ไม่เชื่ออีกแล้ว! “จตุพร” เรียกร้อง “ทักษิณ” พูดความจริง ซัด โกหกซ้ำซาก หวังแต่ผลประโยชน์ เอาความรักของประชาชนที่มีต่อตัวเองมาเล่นเกมหาเสียง ถ้าจะกลับจริง ไม่ต้องรอหลังเลือกตั้ง หรือตั้งรัฐบาล เพราะจะมีข้ออ้างสารพัดอีก
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันที่ 26 มี.ค. 66 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “กล้าหรือกลัว เดี๋ยวก็รู้?” ว่า
นายทักษิณ ประกาศกลับบ้านภายในปี 2566 ทั้งที่ในปี 2565 ก็เคยประกาศเช่นเดียวกันมาแล้วจะกลับในปี 2565 ก็ไม่ได้กลับ โดยอ้างป่วย อย่างไรก็ตาม การประกาศกลับบ้านในห้วงเวลานี้ จึงแสดงว่า โพลของพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นไปตามเป้าแลนด์สไลด์ 310 เสียง
“ผมจึงเรียกร้องให้กลับมาก่อนวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ เพราะถ้ารอให้จัดตั้งรัฐบาลเสร็จ ถ้าสมมติเพื่อไทยได้ตั้งรัฐบาลคงประมาณเดือนสิงหาคม เหลืออีก 4 เดือนเศษ ก็ถึงธันวาคม สิ้นปี คิดหรือว่า ทักษิณจะกลับเข้ามา แต่จะมีเหตุผลอื่นๆ เข้ามาแทรกอีกสารพัด ทั้งจะอธิบายถึงการเสียสละไม่อยากกลับมาเพราะกลัวความวุ่นวาย เนื่องจากรัฐบาลเพิ่งเข้าบริหารประเทศ”
นายจตุพร ย้ำว่า ตนต้องการให้นายทักษิณพูดความจริง ไม่ใช่ใช้คำพูดกลยุทธ์ตลาดการเมือง ที่มักโกหกครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้ได้ประโยชน์ในแต่ละสถานการณ์ทางการเมืองของเพื่อไทย ดังนั้น ถ้าการพูดกลับบ้านจะบอกว่าไม่เกี่ยวการเมือง ไม่เกี่ยวการเลือกตั้ง ก็ให้กลับมาเลย อย่าพูดแต่เน้นประโคมโหมข่าวเอาความรักของประชาชนที่ให้มา ไปเป็นของเล่นโดยตลอด ดังนั้น ถ้าไม่กลับก่อนการเลือกตั้งแล้ว เชื่อขนมกินได้เลยว่า ทักษิณไม่กลับภายในปี 2566 ตามที่ประกาศไว้
“การอธิบายโกหกไปข้างหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า อ้างว่า ป่วยจึงไม่ได้กลับเมื่อปีที่แล้ว ผมจึงขอท้าทายอีกครั้งว่า ถ้าไม่กลับก่อนการเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ จะเป็นการโกหกคำโตอีกแล้ว เพื่อหวังประโยชน์ให้คนเลือกเทคะแนนเสียงจนนำไปสู่เป้าหมายแลนด์สไลด์”
นายจตุพร กล่าวว่า การอธิบายของทักษิณ ด้วยท่าทีแบบอหังการนั้น มันต้องไม่หนี แต่คนหนีคำพูดตัวเองว่าจะกลับมาแล้วสังคมจะไปยกย่องอะไรอีก ควรต้องไปเชิดชูคนที่ไม่หนี แต่คนหนีไป 16 ปี ถ้าจะกลับมาทั้งที่เป็นแค่คำประกาศก็ยกย่องเป็นวีระบุรุษ เป็นคนเสียสละ เป็นลูกผู้ชาย ทั้งที่โกหกการกลับบ้านนับครั้งไม่ถ้วน
สิ่งสำคัญ เห็นว่า การโกหกทุกครั้งของทักษิณ ล้วนมาจากการดีลและยอมแลกทุกอย่างทั้งชีวิตคนเสื้อแดง และนำประชาธิปไตยไปยอมให้ยึดอำนาจ ดังนั้น การกลับบ้านแบบเท่ๆ จึงไม่มีจิตใจเสียสละอย่างแท้จริง แล้วครั้งนี้ถูกตั้งคำถามอีกว่า เอาอะไรไปแลกอีก แล้วที่สุดสิ่งนำไปแลกก็แลกไม่ได้ด้วย ส่วนสิ่งที่เห็นคือ ความเห็นแก่ตัว
“การถีบหัวเรือคนเสื้อแดงส่ง ก็แลกกับการยอมกลับบ้าน บอกผมว่าจะกลับบ้านอาทิตย์หน้าแล้ว ก็ยอมทิ้งคนเสื้อแดงไปเลย เมื่อ 21-22 พ.ค. 2557 ก็ปิดก๊อกคนมาชุมนุมที่ถนนอักษะ จากหลักหมื่นเหลือหลักร้อย ผมจึงบอกเป็นการสมคบคิดการรัฐประหาร ดังนั้น จึงถามว่า ครั้งนี้แลกด้วยอะไร และเคยแลกได้จริงหรือไม่?”
นายจตุพร ย้ำว่า หลักสำคัญที่สุดต้องมีความตรงไปตรงมา และประชาชนเชื่อในคำโกหกนับครั้งไม่ถ้วนอยู่ได้อย่างไร แล้วทักษิณไม่สงสารประชาชนหรือ? ที่เชื่อคำโกหกมาทุกครั้ง แล้วทักษิณก็มักทำเรื่องเดิมๆ มีทุจริต คอร์รัปชัน แล้วโกหก ดังนั้น ถ้าชนะเลือกตั้ง อีกฝ่ายก็ต้องทำเรื่องเดิมๆ อีกเช่นกัน
อีกทั้งกล่าวว่า ถ้าทักษิณมั่นใจว่า ลูกสาวอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร เก่งกว่าแล้ว และกระแสแลนด์สไลด์มีไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องประกาศหลอกประชาชนให้ผิดหวังกับคำโกหกเดิมๆ อีก แล้วลงท้ายด้วยการเสียสละจอมปลอมนี้
“ผมเชื่อขนมกินได้เลยว่า ถ้าไม่กลับก่อน 14 พ.ค.นี้ นั่นคือ คำโกหก เพราะการประกาศกลับบ้านเพื่อประโยชน์ในวันเลือกตั้งเท่านั้น เนื่องจากหากเพื่อไทยได้ตั้งรัฐบาล ในช่วง 4 เดือนก่อนถึงสิ้นปี การกลับมาช่วงรัฐบาลตั้งใหม่ๆ จะเป็นไปได้หรือ? จึงเป็นคำโกหกแบบเดิมเหมือนสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งซ้ำซาก”
นายจตุพร ถามว่า การประกาศกลับบ้านครั้งนี้จะโกหกเหมือนเดิมใช่หรือไม่? ต้องการความรักของประชาชนมอบให้มาทำเป็นของเล่นเหมือนทำมาทุกครั้ง ดังนั้น ตนจึงไม่เชื่อว่าจะกลับบ้านจริง นอกจากจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาด แล้วก็กลับมาเลย ไม่ต้องรอเวลาใดๆ ส่วนครั้งนี้การประโคมโหมข่าวยังเป็นลีลา ลักษณะโกหกจอมปลอมทั้งสิ้น
อีกทั้ง เห็นว่า เมื่อทักษิณ ปรากฏตัวแสดงความเห็นมากเท่าไร ยิ่งสร้างความแข็งแรงให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างฉับพลัน โดยฝ่ายอนุรักษ์นิยม พวกบ้านสูง รั้วสูง ก็มองเห็นภัย แล้วเชื่อพล.อ.ประยุทธ์ คนเดียวจะหยุดทักษิณ ได้
ส่วนกรณีทางเลือกสุดท้ายเพื่อจับมือกับพลังประชารัฐนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ไม่กี่วันย่อมพิสูจน์ได้ เนื่องจากตัวเลข 310 เสียง เป็นการสมมติที่ไม่เป็นความจริง และปิดสวิตช์ ส.ว.ไม่ได้ เพราะพวกนี้ต่อสายตรงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่มีสวิตช์ให้ปิด ดังนั้น ทักษิณ ยิ่งพูด ยิ่งปรากฏตัวมากเท่าใด ส.ว.ยิ่งมีพลานุภาพมากขึ้นเท่านั้น
“การประกาศใช้ 310 เสียงไปสู้กับ ส.ว. ซึ่งคุณสู้ไม่ได้กับการตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ไม่แบ่งใคร ไม่ขายพ่วง ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง แล้ว 310 เสียงก็ไปตายในสนาม เนื่องจากไม่เหลือก้าวไกล ไทยสร้างไทย และเสรีรวมไทย อีกอย่างเสียง 310 ก็ไปไม่ได้กับการเลือกนายกฯ ที่ต้องใช้เสียงตั้งแต่ 376 เสียง ก็ไปไม่ได้แล้ว ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยิ่งอยู่รักษาการนานเลย”
