“จุลพันธ์” ไม่ประหลาดใจ รายงาน ส.ว. ตีตกญัตติประชามติ ยกร่าง รธน.ใหม่ โดย ส.ส.ร. ชี้ ตั้งธงไว้ตั้งแต่ต้น เตรียมเดินหน้าเลือกตั้ง ขอเสียง ปชช.ตัดสินอนาคตแก้ รธน.
วันนี้ (19 ก.พ.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ฐานะผู้เสนอญัตติต่อสภา ให้ส่งเรื่องไปยัง ครม. เพื่อออกเสียงประชามติต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน กล่าาวถึงกรณีที่วุฒิสภาเตรียมนัดประชุมเพื่อลงมติว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับญัตติดังกล่าวหรือไม่ ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ว่า ตนเพิ่งรับทราบว่าจะมีการลงมติในวันดังกล่าว อย่างไรก็ดี จากกรณีที่มีรายงานของ กมธ. ที่มี นายสมชาย แสวงการ ส.ว. เป็นประธานซึ่งศึกษาประเด็น ให้ความเห็นคัดค้านการเห็นชอบนั้น เป็นประเด็นที่ถูกตั้งธงไว้อยู่แล้ว ตนไม่รู้สึกประหลาดใจ
เมื่อถามถึงบรรยากาศที่เข้าชี้แจงใน กมธ.ดังกล่าวของ ส.ว.ในช่วงการศึกษาก่อนทำรายงานเป็นอย่างไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่าตอนที่ไปชี้แจง มีความชัดเจนในความรู้สึกส่วนตัว คือ มีการเผชิญหน้าระหว่าง ส.ว. และ ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งตนมองว่าประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำให้เกิดการประจันหน้ากัน และกระทบกระทั่งกัน และยิ่งใกล้เลือกตั้งทำให้เห็นภาพการกระทบกันที่รุนแรง แต่การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มองว่าเป็นช่องทางที่จะลดสถานการณ์ตึงเครียดในสังคมได้ เพื่อให้ประชาชนมีการเลือกตั้ง ส.ส.ร. เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญ
“การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ผ่านมา มีเพียงฉบับเดียวที่ผ่านความเห็นชอบ คือ เรื่องของจำนวน ส.ส. เพราะผู้มีอำนาจอนุมัติ อีกทั้งเป็นสิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลเรียกร้อง แต่การออกแบบที่่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่การแก้ไขเพื่อประชาชน หรือทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย” นายจุลพันธ์ กล่าว
เมื่อถามว่ากรณีที่ ส.ว.โหวตตกญัตติดังกล่าวจะเดินหน้าอย่างไรต่อ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า หาก ส.ว.โหวตค้าน ถือว่า กลไกจบแล้ว เพราะตามกฎหมายประชามติระบุว่าต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา หากให้สภาเป็นผู้เสนอญัตติต้นเรื่อง เมื่อได้รับความเห็นชอบ อย่าางเป็นเอกฉันท์ แต่ต้องส่งให้ ส.ว.ลงมติด้วย หาก ส.ว.ไม่เห็นชอบญัตติต้องตกไป อย่างไรก็ดีจากนี้เราต้องเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ใช้เสียงประชาชนเป็นตัวตัดสินอนาคต