ยังให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์สาธารณะจากสวนชูวิทย์ และจะทำต่อไปเพื่อแสดงความสำนึกผิดในการกระทำของตนเองที่กระทำต่อผู้อื่นและละเมิดกฎหมายของรัฐ ... ”

เอกสารฉบับนี้ เป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่า ชูวิทย์พร้อมให้ใช้พื้นที่สวนชูวิทย์ เพื่อเป็นประโยชน์สาธารณะ โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไขเวลาการใช้ จึงเข้าหลักเกณฑ์ การมอบพื้นที่ เป็นสาธารณะ ตามตัวอย่างฎีกาอีกหลายคดี ที่มีการพิพากษามาก่อนหน้า
ปมที่ดินเป็นสมบัติสาธารณะ ตัวเองให้การไว้ แค่ด้วยคำพูดก็เข้าหลักเกณฑ์กฎหมายแล้ว

“ชูวิทย์” จะร้องเอ๋งๆอย่างไร ก็เป็นเรื่องของชูวิทย์ จะ "แฉมาแฉกลับ" อาละวาดเหมือนคนขาดสติ อะไรก็ช่าง แต่กฎหมายบ้านเมืองมี คนในสังคมที่เขาไม่ได้มีสีเทา ก็ต้องยอมรับ มิใช่หรือ ?

งานนี้ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่ออกมาเปิดโปง "แฉไป ไถไป" ชูวิทย์รับถุงเงินสารวัตรซัว จนกลายเป็นประเด็นที่สังคมได้เห็นธาตุแท้ของอดีตเจ้าของอาบอบนวดรายนี้ ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กเช่นกันว่า...

"หลายสิบปีก่อน ได้ติดตามข่าว “ที่ดินบาร์เบียร์” ของพี่ชูวิทย์ ที่ให้คนไปรื้อจนถูกดำเนินคดี จำได้ว่าศาลชั้นต้นยกฟ้องพี่ชูวิทย์ ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำคุก ก็สู้คดีมาตลอด แต่พอถึงวันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา จู่ๆ พี่ชูวิทย์ก็แถลงรับสารภาพ !!
ตอนนั้นจำได้ผมพึ่งเป็นทนายได้ไม่นาน การที่จู่ๆจำเลยปฏิเสธมาตลอดจะรับสารภาพ ตอนนั้นก็งงเหมือนกัน ทำได้ด้วยหรือ แล้วศาลจะลดโทษให้ไหม?

หลายคนอาจจะเคยได้ยินทนายรุ่นเก่าๆ พูดว่า การรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน ส่วนมากศาลจะไม่ลดโทษให้ คำนี้ติดหูผมมาก

ระหว่างที่ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาไปนั้น นักกฎหมายสมัยนั้นก็วิจารณ์เรื่องนี้กันไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าไม่น่าจะทำได้ บ้างก็ว่าเป็นสิทธิของจำเลย

พอถึงวันฟังคำพิพากษาปรากฏว่า ศาลฎีกาลดโทษให้ โดยเหตุผลหนึ่งคือ จำเลยได้มีการนำที่ดินพิพาทไปทำประโยชน์เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนทั่วไปใช้ได้ โดยไม่ได้นำที่ดินไปทำธุรกิจแสวงหาผลกำไรอีก บ่งบอกว่าจำเลยรู้สึกสำนึกผิด นับว่ามีเหตุปราณี เห็นสมควรกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม พิพากษาแก้ จากจำคุก 5 ปี ให้เหลือแค่ 2 ปี ไม่รอลงอาญา

ได้ลดโทษมา 3 ปี เหนาะๆ เพราะให้ที่เป็นสาธารณประโยชน์

ผมถึงรู้สูตรนี้ว่า จำเลยสามารถกลับคำให้การชั้นฎีกา และลดโทษได้ ถ้ามีเหตุผลดีๆ ก็เลยลักจำเอาคดีที่ทนายของพี่ชูวิทย์ ใช้วิชาขั้นเทพนี้มาประยุกต์ใช้บ้าง

เมื่อไม่นานมานี้ ผมพึ่งรู้ข่าวว่าที่ดินที่พี่ชูวิทย์อุทิศให้คนกทม.ไว้ใช้เพื่อสาธารณะ ตอนนี้กำลังพัฒนาให้เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ มูลค่าหลายพันล้าน ก็ตกใจ เพราะนักกฎหมายทุกคนทราบดีว่า ถ้าแค่พูดว่ายกที่ดินให้สาธารณะมันจะโอนทันที โดยไม่ต้องจดทะเบียน และไม่สามารถถอนคืนการให้ได้

เรื่องนี้ท่านผู้ว่าฯชัชชาติ และกรุงเทพมหานคร ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ทำความจริงให้ปรากฏ ไม่อย่างนั้นคนที่อยู่แถวนั้น และเคยใช้ประโยชน์กับสวนชูวิทย์ อาจจะรวมตัวกันไปฟ้องคดีต่อศาลเอง เพื่อทวงคืนปอดของคนกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถทำได้
แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อถึงเวลานั้น พี่ชูวิทย์จะใช้อภินิหารทางกฎหมายท่าไหน เอาที่ดินที่ยกให้สาธารณะไปแล้ว มาเป็นของครอบครัวตัวเองได้อีก เรื่องนี้คงจะถกเถียงกันอีกนาน จนกว่าจะมีคำพิพากษาศาลฎีกาตัดสินเป็นแนวทางต่อไป"

นี่ล่ะชูวิทย์ ไม่มีใครไปทำอะไร ใส่ร้ายหรือกล่าวหา หากตนเองทำตนเองทั้งสิ้น

สัมภเวสีที่ตัวเองเสียดสีด่าทอคนอื่นมาขอส่วนบุญ ที่แท้ก็วิญญาณของตัวเองที่มาหลอกหลอน ทวงความจริงกับตัวที่ยังหลอกตัวเองหลอกผู้อื่นอยู่ ก็เท่านั้น...เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้!

