xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อ “หมอหนู” Hug “ลุงตู่” กอดนี้ ผูกมัดอะไรไม่ได้นะจ๊ะ **จุดยืนต่างจากคนในพรรค “อภิสิทธิ์” ประกาศเว้นวรรคการเมือง บอก “ลุงตู่” รีเทิร์น ไม่ง่าย!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว


**เมื่อ “หมอหนู” Hug “ลุงตู่” กอดนี้ ผูกมัดอะไรไม่ได้นะจ๊ะ


กลายเป็นช็อตเด็ดที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในโลกออนไลน์ เสี้ยววินาทีที่ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โผเข้าสวมกอด “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีคอการเมืองสายมโนไม่น้อยที่คิดไปไกลว่า นี่อาจเป็นสัญญาณไม่ใช่แค่โชว์หวาน แต่เป็นสัญญาใจ “ดีลจับขั้ว” ที่กำลังฮอตฮิต เข้าบรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งในช่วงนี้

ภาพกอดกันของทั้งสอง ครั้งนี้ยังถูกโยงไปถึง เมื่อไม่กี่วันมานี้ ที่ “หมอหนู และคณะพรรคภูมิใจไทย” บุกเข้าป่ารอยต่อฯ รับประทานอาหารกับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ว่ากันว่า “บาดตา-บาดใจ” ลุงตู่ เสียเหลือเกิน หงุดหงิด งุ่นง่าน ถึงขั้นคนใกล้ชิดจับอาการได้ชัด เพราะเชื่อว่า เรื่องสนทนาบนโต๊ะอาหาร ระหว่างหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับ ลุงป้อม ไม่น่าจะอยู่แค่ถามไถ่รสชาติอาหารกัน เพราะฉะนั้น “หมอหนู” กอด “ลุงตู่” จึงมีความหมายคล้ายจะบ่งบอก ตั้งใจให้ดูออกแหละว่า ยังรักกันดี ?

ฟังว่า จังหวะ Love Love นี้ เกิดขึ้นหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวาน (21มี.ค.) ที่ประชุมใช้เวลาสั้นๆ แต่อวยพรวันเกิด “ลุงตู่” กันนานกว่า ช่วงเวลาที่ปะหน้าสื่อ นายกฯถูกถามวันนี้ ตั้งแต่ “แฮปปี้” มีความสุขหรือไม่ในวันเบิร์ธเดย์ ซึ่ง “ลุงตู่” บอกว่า มีความสุขทุกวันอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ใน ครม.ทุกพรรคการเมือง เป็นพรรคร่วมรัฐบาลมาโดยตลอด ถ้าเราไม่รักกัน มันทำอะไรไม่สำเร็จหรอกใน 4-5 ปีที่ผ่านมา เพราะร่วมมือกัน รักกัน ไม่ได้ขัดแย้งกัน

อนุทิน ชาญวีรกูล กอด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เมื่อถามว่า หลังจากการเลือกตั้งเสร็จ ครม.จะรักกันกลมเกลียวกัน หรือไม่ “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่ตอบคำถาม พร้อมกับเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ขณะที่มีอีกคำถามว่า สำหรับกับ “อนุทิน” ปิดดีลกับพรรคพลังประชารัฐไปแล้ว ครั้งนี้ถือว่า ปิดดีลกับนายกฯ หรือยัง ? ทำเอา “ลุงตู่” ต้องให้คำตอบ “ผมไม่มีดีลอะไรกับใครทั้งนั้น”

เพื่อให้แน่ใจ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เรื่องกับพรรคภูมิใจไทย และอนุทิน เป็นอย่างไรบ้าง ? พอฟังเช่นนั้นทำให้ “อนุทิน” ได้เดินเข้าไปโอบกอดเอว เอาหน้าซบอกนายกฯลุงตู่ พร้อมด้วยรอยยิ้มชื่น ของทั้งสองฝ่าย

นี่คือ ที่มาของภาพฮอต ช็อตเด็ดประจำวัน ในแวดวงการเมือง แต่ก่อนที่ “สายมโน” จะมโนไปไกล ถึงสัญลักษณ์การกอดการเมืองระหว่างอนุทินกับลุงตู่ ต่อจากนั้น “หมอหนู” ได้ออกมาบอกภายหลังว่า การกอดกับนายกรัฐมนตรี ไม่มีนัยทางการเมืองอะไร ผู้สื่อข่าวบอกให้กอด ก็เลยกอด และวันนี้เป็นวันเกิดนายกฯ ตัวเองก็ทำตามผู้สื่อข่าวหมด

