คมนาคมโต้ “ชูวิทย์”! ปมเงินทอน 3 หมื่นล้าน รฟม.ย้ำ ดำเนินโครงการสายสีส้มตามกฎหมายเคร่งครัด ปัดล็อกสเปก ย้อนเอาแต่ป่วนขอพบ รมว.ไม่ยอมให้ข้อมูล ขอทุกฝ่ายเคารพกระบวนการทางศาล
วันนี้ (24 ก.พ.) เวลา 13.00 น. ที่กระทรวงคมนาคม นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกล่าวหากระทรวงคมนาคม กรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ มีการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชน ถึงความไม่โปร่งใสในการประมูลโครงการและประเด็นเงินทอน 3 หมื่นล้านบาท ว่า มีการโอนไปต่างประเทศ จึงได้เดินทางมาแถลงข่าวที่หน้ากระทรวง ในวันนี้
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมาย นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และ นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มารอรับข้อมูลและหลักฐาน เนื่องจากวันนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไปราชการต่างจังหวัด โดยได้มอบหมายให้ตัวแทนเป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน พร้อมทั้งรอรับหลักฐานจากนายชูวิทย์
แต่ นายชูวิทย์ ไม่ได้มีการให้ข้อมูล หรือนำส่งเอกสารหลักฐานตามที่กล่าวอ้างว่ามีการทุจริต กับคณะผู้แทนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และมีการก่อกวนโดยทำการฉีดสเปรย์ภายในกระทรวงคมนาคม และล้างหน้า แปรงฟัน บ้วนปาก และแถลงข่าวกับสื่อมวลชน โดยไม่ประสงค์ให้ผู้แทนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มารอรับข้อมูล เนื่องจากต้องการพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ด้วยตัวเอง เท่านั้น
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม ได้แถลงกับสื่อมวลชน ถึงประเด็นดังกล่าว หลังจากที่ นายชูวิทย์ เดินทางกลับ โดย นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า รฟม. ได้ดำเนินการกรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาล อย่างเคร่งครัด ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ให้แนวทางสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างทุกโครงการของกระทรวงคมนาคม โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ก็มีการเปิดโอกาสให้เอกชนทั้งไทย และต่างประเทศได้เข้ามามีส่วนร่วม จึงมิได้เป็นไปตามที่นายชูวิทย์ฯ กล่าวอ้างว่า มีการล็อกสเปก
นอกจากนี้ เรื่องดังกล่าวก็มีการฟ้องร้องเป็นคดีอยู่ในศาลปกครอง ซึ่งหากผลการตัดสินเป็นอย่างไร รฟม. ก็พร้อมน้อมรับคำตัดสินทุกประการ จึงขอให้นายชูวิทย์ รวมทั้งสื่อมวลชน และประชาชนทุกฝ่าย เคารพกระบวนการยุติธรรม และไม่ดำเนินการที่อาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดศาล และหากสื่อมวลชน หรือประชาชน มีข้อสงสัย ก็ยินดีที่จะเปิดเผยข้อมูลต่อไป