“อดีตหัวหน้า ศรภ.” ยก 3 เรื่องแปลกของพรรคเพื่อไทย ตำแหน่งแปลกๆ, เชื่อแลนด์สไลด์ แต่ไม่มั่นใจ “แคนดิเดตนายกฯ”, หมอชลน่าน เป็นอะไรแน่? “ทนายนกเขา” อบรม “ณัฐวุฒิ” ต้องตอบแบบคน อย่าลง “จตุพร” เพิ่งรู้ สุนัขจิ้งจอกพูดได้!
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (7 มี.ค. 66) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ระบุว่า
“เรื่องแปลกๆ ในวงการเมืองไทย
แปลกเรื่องแรก คือ ปัจจุบันมีตำแหน่งที่ไม่มีอยู่ใน พ.ร.บ.พรรคการเมือง และ พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งสมาชิกพรรคเพื่อไทย 3 คน ได้ดำรงตำแหน่งเหล่านี้อยู่ เริ่มจาก หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (อุ๊งอิ๊ง) ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย (ณัฐวุฒิ)
และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (เศรษฐา) ซึ่งทุกคน
เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และใช้ตำแหน่งนี้ หาเสียงให้พรรคเพื่อไทย
ดังนั้น ตำแหน่งเหล่านี้จึงดูแปลกๆ ต่อกฎหมายพรรคการเมือง
แต่ถ้าใช้ได้ นายโทนี่ ซึ่งอยู่เหนือกว่าคนเหล่านี้จึงน่าจะ
มีตำแหน่งเป็น “ท่านผู้นำ”
แปลกเรื่องที่ 2 คือ กรณีที่ท่านผู้นำมักจะประกาศว่า พรรคตัวเองจะชนะอย่างถล่มทลาย แต่ดันส่งผู้ที่มีรายชื่อที่จะถูกเสนอเข้ามาเป็น นรม. เหมือนตัวเอง “ไม่มั่นใจ” เริ่มจาก (1) อุ๊งอิ๊งถูกวางตัวมาตั้งแต่แรก แต่หาเสียงไปๆ มาๆ ต้องเพิ่มรายชื่อคนที่ 2 เข้ามา คือ นายเศรษฐา ผู้เป็น
“นักธุรกิจ” แต่เรื่องของบ้านเมืองนั้นไม่ใช่ธุรกิจ
ตามที่ลุงตู่ระบุไว้ นอกจากนั้น ตู่ จตุพร ก็ทักไว้เช่นกัน
ดังนั้น อาจมีความจำเป็นที่จะต้อง
เพิ่มชื่อคนที่ 3 เข้าไปอีกก็ได้ ในอนาคตอันใกล้นี้
แปลกเรื่องที่ 3 คือ หมอชลน่าน ผู้ที่เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
และยังเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาอีกด้วย มีศักดิ์ศรีในสภาอย่าง
เต็มที่ แต่ “ท่านผู้นำ” ก็ไม่ได้สนใจ หมอเลย เรื่องแปลกในกรณีนี้
คือ หมอชลน่าน ก็ไม่ได้ตื่นเต้นที่จะทวงถามอะไรต่อเรื่องนี้เช่นกัน
เรื่องแปลกๆ ที่เกี่ยวข้องกับพรรคนี้ ยังมีอีกมาก
ผมคิดว่า ท่านผู้อ่านคงพอนึกออกเพิ่มเติมเอาเองนะครับ”
ขณะเดียวกัน นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “บทเรียน...สอนใจใครบ้าง?” โดยโต้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ (เต้น) ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ว่า
ตนไม่รู้กระทบกระเทือนจริงหรือเปล่า หรือถือโอกาสทำงานการเมือง อย่างไรก็ตาม ขณะที่พูด ตนนั่งหน้าตรง ไม่หันซ้ายขวา และพูดในรายการสด ไม่มีเตรียมกันมาก่อน อีกอย่างเป้าหมายรายการประเทศมาก่อน เพื่อต้องการฟื้นกำลังประชาชนให้อยู่บนผลประโยชน์ประเทศชาติ ประชาชนเป็นที่ตั้ง ดังนั้น การพูดของตนจึงพูดถึงทุกฝ่าย ไม่ยกเว้นกลุ่มใดและใครบางคน
สิ่งสำคัญระบุว่า สำหรับการพูดถึงนายณัฐวุฒิ เน้นไปตรงที่ได้ศรัทธา หรือมีศักดิ์ศรีที่ประชาชนมอบให้ในฐานะนักสู้ประชาชนหรือไม่ ต้องการดำรงอยู่กับคนของประชาชนหรือไม่ ซึ่งนายณัฐวุฒิสามารถตอบตนตรงๆ ได้ เหมือนคนตอบกัน