นายจตุพร ย้ำว่า การเสนอตัวเลข 310 เสียง เพื่อเอาประโยชน์นั้น ไม่ได้คิดถึงความเป็นจริงทางการเมือง โดยมีความเด็ดเดียว ยึดหลักการเคร่งครัด ไม่เอาพลังประชารัฐมาเข้าพรรค แล้วดำรงแนวทางประชาธิปไตยมุ่งมั่น ไม่รับพวกคนมีกลิ่นไอเผด็จการเข้าพรรคเพื่อไทยเด็ดขาด แนวทางนี้จึงเดินไปตามความจริงได้มั่นคง ดังนั้น การไม่มีจุดยืนทางการเมืองแบบประชาธิปไตย เป้าหมายแลนด์สไลด์ จึงเป็นแค่แบบอย่างของคนเห็นแก่ได้
“การรับคนเข้าพรรคหมด ไม่จำกัดพวกเผด็จการ จึงแสดงถึงการบริหารผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะต้องการเพียงผลประโยชน์ ส่วนประชาธิปไตยเอาไว้บังหน้า แล้วกลเม็ดแบบนี้ก็พาประเทศไปไม่รอด ท้ายที่สุดมันไปได้หรือ? เพียงแค่ปั่นกระแสเพื่อให้ชนะเลือกตั้งเท่านั้น แล้วประชาชนจะรู้สึกอย่างไร”
สิ่งสำคัญ ระบุว่า หลักการของประเทศต้องการนักการเมืองมีจุดยืนและอุดมการณ์ ถ้าประกาศจุดยืนเป็นใครก็ได้ โดยไม่จำกัดวิธีการแล้ว ต้องกล้ายอมรับกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา และไม่ต้องประกาศคุยว่า ตัวเองเหนือกว่าคนอื่น ยกยอตัวเองเป็นประชาธิปไตย แล้วอีกฝ่ายเผด็จการ แต่กลับรับเผด็จการมาเข้าพรรค แล้วชื่นชม ฟอกขาวให้เป็นประชาธิปไตยอีก สิ่งเหล่านี้จึงฝากความหวังบ้านเมืองไว้กับคนที่แลกผลประโยชน์ตลอดทางการเมืองไม่ได้เลย
“การประกาศกลับบ้านโดยเอาความรักของประชาชนมาเป็นของเล่นเพื่อให้ได้ประโยชน์ส่วนตัว เมื่อวันนี้ทักษิณ มีเครื่องบินส่วนตัวก็มาวันนี้ยังได้ ใครห้ามได้ ไม่มีใครพรากจากครอบครัว เพราะไปเอง และครอบครัวยังไปมาหาสู่ได้ตามปกติอีก แต่คนบาดเจ็บล้มตายและครอบครัวของเขาทุกข์ทรมานกว่าทักษิณไม่รู้กี่พันเท่า”
นายจตุพร กล่าวว่า ทักษิณอายุ 73-74 ปี แล้ว ยังไม่เปลี่ยนวิธีการ และเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า จะไม่ใช้กลยุทธ์ แต่จะใช้ความจริงเท่านั้น แล้วมีอะไรที่เป็นความจริงให้บ้านเมืองได้บ้าง ซึ่งไม่มีใครกลัว เพราะเคยได้ 377 เสียงมาแล้ว ก็เป็นรัฐบาลได้พักเดียว ไม่ถึงปีด้วยซ้ำก็เกิดปัญหาแล้ว ดังนั้น จึงไม่ใช่การกลัวเรื่องเสียงเลือกตั้ง
“สิ่งสำคัญที่สุด คือ เกราะกำบังที่ใหญ่ คือ ความชอบธรรม ซึ่งเป็นความสุจริต ความไม่ลุแก่อำนาจ ซึ่งไม่ได้อยู่ที่เสียงเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ มีกี่เสียง ดังนั้น วันนี้เราต้องการคนที่มาเป็นผู้ปกครองที่มีความชอบธรรม ถ้ามาแบบเดิม คิดแบบเดิม ทำแบบเดิม แล้วคิดหรือว่าคนอื่นคิดไม่ออก หรือจับไม่ได้ไล่ทันหรืออย่างไร”
นายจตุพร กล่าวถึงรัฐมนตรีที่เป็นลูกน้องทักษิณ ที่ติดคุกอยู่มากมาย ว่า คนเหล่านี้มีปัญญาทำการทุจริตหรืออย่างไร และใครเป็นคนเปิดประตูให้ทำ เมื่อลูกน้องยอมติดคุกหัวหน้าต้องอับอาย แต่คนไทยกลับสรรเสริญเยินยอ สดุดี
พร้อมระบุว่า การประกาศกลับบ้านเพื่อมุ่งประโยชน์เฉพาะหน้าอย่างจอมปลอมนั้น จะเป็นปัญหาทางการเมืองในอนาคต ดังนั้น ทักษิณ ต้องแฟร์กับประชาชนด้วยการเดิมพันกลับบ้านก่อนเลือกตั้ง 14 พ.ค. นี้ และได้แลนด์สไลด์ด้วย โดยพูดอย่างเดียวไม่มีเดิมพัน จึงแสดงถึงการคิดเอาแต่ได้ เห็นแก่ตัวเอง