ส่วนการจะดีลจับขั้วรัฐบาลพรรคเดิมหรือไม่ ทุกอย่างจะชัดเจนอยู่ที่ผลการเลือกตั้ง โดยหลักการแล้วยังทำงานเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ ไม่ได้มีปัญหาอะไรในการทำงาน ไม่มีความแตกแยกใดๆ มีความเห็นต่างบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติ โดยหลักการแล้ว หากขั้วเดิมจับกันได้เสียงเพียงพอ ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร

อนุทิน ชาญวีรกูล รับประทานอาหารกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ขณะเดียวกัน จะย้ำความสัมพันธ์ให้ชัดเจนหรือไม่ว่า อนาคตจะแยกจากกันไม่ได้ “อนุทิน” บอกว่า ทำงานกันมา 4 ปี ก็ต้องมีความสัมพันธ์ ผูกพันกับงาน ทำงานกันมา 4 ปี ก็เหมือนเรียนจบปริญญาตรี เวลาที่เรามีเพื่อนรักมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนที่เรียนในมหาวิทยาลัยมาตั้งแต่ปี 1 ถึงปี 4 และรักกันจนถึงทุกวันนี้ ถึงเวลาใครจะมีบทบาทอะไรก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่อย่าเพิ่งไปผูกมัด เพราะ “การเมืองผูกมัดอะไรไม่ได้”

ชัดเจนนะจ๊ะ Hug นี้ ไม่ได้ว่าผูกมัด ไว้รอดูกันหลังเลือกตั้ง ดีลไหน ขั้วใคร ช่วงเวลาหาเสียงไปจนถึงเลือกตั้งจบ และไปต่อถึงการจับมือร่วมรัฐบาล เราจะได้เหล่านักการเมือง “กอด” กันอีกหลายครา หลายคู่ กอดที่มีความหมายเป็นไปได้ทั้ง “รักกัน” หรือแค่ “มารยา” โปรดติดตามกันต่อไป

**จุดยืนต่างจากคนในพรรค “อภิสิทธิ์” ประกาศเว้นวรรคการเมือง บอก “ลุงตู่” รีเทิร์น ไม่ง่าย!!

ประชาธิปัตย์ในยุค “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์-เฉลิมชัย ศรีอ่อน” นำทัพลงสนามเลือกตั้ง ท่ามกลางสถานการณ์เลือดเก่าไหลออก เลือดใหม่ไม่มีมาเติม ตามสายตาคนนอก แฟนคลับ แม้แต่คนในพรรคยังเห็นตรงกันว่า รอบนี้คงสู้คู่แข่งยาก

จึงมีเสียงเรียกร้องจากคนในพรรคให้ อดีตหัวหน้าพรรคอย่าง “ชวน หลีกภัย-บัญญัติ บรรทัดฐาน-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กลับมาร่วมผนึกกำลังกันกับ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ในการหาเสียง เสนอนโยบาย ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับจากอดีตหัวหน้าพรรคทั้งสามคน ว่ายินดี

เพียงแต่ “อภิสิทธิ์” จะมาช่วยแบบไม่ลงสมัคร ส.ส. คือ ขอเว้นวรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้ ส่วน “ชวน-บัญญัติ” ยังลงสมัครในระบบัญชีรายชื่อ

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“อภิสิทธิ์” บอกถึงเหตุผลในการเว้นวรรคทางการเมือง ว่า ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่เขาเป็นหัวหน้าพรรคนั้น ได้ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ผลการเลือกตั้ง ปชป.ได้จำนวน ส.ส.ไม่เข้าเป้า จึงลาออกจากหัวหน้าพรรค และต่อมาก็ลาออกจากการเป็น ส.ส. เพราะหัวหน้าพรรคคนใหม่ นำพรรคไปร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ จึงคิดว่าต้องรักษาคำพูดด้วยการลาออกจาก ส.ส. แต่ไม่ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค

หลังมีประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ 20 มี.ค. แกนนำพรรคก็ได้ พูดคุย แลกเปลี่ยนกันว่า อะไรน่าจะดีที่สุด “อภิสิทธิ์” จึงบอกไปว่า เวลาที่ผ่านมา จุดยืนของตนเองไม่ได้สอดคล้องกับการดำเนินการของพรรคมากนัก หากลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็จะเกิดความสับสน ไม่เป็นเอกภาพ ซึ่งไม่น่าเป็นผลดีกับพรรค เพราะถ้าประกาศลงสมัคร คงมีคำถามตามมามากมาย ทั้งก่อนเลือกตั้ง หลังเลือกตั้ง มีโอกาสจะจับขั้วเดิมหรือไม่...

ดังนั้น ทางที่เหมาะสมและลงตัวที่สุด คือขอไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง

“อภิสิทธิ์” ยังปฏิเสธว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยอยู่เบื้องหลังการล่าชื่อ กระทำการเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพรรค เพื่อที่ตัวเองจะได้กลับไปผู้นำพรรคอีกครั้ง เพราะถ้าทำก็คงมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว!!

ส่วนหลังการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ “อภิสิทธิ์” มองว่า พรรคเพื่อไทย มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล สูงกว่าขั้วรัฐบาลเดิม เพียงแต่จะติดขัด ที่ รธน.มาตรา 272 ที่ให้ ส.ว.มาร่วมโหวตนายกฯ คือ เสียงทั้งหมดต้องได้ 375 เสียง จึงจะจัดตั้งรัฐบาลได้ และเป็นไปได้ที่จะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ ที่มีทั้ง ส.ส.และ ส.ว. พอโน้มน้าวให้มาร่วมโหวตได้ ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวเลข และการเจรจาเงื่อนไขอื่นๆ

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
ส่วนโอกาสที่ “พล.อ.ประยุทธ์” จะคัมแบ็กนั้น อันดับแรกต้องมีเสียง ส.ส.สนับสนุนเกิน 250 เสียง และถ้าพรรคเพื่อไทยได้เสียงเกิน 250 เสียง ยังมีพรรคก้าวไกล อยู่ด้วย ซึ่งทั้งสองพรรคนี้ประกาศชัดว่าไม่ร่วมสังฆกรรม จึงเป็นไปได้ยาก เว้นเสียแต่ว่า พรรคร่วมรัฐบาลเดิมได้เสียงเกิน 250 เสียง และหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ยอมรับให้ “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย จึงจะเป็นไปได้ ซึ่งไม่ใช่งานง่ายสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ เลย

นั่นเป็นมุมมองของ “อภิสิทธิ์” ต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ แบบไม่มีองค์ประกอบอื่นเข้ามาสอดแทรก หรือแทรกแซง

แต่การเลือกตั้งที่มีเดิมพันสูง ชิงบ้านชิงเมืองเช่นนี้ ย่อมมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แบบว่าการศึกย่อมไม่หน่ายเล่ห์ อุบาย ผลเลือกตั้ง อาจไม่เป็นไปตามผลโพลก็ได้

ที่คิดว่าจะสร้างกระแส ตามด้วยยิงกระสุน ก็อาจถูกบล็อกจากฝ่ายที่กุมอำนาจรัฐ ส่งทหาร ตำรวจ ตามประกบหัวคะแนนในพื้นที่จนยิงกระสุนไม่ได้ ขณะที่ฝ่ายตัวเอง เปิดทางสะดวก ...

ยังมีระหว่างการหาเสียง อาจถูกร้องเรียนเรื่องทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จนกกต.ต้องแจกใบเหลือง หรือ กกต.

ต้องใช้วิธีรับรองไปก่อนแล้วสอยทีหลัง แบบนี้ก็จะมีโอกาสให้เจรจาต่อรองกัน จะโหวตหนุนหรือไม่ หรือ อาจมียุบพรรคหลังเลือกตั้ง จนส.ส.ต้องกระจัดกระจาย หาพรรคใหม่สังกัดภายใน 30 วันก็เป็นได้ เพราะแต่ละพรรคถูกร้องยุบพรรคกันแทบทั้งนั้น บางพรรคก็มีหลายกรณี

หลังเลือกตั้งครั้งนี้ใครจะได้กุมอำนาจ ต้องดูกันยาวๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น