กลับหรือไม่ก็เป็นเกม! “เพจดัง” จับไต๋ “ทักษิณ” วางแผนไว้แล้ว กลับไทยไม่ต้องติดคุก “รื้อคดีใหม่” ยื้อได้ตลอดชีวิต “ปิยบุตร” ชงทันควัน แก้รธน.ลบล้างผลพวง “รปห.” ปี49 “อดีตหัวหน้า ศรภ.” ชี้ อยู่ที่“เพื่อไทย”ได้เป็นรัฐบาลหรือไม่
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(25 มี.ค.66) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD แชร์ภาพ และความเห็นจากเพจเฟซบุ๊กของ ปิยบุตร แสงกนกกุล พร้อมโพสต์ข้อความระบุว่า
“ทักษิณก็ได้โอกาสสู้คดีไปแล้วนะครับ ตอนตัดสินคดีหุ้นชิน ถึงกับต้องถ่ายทอดสด ถ้ามารื้อคดีใหม่ตอนนี้ ทักษิณก็ยังแก้ข้อกล่าวหาเดิมไม่ได้ นอกจากจะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ด้วยการอ้างประชาธิปไตย ศาลต้องมาจากการเลือกตั้ง แล้วก็ซื้อเสียง เลือกตุลาการกันเข้ามา แบบที่เรียกร้องกันนักไง
แต่รู้อะไรมั้ย การรื้อทุกคดีใหม่ เริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น จะประวิงเวลาให้ทักษิณไปอีกหลายปี เผลอๆ 10 ปี คดีก็ยังตัดสินไม่จบ ทักษิณก็จะได้ประกันตัวในระหว่างพิจารณาคดีไปแบบชิลล์ ๆ อาจจะได้ใช้ชีวิตในเมืองไทย โดยไม่ต้องติดคุกเลยทั้งชีวิตก็เป็นไปได้
ไปหาเหตุผลดีๆ หรือหลักฐานใหม่มายืนยันก่อนนะจ๊ะ ว่ามันควรค่าต่อการรื้อคดีมั้ย ถ้าไม่มี ขอปัดตกข้อเสนอนี้นะจ๊ะ ติดคุกเท่านั้น
..รู้ทันนะจ๊ะ”
ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล โพสต์ ประเด็น [กรณีคุณทักษิณ : ไม่ติดคุก ไม่นิรโทษ ต้องลบล้างผลพวงรัฐประหาร ดำเนินคดีใหม่อย่างเป็นธรรม]
โดยระบุว่า สำนักข่าวจากประเทศญี่ปุ่น รายงานข่าว เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ความว่า คุณทักษิณ ชินวัตร พร้อมกลับมาติดคุก และไม่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ตนเอง
ประเด็นปัญหา “กลับบ้าน” ของคุณทักษิณอยู่ในสังคมไทยมาเกือบสองทศวรรษ เมื่อไรที่มีการเลือกตั้ง เมื่อไรได้รัฐบาลใหม่จากขั้วเพื่อไทย ก็จะมีผู้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเสมอ
หากใครได้ติดตามการแสดงความเห็นของผมตั้งแต่ปี 2548/49 คงจำได้ว่า ผมไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เรียกร้อง “นายกพระราชทาน มาตรา 7” ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ผมและเพื่อนอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ รวม 5 คน ในเวลานั้นได้ออกแถลงการณ์ ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ในเวลาต่อมา พวกเรายังได้แถลงการณ์แสดงความไม่เห็นด้วยและวิจารณ์การดำเนินคดีคุณทักษิณในหลายกรณี รวมทั้งคำพิพากษากรณียึดทรัพย์ด้วย
หลังเหตุการณ์การสลายการชุมนุมปี 53 พวกเราได้รวมตัวก่อตั้ง “คณะนิติราษฎร์”
18 กันยายน 2554 คณะนิติราษฎร์ เสนอข้อเสนอ “ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยายน 2549” ดังนี้
หนึ่ง ให้รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และการกระทำของ คปค. ตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 ถึง 30 กันยายน 2549 เป็นโมฆะ
สอง ให้รัฐธรรมนูญ 49 มาตรา 36 (ซึ่งรับรองให้การกระทำทั้งหลายของคณะรัฐประหารชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย) ตกเป็นโมฆะ
ทำให้การกระทำทั้งหลายของคณะรัฐประหารถูกโต้แย้งได้ว่าขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
สาม ให้รัฐธรรมนูญ 49 มาตรา 37 (ซึ่งนิรโทษกรรมคณะรัฐประหาร) ตกเป็นโมฆะ
ทำให้ การนิรโทษกรรมรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นโมฆะ สิ้นผลไป เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เมื่อไม่มีการนิรโทษกรรมการรัฐประหาร ทำให้การรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ยังคงมีความผิดฐานกบฏในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113
เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมย่อมสามารถดำเนินคดีเอาคณะรัฐประหารมาลงโทษได้
สี่ ให้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่เป็นผลต่อเนื่องจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ตกเป็นโมฆะ
ห้า ให้เรื่องที่อยู่ในกระบวนพิจารณา ที่เกิดจากการริเริ่มของ คตส. ยุติลง