“คุณต้องเอาชีวิตคุณมาเดิมพันเดินเข้าคุก โดยกลับก่อนเลือกตั้ง เพราะทุกชีวิตมีอิสรภาพเท่ากันหมด ถ้าอยากได้เสียงแลนด์สไลด์เดินเข้ามาเลย แล้วคนก็เข้าไปเลือกแลนด์สไลด์ แล้วก็แลกกับอิสรภาพของทักษิณต้องเข้าคุก”
“แต่ต้องการแค่คะแนนแล้วไม่มาจริง พอสิ้นปีจะเจ็บไข้ได้ป่วยอีก อ้างเห็นแก่บ้านเมืองอีกหรือ? คือ มันโกหกซ้ำๆ ซากๆ แล้วประชาชนต้องโง่ซ้ำๆ ซากๆ เชื่อแบบซ้ำๆ แล้วปัญหาของประเทศก็มีมากขึ้น และไปไหนไม่ได้ วันนี้จะได้จบประเด็นเดียว ก็กลับเข้ามา ไม่มีใครไปห้ามทักษิณสักคน ลองบอกมาเลยใครห้ามไม่ให้เข้าประเทศ หรือคนห้ามแบบเศรษฐา ทวีสิน พูดว่า ไม่ฟังโอวาท”
นายจตุพร กล่าวถึงทักษิณ อ้างถูกกีดกันไม่ให้กลับบ้านว่า เป็นแค่การสร้างจินตนาการ มีทั้งบางคนพูดว่า ฟ้าเปิด แต่หลักคือ ทั้งหมดนั้นเป็นการหลอกลวงกันทั้งสิ้น เพราะคิดแต่การแลกประโยชน์ แล้วมาต้มคนอื่น แต่คนอื่นก็ต้มทักษิณมาทุกครั้งเช่นกัน
“สิ่งที่สำคัญ ดูผู้นำอย่าง อองชาน ซูจี และผู้นำประเทศข้างบ้าน ไม่คิดหนีเลย อีกทั้งผู้นำอีกหลายประเทศ ทั้งมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ก็ยอมติดคุก โดยดำเนินการชีวิตอย่างสุจริต หรือได้กระทำความผิด ก็ยังต้องยืนเป็นแบบอย่าง ทั้งที่ทุกคนมีสิทธิหนี บุญทรง ภูเตริยาภิรมย์, ภูมิ สารผล, วัฒนา เมืองสุข, ยงยุทธ วิชัยดิษฐ, ปลอดประสพ สุรัสวดี, ชูชีพ หาญสวัสดิ์ และ วิทยา เทียนทอง คนพวกนี้หนีเป็นทั้งนั้น ทำไมเขาไม่หนี”
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าทักษิณ เห็นว่า ไม่ยุติธรรม แต่เมื่อคิดว่าสู้ได้ในกระบวนการยุติธรรม ก็ต้องออกมาต่อสู้ แต่การหลงใหลในชัยชนะ จนคนตายมากมายกลับไม่รู้สึกรู้สา ยังนอนตาหลับลงได้อีก ทั้งที่การบริหารนั้น ชีวิตคนเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าผู้นำมองการตายเป็นเรื่องปกติแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ยากมากในการปกครองให้เกิดความหวังของบ้านเมือง
ดังนั้น วิบากกรรมนี้ เราจึงเห็นว่า ประเทศไทยติดกับดักอยู่จริงๆ วันนี้คนไม่ได้วิตกกลัวทักษิณ จะกลับจริง แต่กลัวกลับไม่จริง แล้วปีหน้าก็มีปัญหาใหม่ เมื่อไม่กลับปีนี้ตามคำพูดโตอวดอ้างใหญ่ ตนขอกล่าวหาเลยว่า ถ้าไม่กลับก่อนวันที่ 14 พ.ค.นี้ การกลับบ้านรอบนี้จึงเป็นการโกหกอีกครั้ง เพราะปี 2565 ก็พูดเช่นนี้ ซ้ำซาก
นายจตุพร กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนจะเลือกพรรคใดเป็นเสรีภาพของประชาชน อีกทั้งถ้ากระบวนการดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างยุติธรรม ตรงไปตรงมาแล้ว ตนไม่แน่ใจว่า จะได้ผู้แทนทำถูกกฎหมายเลือกตั้งสักกี่คน ดังนั้น ถ้าทุกกลไกมีความแข็งแรง มีมาตรการเอาจริงแล้ว ประเทศนี้จะเปลี่ยนแปลงทันที อย่าให้การเลือกตั้งเป็นเรื่องของเงิน ผลประโยชน์การช่วงชิ่งอำนาจ เป็นการฟอกตัวเข้าสู่อำนาจ จึงไม่เป็นการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยแท้จริงตามกล่าวอ้างกันเลย (จากไทยโพสต์)