“ผมก็เป็นคนนะ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ วิธีตอบต้องตอบแบบคนที่ตอบกัน แต่สิ่งที่ผมเห็นนั้น ผมเพิ่งรู้ว่า สุนัขจิ้งจอกพูดได้ ถ้าตอบผมแบบคนแล้ว เรื่องนี้จะไม่มีชื่อจตุพร (จตุพร พรหมพันธุ์) เด็ดขาด ผมเสียใจอยู่ขณะนี้บนพื้นฐานประเทศนี้ ไม่น่าสูญเสียแกนนำภาคประชาชน”
นายนิติธร ย้ำว่า มีคนเข้าคิวยาวเหยียดต้องการไปรับใช้ทักษิณ ชินวัตร ในแถวนั้นเป็นใครก็ได้ แต่ไม่ควรเป็นแกนนำภาคประชาชนที่ได้รับความเสียสละจากประชาชนสูงสุด คนที่เป็นแบบนี้มีแต่แม่ทัพ นายกอง ขุนศึก เท่านั้นถึงจะมีคนยอมตายต่อหน้า นอกจากนั้น คือ แกนนำประชาชน
“พอมั้ยครับศักดิ์ศรีและเกียรติจากประชาชน แค่นี้เพียงพอหรือไม่ ทำไมมีเกียรติและศักดิ์ศรีที่ใหญ่กว่าตรงนี้ ที่ผมพูดคือตรงนี้ และอย่าเอาเรื่องของผมไปตีกระทบกระแทกคุณจตุพร ผมอ่านข้อความคุณแล้ว ฟังแล้วยังรู้ว่า คุณมีจิตสำนึกที่ดีงาม”
อีกทั้งเห็นว่า สิ่งที่ นายณัฐวุฒิ พูดว่า ได้เล่าให้มันฟังหรือเปล่า ว่า คนที่ยืนเผชิญความตายข้างนายจตุพรคือตัวเขา ซึ่งแสดงว่า นายณัฐวุฒิ ซึมซาบบรรยากาศที่ตนพูดมาตลอด ยิ่งชัดเจนเพราะประโยคเหล่านี้ไม่มีชื่อทักษิณ ชินวัตร ดังนั้น ยังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้าง ส่วนพฤติกรรมต่อไปจะเป็นเช่นไรนั้น ก็แล้วแต่เขา
นายนิติธร กล่าวว่า ตนไม่ได้เรียกร้องอะไร ตนแค่เป็นมนุษย์ เป็นคน เป็นประชาชนด้วยกันตนก็พูดได้ เพราะยังมองนายณัฐวุฒิในฐานะแกนนำประชาชน ดังนั้น ตนจึงมีความคาดหวังได้ว่า คนที่เป็นแกนนำประชาชนควรพูดความจริงและควรมีความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่างๆ นานา
“ก็ยังดีที่นึกถึงจตุพรอยู่บ้าง ในช่วงที่ตัวเองรู้สึกอ่อนแอ ไม่ปลอดภัย หรือเพลี่ยงพล้ำ และก็ยังดีที่ประโยคของนายณัฐวุฒิไม่มีชื่อทักษิณ ถ้าจะมีแล้วก็บอกมา ดังนั้น ควรเคารพมิตร เคารพศัตรูให้ถูกที่ให้ถูกทาง และเคารพประชาชนด้วยจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์สะอาด ไม่มีประโยชน์ส่วนตัวใดๆ รองรับ กรุณาพูดความจริงกับประชาชน”
นายนิติธร ยืนยันว่า ตนพูดแล้วก็แล้วกันไป ถ้าอยากมีเรื่อง หรือไม่เคลียร์ก็มาหาได้ แต่ไม่ต้องกระทบ กระแทก พาดพิงใคร ตามสบายจะมาเองหรือให้ใครมาเชิญ ซึ่งตนไม่ได้ชอบคนแบบนี้มากมายอะไรนัก แต่ในความเป็นมนุษย์ตนอาจชื่นชมได้ในบางมุมเท่านั้น
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ความแปลกของพรรคเพื่อไทย ที่ถูกหยิบยกเป็นประเด็น เพราะถ้าไม่สังเกต หลายคนอาจมองผ่าน และถือว่า เป็นเรื่องภายในพรรคการเมือง
แต่ถ้าสังเกตให้ดี ความแปลกที่ถูกจับได้ มันมี “เกมกล” ทางการเมืองของ “คนเหลี่ยมจัด” ผู้ไม่ยอมเสียเปรียบ หรือ เสียเหลี่ยมใคร ต้องการชนะอย่างเดียว โดยเฉพาะอะไรก็ตามที่เป็นผลประโยชน์ตัวเอง ครอบครัว วงศ์ตระกูล
จนเป็นที่รู้กันว่า พรรคการเมืองบางพรรค มีทั้งบุคลากรของพรรค ที่เป็นเสมือน พนักงานประจำบริษัท ส่วนผู้มีอำนาจตัวจริง คือ คนวงนอก เรื่องอย่างนี้ ถ้าใครยังมองไม่ออกก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว