“ศักดิ์สยาม” สวน "ชูวิทย์" ไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน สงสัยตื่นมาแล้วไม่ได้ล้างหน้า ทำให้สติท่านไม่ค่อยดี บอกสายสีส้มมีเงินทอน 3 หมื่นล้านบาท สั่งปลัดคมนาคมและรฟม.เก็บรายละเอียด ตรงไหนทำเสียหาย ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
จากกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้ระบุถึงการดำเนินการคัดเลือกเอกชน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ว่า มีหลักฐานการทุจริต ฮั้วประมูลและมีเงินทอนถึง 30,000 ล้านบาทนั้น วันที่ 22 ก.พ. 2566 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การพูดดังกล่าวตรรกะไม่มีเลย ที่บอกว่ากระทรวงคมนาคมมีการทุจริตในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ในเมื่อโครงการยังไม่มีการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่มีการลงนามใดๆ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการเสนอโครงการมาที่กระทรวงคมนาคม เพราะอยู่ระหว่างรอคำวินิจฉัยของกระบวนการยุติธรรม สิ่งสำคัญที่ตนได้ให้หลักการในการดำเนินการ คือจะต้องดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย มติ ครม. หากศาลวินิจฉัยออกมาอย่างไรก็ไปทางนั้น ไม่มีทางไปแบบอื่น
ส่วนกรณีที่บอกว่าโครงการนี้ทุจริต มีวงเงินมากมายถึง 30,000 ล้านบาท ต้องถามกลับไปว่าเป็นไปได้หรือ เงินมากมายขนาดนี้ เพราะว่ากันว่าเงิน 1 ล้านบาทหนัก 1 กิโลกรัม แล้ว 30,000 ล้านบาท จะขนาดไหน แล้วจะเอาไปไว้ที่ไหน และโครงการไหนที่จะทำแบบนี้ได้ ผมว่าเป็นลักษณะของคนที่นอนไม่ค่อยหลับหรือไม่ นอกจากนอนไม่ค่อยหลับแล้วตื่นมาอาจจะไม่ได้ล้างหน้าด้วย ทำให้สติท่านไม่ค่อยดี
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า กระบวนการยื่นตรวจสอบให้ทำไป ตนพร้อมชี้แจง แต่ก็ขอให้ท่านกรุณาไปดูการชี้แจงที่ผ่านมาของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยล่าสุดได้ชี้แจงในการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2566 ไม่ใช่ไม่ศึกษาให้ละเอียดเลยแล้วมากล่าวหา
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า เรื่องนี้ได้มอบหมายให้นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ทีมกฎหมาย และรฟม.ศึกษาข้อมูลทั้งหมด หากมีสิ่งใดที่มีการกล่าวหา และทำให้กระทรวงคมนาคม และ รฟม.เกิดความเสียหาย หรือเสื่อมเสีย จะปล่อยไปไม่ได้ จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพราะเรื่องความสงสัย ทำได้ตามกระบวนการ แต่เรื่องที่จะเอาข้อมูลหลักฐานที่ดูไม่ออกว่าคิดอะไรแต่นำมากล่าวหา ที่สำคัญที่ท่านควรระวังคือ อะไรก็ตามที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม อย่าละเมิดอำนาจศาล
และยืนยันว่าตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นผลประโยชน์ ยกตัวอย่างกรณีโครงการโฮปเวลล์ประเด็นค่าโง่ ที่ผ่านมา มีใครต่อสู้ แต่รัฐบาลชุดนี้ต่อสู้ ทำให้ยังไม่ต้องจ่ายเงินและสามารถรื้อฟื้นคดีได้อีก
มีอีกหลายเรื่องที่เป็นข้อสงสัยที่เราได้ทำงานและสามารถแก้ปัญหาที่สะสมมาตั้งแต่อดีต เช่น โครงการมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) ที่มีการปรับแบบและเพิ่มวงเงิน และมีข้อสงสัยว่าทำไมโครงการก่อสร้างนาน ซึ่งได้ชี้แจงในสภาแล้ว เพราะบางเรื่องไม่ใช่จะบอกได้เลยต้องทำอย่างไร บางทีต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบ โดยมีผู้เชี่ยวชาญเป็น Third Party จากวิศวกรรมสถาน และกรมบัญชีกลาง ฯลฯ มาช่วยดู
เพราะตนบอกแล้วว่า "ผมเข้ามาจะต้องไม่มีเรื่องโกงในกระทรวงคมนาคม และผมบอกแล้วว่าผมไม่มีวันที่ทำงานแล้วต้องหนีไปต่างประเทศ หรือติดคุก ผมเต็มที่ ไม่ไปส่งหน้าคุกด้วย ผมรออยู่ที่กระทรวงฯ"
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายชูวิทย์ออกมาพูดประเด็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงนี้ซึ่งใกล้ที่จะมีการเลือกตั้ง เป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่ นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ตนไม่มองอะไรทั้งสิ้น ตนคิดว่าสิ่งที่ต้องดำเนินการคือรอคำวินิจฉัยของศาล และพร้อมดำเนินการตามคำวินิจฉัย
"หลายเรื่องที่ฟังคุณชูวิทย์แล้วผมก็งง เช่น คุณชูวิทย์ทราบว่าคำวินิจฉัยเป็นอย่างไร ผมไม่ทราบว่าท่านไปนั่งอยู่ในที่ประชุมหรือ แบบนี้ทำให้กระบวนการยุติธรรมถูกตั้งคำถามได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ซึ่งผมเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย เราต้องดำเนินการเพื่อไม่ให้ประชาชนสับสน ต้องบอกว่าบางเรื่องคุณชูวิทย์ทำดี และมีหลักฐาน แต่บางเรื่องพูดแบบลอยมาจากนภากาศ แบบนี้ไม่ใช่ หากมีหลักฐานให้แสดงมา และผมพร้อมที่จะร่วมในการดำเนินการด้วยหากมีหลักฐานตามที่บอกว่าไม่ถูกต้องอย่างไร แต่หากไม่ออกมาอธิบาย เราก็ต้องทำตามระเบียบกฎหมายกับผู้ที่กล่าวหา"