**"เอิร์ธ"คิด-ประชาธิปัตย์ทำ?? สร้างงาน สร้างเงิน สร้างชาติ ด้วยการสนับสนุน Sex worker ค้ามนุษย์เสรี!!

กลายเป็นประเด็นที่ต้องถามไถ่ไปยังพรรคประชาธิปัตย์ หลังจาก "เอิร์ธ" ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง หรือ ลูกชายสุดเลิฟของ อดีตผู้ว่าฯกทม. "พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง" ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ไปพูดในเวทีหาเสียงเลือกตั้งที่จัดโดย"มติชน" ที่ลานโพธิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ ท่าพระจันทร์ ภายใต้หัวข้อ “ฟังเสียง NEW GEN บทใหม่ประเทศไทย” ที่มีตัวแทนจาก 9 พรรคการเมือง ร่วมขึ้นเวทีประชันนโยบาย เมื่อสองสามวันก่อน

ในช่วง'นิวเจนซาวด์’ ให้ตอบคำถามสดจากนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรม โดยร.ต.อ.พงศกร  ได้คำถามว่า "พรรคมีมุมมองต่ออาชีพ Sex worker และ Sex toy อย่างไร ถ้าได้เป็นรัฐบาล จะแก้ไขหรือจัดการเรื่องนี้อย่างไร"

“ร.ต.อ.พงศกร” ตอบว่า ต้องยอมรับก่อนว่า ประเทศมีอาบอบนวด ซึ่งไม่ได้เกิดจากการนวดอย่างเดียว แต่มีธุรกิจที่เกี่ยวกับ Sex worker ซึ่งคนเหล่านี้ไม่มีสวัสดิการที่ดี ไม่มีการจดทะเบียน ผู้ประกอบการไม่ได้มีการเก็บภาษีที่เต็มที่ ดังนั้น ต้องนำธุรกิจเหล่านี้ขึ้นมาบนดิน

“เอิร์ธ” ตอบอย่างนี้ไม่รู้ได้ปรึกษาหารือกับ "ผู้อาวุโส" ในปชป.หรือไม่ คิดจะสนับสนุน "Sex worker" ถาม "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" หัวหน้าพรรคหรือยัง? หรือ จุรินทร์ ก็เห็นดีเห็นงามตามไปด้วย?

เรื่องนี้เห็นๆกันอยู่ว่า เป็นเรื่อง "ค้ามนุษย์" อยู่ในมูลฐานความผิดฐานฟอกเงิน ตามกฎหมาย ปปง.

นี่คือ ข้อเสนอของอดีตตำรวจ คนหนึ่งอย่างนั้นหรือ?

นายตำรวจอย่าง "เอิร์ธ" มีพ่อที่เป็นตำรวจใหญ่ มีความคิดจะยกระดับค้าประเวณีให้ขึ้นมาบนดิน ใช้ตรรกะอะไรคิด ศีลธรรมอันดีงามในฐานะ ผู้ดูแลกฎหมายอย่างตำรวจคนหนึ่งคิดได้ แล้วนี่จะให้สังคมคิดอย่างไร

หรือว่า นี่คือข้อเสนอของพรรค ที่มี แม่พระธรณีบีบมวยผม เป็นสัญลักษณ์ของพรรค

นี่คือ ข้อเสนอของพรรคการเมือง ที่ชูสโลแกน "สร้างงาน สร้างเงิน สร้างชาติ " SEX WORKER คือ การสร้างงาน สร้างเงิน สร้างชาติ ของพรรคประชาธิปัตย์ ?

พรรคประชาธิปัตย์​ต่อต้านกัญชา แต่กลับมาสนับสนุนการค้ามนุษย์ สุดติ่งกระดิ่งแมวจริงๆ พับผ่า!

และถ้าจะไปให้สุดซอยค้ามนุษย์กันเสรีต้องเชิญ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" อดีตเจ้าของอาบอบนวด มาเป็นแคนดิเดต นายกฯไปด้วย
ส.ส.ปชป.ที่เป็นผู้หญิงก็มากมาย จะยอมได้หรือ? กรรมการสิทธิมนุษยชน องค์กรพัฒนาสตรี ได้ยินได้ฟังน่าจะเรียก "เอิร์ธ" มาแจกแจงที่มาที่ไปของนโยบายนี้ จะได้รู้กันไป ...ประชาธิปัตย์จัดให้ค้า Sex เสรี เป็นยังไง พี่น้องเอ๊ย!


กำลังโหลดความคิดเห็น