เลขาฯ ป.ป.ช. เผย สั่งไต่สวนแล้ว! ปมอธิบดีกรมอุทยานฯ เรียกรับสินบนโยกย้ายตำแหน่ง เชื่อรวบรวมพยานหลักฐานได้ง่าย แนะคนเกี่ยวข้องคิดถึงผลดีผลเสีย โทษก่อนคิดจะกลับคำในชั้น ป.ป.ช. ให้การเท็จมีความผิด
วันนี้ (31 ม.ค.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล ป.ป.ช. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดี นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรณีเรียกรับเงิน และผลประโยชน์จากข้าราชการหน่วยงานในสังกัด แลกกับการโยกย้ายตำแหน่ง ภายหลังกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ส่งสำนวนมาที่ ป.ป.ช.แล้วนั้น ว่า มีการนำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา และมีมติสั่งไต่สวนแล้ว โดยการไต่สวนจะเป็นแบบกรรมการไต่สวน ซึ่งจะมีกรรมการ ป.ป.ช. 2 คน ลงมาเป็นองค์คณะไต่สวน วันนี้อาจจะมีการกำหนดนัดประชุมเพื่อวางแผนกำหนดการไต่สวนพยานหลักฐานอะไรอย่างไรบ้าง
นายนิวัติไชย กล่าวอีกว่า คิดว่า คดีนี้ถ้าพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมาได้พอสมควรแล้ว โดยเฉพาะพยานหลักฐานที่ปรากฏในวันที่ไปจับกุมตัวนายรัชฎานั้น ขณะนี้มีหลักฐานรายชื่อชัดเจน และตำรวจส่งรายชื่อมายัง ป.ป.ช.แล้ว ดังนั้นก็เป็นเรื่องที่ง่ายที่จะไปรวบรวมพยานหลักฐาน ต่อไปก็จะต้องเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่จะได้จากปากพยานบุคคล ว่า จะเป็นไปในแนวทางไหน มีการโกหกกันหรือมีอะไรหรือไม่ ซึ่งการที่ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี มีการให้ปากคำต่อ พนักงานสอบสวน บก.ปปป. ไปแล้วนั้นถือว่าเป็นประโยชน์ เพื่อยืนยันว่าการให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนนั้นครบถ้วน โดย ป.ป.ช.ก็จะดำเนินการตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งว่าข้อมูลที่พนักงานสอบสวนรวบรวมไปครบถ้วนหรือไม่ หากขาดตกก็จะได้สอบถามไปว่ามีการรวบรวมเรียบร้อยแล้วหรือไม่
ส่วนพยานที่มีการให้ปากคำไปนั้น จะต้องมีการแบ่งกลุ่มลักษณะพยาน กลุ่มแรกคือ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้กระทำความผิด อาจเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย ถือว่าเป็นการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อตัวเองจะได้ตำแหน่ง เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง สองพยานที่มีส่วนรู้เห็น อาจะเป็นพยาน ทั้งนี้ เห็นว่า การให้ถ้อยคำที่เป็นประโยชน์เป็นสิ่งที่ดีต่อตัวเองและต่อหน่วยงานด้วย
“การให้ถ้อยคำที่เป็นประโยชน์เป็นสิ่งที่ดีสำหรับท่านอยู่แล้ว และเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานของท่านเองด้วยจะได้คลีน แต่ถ้าท่านให้การเท็จ แล้วไปพิสูจน์ได้ว่าให้การเท็จก็มีความผิดตามกฎหมาย ให้การเท็จต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่ง ป.ป.ช. พนักงานเจ้าหน้าที่ ถือเป็นเจ้าหน้าที่ หากให้การเท็จก็มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และอีกอย่างบุคคลที่เกี่ยวข้อง เรามีกฎหมายในเชิงป้องกัน ท่านสามารถให้การที่เป็นประโยชน์และชี้ช่องเอาผู้ที่เป็นตัวการกระทำความผิดมาลงโทษได้ หรือถูกดำเนินคดีได้ ท่านก็จะได้รับการประกันเป็นพยาน โดยไม่ถูกดำเนินการทั้งวินัยและอาญา ก็อยากจะให้ท่านไปพิจารณาเลือกว่าความรับผิดแบบไหนที่ท่านต้องการ” นายนิวัติไชย กล่าว
นายนิวัติไชย กล่าวว่า หลักฐานกระทำความผิดขณะนี้ปรากฏชัดเจน หากคิดจะปิดบัง เบี่ยงเบนประเด็นข้อเท็จจริง ในรายละเอียดข้อเท็จจริงปรากฏ เช่น เรื่องซื้อพระก็มีอยู่แล้ว มีการโอนเงินช่องทางไหน เหตุใดต้องจ่ายเงินสด ท่านต้องตอบให้ได้ เงินนำมาจากไหน ซึ่งวันนี้ท่านอาจจะเตรียมตอบแล้วก็ได้ ย้ำว่า ป.ป.ช. สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ DSI เข้าไปเรียกรับส่วนกลุ่มจีนสีเทานั้น เบื้องต้นได้รับการประสานจากรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลว่ากำลังรวบรวมพยานหลักฐาน หากแล้วเสร็จต้องส่งมายัง ป.ป.ช.โดยต้องพิจารณาว่าเรื่องนี้เข้าข่ายเป็นความผิดร้ายแรง เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง หากอยู่ในอำนาจหน้าที่ ป.ป.ช. จะต้องรับไว้พิจารณา หากพิจารณาแล้วไม่ถือเป็นความผิดร้ายแรง ก็จะมอบหมายพนักงานสอบสวนรับไปดำเนินการ ส่วนตัวคิดว่าหากในเบื้องต้นดูแล้วสื่อมวลชน ประชาชนให้ความสนใจและดูแล้วเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงขิงประเทศ อาจะเป็นความผิดร้ายแรงที่ ป.ป.ช.ต้องรับเรื่องไว้เอง อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุม ป.ป.ช.
