xs
xsm
sm
md
lg

“จตุพร” ฟาดกลับ “สุนัย ลูกน้องทักษิณ-โด่ง เพื่อไทย” กล่าวหาเท็จร้ายแรง “คนชื่อ จ.” รับงานโจมตีเพื่อไทย 70-100 ล.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายจตุพร พรหมพันธุ์ จากแฟ้ม
ฟาด “มัดคู่”! “จตุพร” จัดหนัก “สุนัย-โด่ง” กล่าวหาเท็จร้ายแรง กรณีเจรจา “สลายเสื้อแดง” ช่วงติดคุก และ คน “ชื่อ จ.” รับงาน 70-100 ล้าน โจมตีทักษิณและไม่ให้เลือกเพื่อไทย “ดร.เสรี” ซัด ใคร? ทิ้งอุดมการณ์ กินกล้วยลูกใหญ่

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (31 ม.ค. 66) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประเทศไทย เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอบโต้ นายสุนัย จุลพงศธร ลูกน้อง ทักษิณ ชินวัตร และ นายอรรถชัย อนันตเมฆ หรือ โด่ง พรรคเพื่อไทย ซึ่งกล่าวหาเป็นเท็จร้ายแรงในกรณีบุคคลชื่อย่อ จ. ไปรับงานโจมตีเพื่อไทยด้วยเงิน 70-100 ล้านบาท

นายจตุพร กล่าวว่า การยัดเยียดใส่ร้ายตนล่าสุดมี 2 คลิป จากนายสุนัย และ นายโด่ง โดย นายสุนัย เป็นกลยุทธ์ของทักษิณและบริวาร หลายคนอาจไม่รู้เท่าทัน แต่ตนหัวใจสลายมานานจึงรับรู้และเห็นกลยุทธ์ทักษิณที่ปฏิบัติการหลอกต้มตั้งแต่ดินถึงฟ้า โดยไม่คิดหรือใส่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพียงขอให้ตัวเองได้ประโยชน์เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในคลิปกล่าวหาล่าสุดนั้น นายสุนัย สร้างเรื่องช่วงติดคุกแล้วโยงถึงคนสำคัญไปพบนายจตุพร เพื่อเจรจาให้รับภารกิจสลายคนเสื้อแดง โดย นายจตุพร ตอบโต้ว่า นายสุนัย เป็นคนขี้ขลาดตาขาวเมื่อยึดอำนาจปี 2557 หนีคดีเล็กๆ ลี้ภัยไปสหรัฐฯ แล้วส่งเสียงดัง เปิดรายการสุนัยทีวีและสุนัยแฟนคลับเพื่อโจมตีสถาบันฯเป็นหลัก และช่วงเลือกตั้ง นายก อบจ.เชียงใหม่ ยังใช้กลยุทธ์โจมตีตน แต่ชมทักษิณแล้วเรียกว่า เจ้านาย

นายจตุพร อธิบายว่า ช่วงที่คนติดคุก ย่อมเลือกไม่ได้ว่าให้ใครมาเยี่ยมตนได้บ้าง ตนติดคุกครบ 1 ปี 15 วันจนถูกปล่อยตัว ไม่ได้อภัยโทษแม้แต่วันเดียว แล้วมาติดอีกครั้งในคดีเดียวกันจนได้เป็นนักโทษชั้นดีเมื่อ 30 มิ.ย.ปีถัดมา ดังนั้นตนจึงติดคุกเต็มการลงโทษ ไม่ได้รับเงื่อนไขใดๆ ให้ถูกปล่อยตัวออกก่อนกำหนด

อีกทั้ง กล่าวว่า ถ้าคนสำคัญไปเจรจาให้มาสลายเสื้อแดง วิธีตรวจสอบง่ายๆ คือ ตนต้องได้รับการอภัยโทษออกจากคุกก่อน แต่ตนไม่ได้อภัยโทษแม้แต่วันเดียว และถ้ามีเงื่อนไขให้ปฏิบัติตามเจรจาแล้ว ทำไมต้องมาถูกขังอีกรอบในคดีเดิม นอกจากนี้ มีเสื้อแดงกลุ่มไหนและใครที่ตนไปเจรจาให้สลายขบวนการ ดังนั้น ใครเดินทางมาพบใครในเรือนจำนั้น คงไม่ได้เป็นตนคนเดียว ส่วนการใส่ร้ายกรณีใส่เสื้อเหลืองนั้น ใครก็ใส่กัน ตระกูลของทักษิณก็ใส่กันทั้งโคตร แล้วทำไมตนใส่แล้วดูเสมือนเป็นปัญหา พร้อมถูกโยงว่า รับงานมาสลายเสื้อแดง ซึ่งก็เกินไป

“คุณไปถามลูกพี่คุณว่าไง จะเอาอย่างไง อยากล้มก็ล้มมาสิ ไม่ใช่เล่นสองหน้า ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง ยิ่งให้เสื้อแดงเชียงใหม่ในสายเจ๊ ไปหย่อนคลิปไว้ในรายการสุนัยทีวี และสุนัยแฟนคลับ การเล่นอย่างไม่ตรงไปตรงมา เป็นความขี้ขลาด คนที่คุณไม่ชี้หน้ากล่าวหาก็มีคนไปเยี่ยมในคุกเช่นกันนะ ผมชื่นชมความฉลาดแบบบัดซบของแก๊งนี่มาก คนหนึ่งเบื้องเสนอหน้ากราบ อีกคนเล่นบทล้มเพื่อเสนอในอีกตลาดการเมืองหนึ่ง”

นอกจากนี้ นายสุนัย ยังเสนอความเท็จว่า นายจตุพร ประสานงานหลังยึดอำนาจให้ทหารเอารถไปรับคนหนีรายงานตัวกลับมาไทย โดย นายจตุพร ตอบโต้ว่า ช่วงยึดอำนาจตนถูกทหารคุมตัว เอาถุงดำคลุมหัวขึ้นเครื่องบินไปกักตัวในค่ายทหารติดชายแดนเขมร หลายคนคิดว่าตายแล้ว ทหารจึงนัดทีวีไปเพื่อยืนยันยังมีชีวิตอยู่

แล้ว พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ขอคุยส่วนตัว และปรึกษาถึงผู้หลบหนีไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ตนจึงแนะนำให้ประกาศรายงานตัวใหม่ เลิกฉบับเก่าไป พวกเขาก็ไม่ต้องหนี เมื่อกลับไทยก็เอารถไปรับชายแดนเขมรนำไปกักตัว 3-7 วันไม่ต้องติดคุก แล้วก็ปล่อยตัวไป เรื่องมีแค่นี้ แล้วมีผู้หลบหนีมารายงานตัวก็ได้อยู่ในไทย ไม่ต้องหลบหนีไปลำบาก หรือไปไกลกว่า 20,000 ไมล์ถึงสหรัฐฯอย่างนายสุนัย

ส่วน โด่ง กล่าวหาว่า อักษร จ. ลงสมัคร ส.ส.ไม่ได้ เข้าพรรคการเมืองไม่ได้ ได้เจรจาต่อรองรับเงินระดับรองได้กล้วย 30 หวี ระดับหัว 70-100 ล้าน เพื่อโจมตีทักษิณและไม่ให้เลือกเพื่อไทย แต่ไปเลือกพรรคฝ่าย ประชาธิปไตย หรือพรรคอื่นๆ

นายจตุพร กล่าวว่า ช่วงต่อสู้เสื้อแดงนั้น ตนไม่เคยเห็นอดีตดาราชื่อ “โด่ง” ในสมรภูมิเสื้อแดงเลย แต่เมื่อมาพูดสาธารณะราวกับรู้ทุกอย่าง อยู่ทุกสถานการณ์ ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย ดังนั้น การพูดความจริง ถ้าไม่จริงใจจะไม่เนียน ขาดความน่าเชื่อถือ นอกจากพวกควายเท่านั้นที่ต้องเชื่อควายด้วยกัน

นายจตุพร กล่าวว่า ช่วงที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภาได้ 3 วัน ศาลสั่งถอนประกันตนจึงต้องเข้าคุกอีก ช่วงจะมีรับสมัครเลือกตั้งปี 2554 ก็มาเสนอกับตนไม่ให้ลง ส.ส. ทั้งที่ความหวังของตนจะออกจากคุกได้ คือ เป็น ส.ส. แต่เขาบอกให้เอาเมียมาลงได้หรือไม่ ซึ่งเป็นการพูดแบบไม่รู้ตัวตนเลย เพราะการต่อสู้ตนจะไม่เอาครอบครัวมาเกี่ยวข้อง

รวมทั้งท่ามกลางที่ยากลำบากนั้น ตนยังถูกทักษิณทรยศหักหลังตลอดทาง แต่ก็กล้ำกลืน แม้ตอนออก พ.ร.บ.สุดซอย ใจไปแล้ว แต่ยังไปสู้ต่อที่ถนนอักษะ เมื่อถูกยึดอำนาจยังวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีก หากตนต้องการแสวงหาประโยชน์จะทำเช่นนี้ทำไม และไปเสี่ยงชีวิตในการต่อสู้อีกทำไม

ภาพ นายสุนัย จุลพงศธร จากแฟ้ม
“โด่งให้ระบุชื่อมาเลยเป็นใครและใครจ่าย อย่ามาโจมตีลอยๆ แบบชื่อย่อ จ. และใช้ตรรกะชั่วๆ ที่มีคนจ้างเงินก็ไม่รู้จะได้อะไร แม้ใช้ตรรกะเหลือเชื่อ ไม่สมเหตุผลความเป็นจริง มายัดเยียดใส่ร้ายแล้ว ถ้าเป็นผมไปรับเงิน 70-100 ล้าน ก็ขอให้ฉิบหายวายวอด อย่าได้มีความเจริญ และไม่ต้องตายดีด้วย ถึงอย่างนั้น ในสังคมควายก็ยังมีควายที่พร้อมเชื่ออยู่ดี”

นายจตุพร กล่าวถึงอีก จ.ชื่อ เจ๋ง ดอกจิก ว่า ได้มาลาตนเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว และเก็บข้าวของในห้องที่สถานีหมด เจอกันครั้งสุดท้ายที่ศาลในคดีก่อการร้าย ดังนั้น เขาจะทำอะไรเป็นเรื่องของเขา ตนไม่เกี่ยว และไม่มีสิทธิบังคับใครได้ แต่นายโด่งนำสองเรื่องมาอธิบายผูกติดกัน เพื่อให้เข้าใจผิดและหลงเชื่อผิดๆ

“โด่งฟังไว้ สถานีพีซทีวีมีหนี้เต็มไปหมด ทั้งค่าไฟ ค่ารถ พนักงานเหลือ 4 คน สปอร์ตเซอร์ก็หายวับ ถ้ามีเงิน 70-100 ล้านจะค้างค่าไฟเดือนละประมาณ 50,000 กว่าบาทชน 3 เดือนอีกหรือ ยิ่งตอนชุมนุมเสื้อแดงผมยังไม่เกี่ยวข้องเงินเลย ดังนั้น ตรรกะเฮงซวยที่ใส่ร้ายว่า รับเงินอีกฝ่าย ถ้าเป็นฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ มาโจมตีทักษิณ ไม่เลือกเพื่อไทย แต่ไปเลือกพรรคฝ่ายประชาธิไตย มันบ้าไปแล้ว และถ้าผมคิดหาประโยชน์ จะเสียงดังกับเพื่อไทยและทักษิณได้อย่างไร ต้องถูกถลกหนังหมดแล้ว อีกอย่างที่ผมบอกไม่อยากทำสงคราม แต่ไม่ได้กลัวอะไร ดังนั้น ข้อกล่าวหานี้มันเฮงซวย”

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าวางเกมกลยุทธ์แบบนี้ เอาความเท็จมาใส่ร้าย ใช้วิธีสามานย์จะเอาอะไรมาชนะตน อยากทำสงครามหรือไม่ ตนสามารถวิจารณ์ได้เป็นปี มีเวลาเหลือมาก (จากไทยโพสต์)

ภาพ “โด่ง” อรรถชัย อนันตเมฆ จากเฟซบุ๊ก “อรรถชัย อนันตเมฆ”
ขณะเดียวกัน ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

ไม่ได้ต้องการให้ประเทศมีความขัดแย้ง แต่ก็ไม่อยากให้พรรคที่เคยโกงสารพัดเรื่องแบบโคตรโกงได้เป็นรัฐบาล ดังนั้นจึงไม่ไว้ใจพรรคที่บอกว่าทำงานได้กับทุกพรรค

แสดงว่า ต้องได้เป็นรัฐบาลเท่านั้นใช่ไหม รวมกับใครก็ได้ รวมทั้งกับพรรคที่เป็นเหมือนโจรปล้นแผ่นดินที่ศาลตัดสินให้ผิดติดคุกไปไม่รู้กี่คดีแล้วก็ได้ ยังจะยินดีร่วมมือกับเขาอีกหรือ เรายังจะเลือกเขาอีกหรือ

บางพรรคนอกจากบอกขอสลายขั้วรวมกับพรรคไหนก็ได้โดยอ้างประชาชนนั้น ตีความได้ว่ารวมกับใครก็ได้ ขอให้พรรคข้าได้เป็นรัฐบาล แบบนี้จะมาทำงานเพื่อประชาชนจริงหรือ

บางพรรคบอกว่า “พี้” ในบ้านได้ อย่าออกนอกบ้านก็แล้วกัน เป็นการพูดที่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคมมากเลยนะ พี้ในบ้านไม่ได้หมายความว่าเวลาหลอนขึ้นมาจะเป็นอันตรายกับคนในบ้านเท่านั้นนะ

บางคนหลอนแล้วออกมาทำร้ายคนนอกบ้านก็มีให้เห็น พูดแบบนี้ ถ้าเด็กๆ ฟังแล้วไปพี้กันในบ้าน คนที่พูดว่าพี้ในบ้านได้จะรับผิดชอบยังไง เรื่องนี้มีคลิปที่เขาพูดให้เห็น แต่ไม่มีสื่อใดๆ นี้เลย เพราะอะไรคะ

ดร.เสรี วงษ์มณฑา จากเฟซบุ๊ก “ดร.เสรี วงษ์มณฑา”
เลือกตั้งครั้งนี้ดูกันให้ดีนะคะ ดูเหมือนสวนกล้วยจะใหญ่ กล้วยถ้าจะลูกโต คนแจกก็ใจป้ำ ไม่รู้ไปเอากล้วยมาจากไหน คนกินกล้วยก็ทนความใหญ่ของกล้วยไม่ไหว เก็บอุดมการณ์เข้าลิ้นชักไปหลายคน

กล้วยที่แจกกันน่าจะเป็นกล้วยพันธุ์สีเทา ไม่ใช่กล้วยพันธุ์สีทอง มันจึงเป็นพันธุ์กล้วยทีดกและลูกใหญ่ จึงมีคนจำนวนมากยอมทิ้งอุดมการณ์ไปกินกล้วยลูกใหญ่

ขอให้ประชาชนคิดให้ดี ระวังพรรคขายฝัน ระวังพรรคโจรปล้นแผ่นดิน ระวังพรรคแจกกล้วย ระวังพรรคชวนพี้ เลือกตั้งครานี้ไม่ใช่เลือกแค่ ส.ส. แต่เรากำลังเลือกนายกฯ

คิดให้ดีว่าจะต้องเลือกให้ใครเป็น ส.ส. เราจะต้องกาให้พรรคใดสำหรับบัญชีรายชื่อ เราจึงจะได้นายกฯคนที่เราต้องการ อย่าให้โจรครองเมือง อย่าให้คนไร้ความรับผิดชอบได้เป็นนายกฯ

แน่นอน, การออกมาสาวไส้กันเอง ระหว่าง “จตุพร” กับ ฝ่าย “ทักษิณ” อาจกลายเป็นหนังเรื่องยาว อย่างที่ “จตุพร” ประกาศพร้อม “ทำสงคราม” เป็นปี

เพราะหมากเกมนี้ “คนแดนไกล” คงไม่ปล่อยให้ “จตุพร” ออกมาลากไส้เพียงฝ่ายเดียวเป็นแน่?

ส่วนอะไรจริงอะไรเท็จ สังคมคงต้องฟังด้วยเหตุด้วยผล และใช้วิจารณญาณเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น