ข้อเสนอทั้งหมดนี้ ต้องทำโดยผ่านการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
หากข้อเสนอเหล่านี้สำเร็จ ผลที่ตามมา คือ ดำเนินคณะรัฐประหารได้ทันที
ส่วนคดีความของคุณทักษิณและนักการเมืองอีกหลายคน ที่สืบเนื่องจากรัฐประหาร 49 ก็ไม่ได้นิรโทษหรืออภัยโทษแต่อย่างใด เพียงแต่ลบล้างคำพิพากษาเหล่านั้นทิ้ง และสามารถดำเนินคดีต่อไปตามกระบวนการปกติ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหาและจำเลย
เมื่อเข้าปี 2556 มีการเสนอร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม “เหมาเข่ง” จนเป็นชนวนให้การชุมนุมของ กปปส จุดติด และนำมาซึ่งรัฐประหาร 22 พ.ค.2557
ในเวลานั้น ผมและเพื่อนอาจารย์คณะนิติราษฎร์ ยืนยันว่า นิรโทษกรรม “เหมาเข่ง” แบบนี้ไม่ได้ เราเสนอร่างกฎหมายให้นิรโทษกรรมเฉพาะผู้ชุมนุม ในส่วนกรณีของคุณทักษิณและนักการเมืองรายอื่นๆที่ถูกดำเนินคดีสืบเนื่องจากรัฐประหาร 49 ต้องใช้ “ลบล้างผลพวงรัฐประหาร” มิใช่ “นิรโทษกรรม”
ข้อเสนอทั้งหมดนี้ ไม่ถูกนำไปปฏิบัติ
ทั้งจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ทั้งจากรัฐบาลประยุทธ์
เมื่อข้อเสนอของเราไม่ถูกฝ่ายการเมืองนำไปใช้ ก็เหลืออยู่ทางเดียว คือ ลงมาปฏิบัติเอง
นี่เป็นมูลเหตุสำคัญหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจลาออกจากอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มธ. และมาก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่
ด้วยความตั้งใจว่า จะเข้าไปมีอำนาจ เพื่อทำข้อเสนอเหล่านี้ให้เป็นจริง
…
วันนี้ ประเด็น “ทักษิณกลับบ้าน” กำลังถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง
ผมยังคงยืนยันตามเดิมว่า การดำเนินคดีคุณทักษิณ โดยใช้องค์กรและกระบวนการที่เริ่มต้นจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ไม่เป็นธรรมต่อคุณทักษิณ
ผมเห็นว่า จนถึงวันนี้ คุณทักษิณไม่ต้องติดคุก
และเช่นเดียวกัน ก็ไม่ควรมีการตรากฎหมายนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณด้วย
แต่หนทางที่ถูกต้อง เป็นธรรมต่อคุณทักษิณ และยืนอยู่บนหลักการ ก็คือ ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ตามข้อเสนอคณะนิติราษฎร์ ที่เสนอไว้ เมื่อ 12 ปีก่อน
คุณทักษิณไม่ต้องติดคุก
ไม่ต้องนิรโทษกรรมคุณทักษิณ
ดำเนินคดีกันใหม่อย่างเป็นธรรม
เอาคณะรัฐประหาร 49/57 มาลงโทษ
ที่น่าสนใจแพ้กัน พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
“ทำไมคุณ ทักษิณ จึงยอมกลับบ้านมาติดคุก
เมื่อปีที่แล้ว (2565) คุณทักษิณ ได้ประกาศหลายครั้งว่า จะกลับไทยแน่ ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆโดยเฉพาะก่อนช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่เมื่อรัฐบาลไปรอด เรื่องกลับบ้านก็เงียบไป พอต้นปีนี้ (2566) ก็เริ่มพูดใหม่อีกหลายครั้ง
ครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้ ถึงกลับพูดออกมาอย่างหนักแน่น พูดในแบบใหม่ที่ คุณทักษิณ ไม่เคยพูดกันมาก่อนว่า "จะยอมกลับมาติดคุก ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาแบบไหน"
ทำไมคุณทักษิณ จึงพูดว่าจะยอมกลับบ้านแบบไม่เท่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก เหตุผลน่าจะมีสาเหตุมาจากทุกครั้งที่ คุณทักษิณพูดเรื่องกลับบ้านจะทำให้คะแนนนิยม ของลุงตู่พุ่งขึ้นมาทุกที เพราะเกือบทุกคนจะเข้าใจว่า “คุณทักษิณจะใช้อำนาจทางการเมืองกลับบ้าน" ดังนั้นคราวนี้ คุณทักษิณ จึงตีบทน่าสงสาร เพื่อแก้ไขความคิดดังกล่าวของประชาชนเสียใหม่ ว่า “จะยอมกลับมาติดคุก ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาแบบไหน”
และย้ำว่า แม้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ก็ไม่ต้องมาออกกฎหมายนิรโทษกรรมช่วย ถือได้ว่าเป็นการหาเสียงให้พรรคเพื่อไทยที่ดีที่สุด ตั้งแต่คุณทักษิณพูดมา ในรอบ 3 ปีนี้
เรื่องนี้ก็ต้องรอผลการเลือกตั้ง ซึ่งคุณสมศักดิ์ อดีต รมว.ยธ.ในรัฐบาลชุดนี้ เคยบอกว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะแน่นอน 99% ซึ่งถ้า พรรคเพื่อไทยชนะ ได้เป็นรัฐบาลคุณทักษิณ จะกลับมาแน่ แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล ผมเชื่อว่าคุณทักษิณจะไม่กลับมาหรอกครับ เพราะคุณสมศักดิ์ก็จะไม่ได้กลับมาเป็น รมว.ยธ.”