xs
xsm
sm
md
lg

พรรคร่วมผนึกแน่น โดดเดี่ยวเพื่อไทย!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อนุทิน ชาญวีรกูล กอด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนยันถึงมิตรภาพที่มีต่อกัน
เมืองไทย 360 องศา


นาทีนี้ได้เห็นภาพชัดๆ แล้ว ทั้งท่าที คำพูด และการแสดงออกว่าการเมืองกำลังแบ่งเป็นสองขั้ว นั่นคือ ขั้วพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน กับอีกขั้วหนึ่งที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนหลัก โดยสามารถยืนยันได้จากบรรดาแกนนำของบางพรรค โดยเฉพาะจากฝ่ายรัฐบาล


เริ่มจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อายุครบ 69 ปี ที่ห้องสีเหลือง ภายในตึกสันติไมตรี ก่อนเดินมาส่งนายกฯ ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ว่า ตนไปอวยพรวันเกิดส่วนตัว ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีและเป็นผู้อาวุโสน้อยกว่า เข้าอวยพรผู้ใหญ่ ซึ่งคณะรัฐมนตรี อวยพรไปแล้ว นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ก็มีรัฐมนตรีให้ดอกไม้บ้าง พวงมาลัยบ้าง

เมื่อถามว่า การพบกันทำให้ภาพการดีลจับขั้วรัฐบาลเดิมชัดเจนขึ้นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องขั้วรัฐบาลชัดเจนที่สุด คือผลการเลือกตั้ง แต่วันนี้เรายังทำงานเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันอยู่ ไม่มีปัญหาอะไรในการทำงาน ไม่มีความแตกแยกใดๆ มีความเห็นต่างบ้าง เป็นเรื่องปกติ ถ้าเห็นคล้ายกันไปหมดก็ไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นโดยหลักแล้วถ้าขั้วเดิมจับกันได้ ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร

เมื่อถามต่อว่า เป็นการย้ำความสัมพันธ์ในอนาคตแยกออกจากกันไม่ได้ นายอนุทิน กล่าวว่า ทำงานมา 4 ปี มันก็ต้องมีความสัมพันธ์ มีความผูกพันต่องาน ต่อหน้าที่ 4 ปีก็เท่ากับเรียนปี 1 ถึง ปี 4 ก็เท่ากับเรียนจบปริญญาตรี พวกเราเวลามีเพื่อนรักกันจนมาจนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัย ถึงเวลาต่างคนจะมีบทบาทอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์นั้น แต่อย่าไปผูกมัดอะไร การเมืองผูกมัดไม่ได้ และตอนนี้ยังไม่มีสูตรอะไร

เมื่อถามอีกว่า ถือเป็นสูตรล้มแลนด์สไลด์ด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีสูตรอะไรเลย วันเดียวกันนี้ เป็นการประชุม ครม. นัดแรกในฐานะรัฐบาลรักษาการ ก็มีการชี้แนะแนวทาง โดย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่าเป็นรัฐบาลรักษาการ ทำอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อะไรที่ต้องระมัดระวัง วาระแทบจะไม่มี เวลา 11.00 น.ก็ทานข้าวเที่ยงแล้ว เท่ากับว่า รัฐบาลเข้าสู่ภาวะรัฐบาลรักษาการตามกติกา ไม่ก่อให้เกิดความได้เปรียบใดๆ ในการบริหารราชการแผ่นดินช่วงการเลือกตั้ง ก็เป็นไปตามกติกาทุกอย่าง

ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อถูกถามว่า เห็นภาพนายกฯ อยู่กับนายอนุทิน รู้สึกอุ่นใจและสบายใจหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็สบายใจ สบายใจหลายอย่าง สิ่งสำคัญคือความห่วงใย ทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เราอยู่ด้วยกันเกิดความเรียบร้อยมาหลายปีแล้ว ทั้งนี้ ระหว่างให้สัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่ได้ส่งหนังสือ “มาเหนือเมฆ” ซึ่งสื่อได้ฝากให้นายกฯเซ็น โดยหนังสือดังกล่าวเขียนถึงประวัติความเป็นมาของ พล.อ.ประยุทธ์

เมื่อถามว่า รู้สึกแฮปปี้หรือไม่ ครม.ร่วมอวยพรวันเกิด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทำไมล่ะ ตนมีความสุขทุกวันในการทำงานของ ครม. ตนไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ ครม.เลย ทุกพรรคการเมืองก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลมาโดยตลอด และเราไม่รักกันคงทำอะไรไม่สำเร็จหรอก 4-5 ปีที่ผ่านมาเยอะแยะ ก็ร่วมมือกัน รักกัน ไม่ได้ขัดแย้งกัน เมื่อถามว่า จากนี้ไปพรรคร่วมรัฐบาลจะรักกลมเกลียวกันแบบนี้หรือไม่ นายกฯ ไม่ตอบคำถาม เพียงส่วยหัวเล็กน้อย เมื่อถามว่า กับนายอนุทิน มิตรภาพเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ หันมายิ้ม ขณะที่นายอนุทินหัวเราะพร้อมกับโผลเข้าโอบเอว ซบที่หน้าอกนายกฯ ขณะที่นายกฯยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า ไม่มีอะไรอยู่แล้ว เมื่อถามว่า นายอนุทิน ปิดดีลกับพรรคพลังประชารัฐไปแล้ว และวันนี้ปิดดีลกับนายกฯหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่ไปดีลอะไรกับใครทั้งนั้น ยังเลือกตั้งไม่เสร็จเลย”

จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้ขอให้ นายอนุทิน กอดนายกฯแบบเมื่อสักครู่อีกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันมิตรภาพ นายกฯ กล่าวว่า “ปกติผมไม่ค่อยให้ใครกอด” และยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนเดินขึ้นบันไดตึกไทยคู่ฟ้า และกล่าวอีกว่า กอดไปแล้ว กอดแล้วๆ ขณะที่ นายอนุทิน ยืนหัวเราะอยู่ใกล้ๆ โดยก่อนจะเข้าไปในตึกไทยคู่ฟ้า ทั้ง 2 คนได้หยุด และทั้ง 2 คนต่างคนต่างเอามือโอบเอวด้านหลัง และนายกฯกล่าวว่า ก็กอดกันแบบนี้ทุกคน เพราะที่นี่คือประเทศไทยของเรา อย่างไรก็ต้องช่วยกัน เมื่อถามว่าจะจับมือกันถึงรัฐบาลหน้าเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่าถามไปไกลขนาดนั้น

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยภายหลังเข้าอวยพร พล.อ.ประยุทธ์ ว่า นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ทุกคนทำงานราบรื่นประสบความสำเร็จ ให้รักและสามัคคีกันไว้ เป็นพรรคร่วมรัฐบาลทำงานมาดูกัน 4 ปี ไม่มีความขัดแย้งอยู่แล้ว รักกัน สามัคคีกันอยู่แล้ว ก็น่าจะทำงานด้วยกันต่อไป

เมื่อถามว่า แสดงว่า นายกฯ ยังคาดหวังว่า จะทำงานร่วมกันต่อกับพรรคพลังประชารัฐ ใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน แต่การเมืองก็เป็นเรื่องของการเลือกตั้ง ว่าไปตามพื้นที่ และบริบทของผู้สมัคร การแข่งขันตามระบบประชาธิปไตย ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลตนก็เชื่อว่าทุกคนอยากจะทำงานร่วมกันต่อไป พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการขัดแย้งกันถึงเดินหน้ามาได้ 4 ปี ถ้าขัดแย้งกันรัฐบาลก็คงล้มไปแล้ว ส่วนจะร่วมมือกันต่อในสมัยหน้าหรือไม่นั้น นายชัวุฒิ ระบุว่า เป็นเรื่องของประชาชน

นั่นเป็นการแสดงออกและท่าทีที่ชัดเจนที่ตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะไปแล้วพวกเขาร่วมรัฐบาลกันมาด้วยดี ไม่มีปัญหาขัดแย้งรุนแรง อีกด้านหนึ่งอาจเรียกได้ว่ามีความราบรื่นยาวนานจนครบวาระ 4 ก็ว่าได้ ทั้งที่เป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคที่เริ่มต้นด้วย “เสียงปริ่มน้ำ” ด้วยซ้ำไป

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาตามภาพรวมทางการเมืองและแนวโน้มเป็นไปได้ในอนาคต มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่พวกเขาจะกลับมาจับมือกันอีกครั้ง ซึ่งก็มีคำพูดและท่าทีในความหมายที่ยืนยันอยู่แล้ว

ส่วนอีกฟากหนึ่งคือ ฝั่งพรรคเพื่อไทย ที่อาจรวมเอาพรรคก้าวไกล และพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ แม้ว่ายังมีรายละเอียดบางอย่างที่ต้องอธิบายกันอีก โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ที่กำลังเป็นคู่แข่งกันอย่างชัดเจน ที่เห็นชัดก็คือ การเติบโตของพรรคก้าวไกล ก็จะหมายถึงการถดถอยของพรรคเพื่อไทยนั่นเอง เพราะมีฐานเสียงเดียวกัน ไม่ใช่ฐานเสียงจากฝั่งรัฐบาลที่แยกกันชัดเจนมานานแล้ว มีทางเป็นไปได้น้อยมากที่จะโหวตข้ามฟาก

ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ประกาศรณรงค์เป้าหมาย “แลนด์สไลด์” ล่าสุด ได้เปลี่ยนแปลงตัวเลขมาเป็น 310 เสียง พร้อมส่งเสียงกร้าว ว่า “ไม่แบ่งให้ใคร” หรือ “ไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง” ไม่มีเครือข่าย เป็นต้น ความหมายให้ “ตัดเชือก” เลือกเพื่อไทยพรรคเดียว ซึ่งอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ฝ่ายที่โกรธเกรี้ยวหัวฟัดหัวเหวี่ยงกลายฝ่ายค้านด้วยกันเอง โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล เพราะจะส่งผลกระทบเข้าอย่างจัง หากเป้าหมายดังกล่าวสำเร็จ

ขณะเดียวกัน การประกาศแบบนี้ของเพื่อไทย ในความเป็นจริงมันก็เหมือนกับการ “โดดเดี่ยวตัวเอง” ไม่เผื่อแผ่พรรคอื่น เหมือนกับพยายามเอาตัวรอด ทั้งที่บรรดาคอการเมืองส่วนใหญ่มองว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลย ไม่ต่างกับความฝัน
อย่างไรก็ดี หากให้สรุปนาทีนี้ ก็ถือว่ามีการยืนยันด้วยภาพแล้วว่า พรรคร่วมรัฐบาลได้จับมือกันล่วงหน้าแล้ว ส่วนใครจะเป็นนายกฯ หรือพรรคไหนจะเป็นแกนนำค่อยมาว่ากันเรื่องตัวเลขหลังการเลือกตั้ง บวกกับจำนวน ส.ว.อีก 250 เสียง แต่หลักๆ เอาแค่นี้ก่อน แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยนาทีนี้ ถือว่าโดดเดี่ยวตัวเองนั่นแหละ !!



กำลังโหลดความคิดเห็น