เลขาฯ ป.ป.ช.เผย สอบนักการเมืองครอบครองที่รัฐคืบ บางเรื่องอาจเรียกชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้ ไม่ตอบเสร็จทันก่อนหลังเลือกตั้ง ขึ้นอยู่พยานหลักฐาน จ่อเรียกผู้เกี่ยวข้อง ถกมาตรการรับคนเข้าประเทศของ ตม. หวังปิดช่องโหว่จนท.แสวงหาประโยชน์
วันนี้ (31 ม.ค.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบจริยธรรมนักการเมือง เนื่องจากช่วงนี้เข้าสู่ช่วงใกล้จะเกิดการเลือกตั้งว่าบางเรื่องได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว บางเรื่องได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ว่ามีการบุกรุกครอบครองพื้นที่ที่เป็นของทางราชการหรือไม่ เช่นป่า อุทยาน ส.ป.ก.หรือพื้นที่นิคมต่างๆ เนื่องจากผู้ถูกร้องเรียนมีหลายราย โดยจะต้องกลุ่มคนที่ครอบครองพื้นที่เช่นที่จังหวัดนครราชสีมา ก็มีการแบ่งเป็นแปลงๆ เพื่อนำข้อมูลมารวบรวม แต่เรื่องจริยธรรมนั้นไม่มีปัญหาเพราะมีแนวทางคำวินิจฉัยของศาลฎีกาอยู่แล้ว หากมีการกระทำความผิดในลักษณะเดียวกัน ป.ป.ช.สามารถวินิจฉัยได้
ส่วนที่มีนักการเมืองหลายๆ ที่ถูกร้องเรียนและเรื่องอยู่ในระหว่างการดำเนินการของ ป.ป.ช.จะสามารถตรวจสอบแล้วเสร็จทันการเลือกตั้งหรือไม่หรือต้องให้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยดำเนินการภายหลัง นายนิวัติไชย กล่าวว่า ขึ้นอยู่ที่ข้อเท็จจริงถ้าพยานหลักฐานครบ ก็สามารถวินิจฉัยได้ ไม่ได้มีการถัว เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งก็ส่วนนหึ่ง สามารถดำเนินการได้ แต่ ป.ป.ช. ต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะมีบัญชีรายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้ง ส.ส.- ส.ว.- สนช. ดั้งนั้น ป.ป.ช.ต้องทยอย เรื่องไหนสามารถรวบรวมแล้วเสร็จก่อน ก็สามารถวินิจฉัยได้ ส่วนจะผิดหรือถูกให้เป็นดุลยนิพิจของ ป.ป.ช.
เมื่อถามว่า กรณีการถือครองที่ดินของรัฐสามารถตรวจสอบคืบหน้าได้มากน้อยขนาดไหน นายนิวัติไชย กล่าวว่า ขณะนี้ตรวจสอบและมีข้อมูลเยอะแล้ว คาดว่า บางเรื่องน่าจะเรียกมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้ แต่ไม่สามารถบอกว่าเป็นเคสของใคร ยอมรับว่า ต้องใช้ระเวลาในการดำเนินการบ้างเพราะการทำบันทึกแจ้งข้อหาต้องดูรายละเอียดว่าครบถ้วนหรือไม่
นายนิวัติไชย ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการมอบหมายให้สำนักงาน ป.ป.ช. สงขลา ไปตรวจสอบกรณีเรื่องร้องเรียนเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกรับเงินจากนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ว่า ป.ป.ช.ได้ลงนาความร่วมมือกับมาเลเซียในด้านการต่อต้านการทุจริต ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานกลับมา แต่มีการมอบหมายให้ลงไปตรวจสอบว่ามีข่าวลักษณะนี้เข้ามา ทางมาเลเซียมีการขับเคลื่อนในเรื่องนี้อย่างไร และการดำเนินการเจ้าหน้าที่รัฐในหน่วยงาน มีหลักฐานอะไรบ้างสนับสนุนหรือไม่ ปัจจุบัน ป.ป.ช.ได้ลงพื้นที่ไปป้องปรามทั้งให้ ป.ป.ช.ภาค 8 ลงตรวจสอบกรณีการเบิกเบี้ยเลี้ยงนักบินในกองบินจังหวัดสุราษฎร์ ซี่ง ป.ป.ช.เฝ้าเกาะติดสถานการณ์ที่เป็นประเด็น หรือสืบเสาะประเด็นทุจริตในพื้นที่ต่างๆ ลงไปตรวจสอบข้อมูล เป็นการทำงานเชิงรุก ระงับยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุ
ส่วนกรณีการเข้า-ออกราชอาณาจักร ของหน่วยงาน สตม.นั้น ได้มอบหมายสำนักมาตรการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพื่อตรวจสอบมาตรการการตรวจคนเข้าเมือง เพื่อดูว่ามาตรการไหนวางไว้แล้วและประสบความสำเร็จหรือไม่ หากไม่ประสบความสำเร็จ มีช่องว่าหรือช่องโหว่จุดไหน โดยนำเคสต่างๆ ที่คนต่างประเทศสามารถเข้าออกเมืองได้อย่างดี มีใบอนุญาตผ่าน ตม.มีการรับรอง การประกอบอาชีพ และมีการใช้ทะเบียนบ้านปลอมเพื่อตั้งเป็นมูลนิธิ โดยจะมีการรวบรวมข้อคิดเห็นเพื่อวางมาตรการในเชิงระบบเพื่ออุดช่องโหว่ ไม่เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีโอกาสใช้ตำแหน่งหน้าที่ตนเองเข้าไปเรียกรับผลประโยชน์ เช่น ผู้โดยสารหรือขอเข้าประเทศเข้ามาผ่านกระบวนการอะไร ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือใช้คนเข้าไปรับ และบัตรผ่านอนุญาตเข้าพื้นที่มากน้อยขนาดไหน ซึ่งเห็นว่า การเข้าไปรับผู้โดยสาร ก็มีหลักเกณฑ์ขั้นตอนชัดเจน โดย ป.ป.ช.จะดูมาตรการเหล่านี้ หากวางแล้วหละหลวง แสดงว่า ผู้บังคับบัญชาปล่อยปละละเลย ดังนั้นผู้บังคับบัญชาต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบในการดำเนินการด้วย
“ในกระบวนการเข้าประเทศ เข้ามาอย่างไร ผ่านระบบอะไรบ้าง ระบบนั้นใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบคนเข้าไปรับ อย่างที่บอก ว่า ทำไมๆ อยู่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้าไปได้ บัตรผ่านนี้อนุญาตได้ถึงระดับไหน เพราะฉะนั้นทุกที่ทุกแห่งมีกล้องวงจรปิดอยู่แล้ว มีระบบควบคุมอยู่แล้ว ผู้บังคับบัญชามีการปล่อยปละละเลยหรือไม่ อันนี้อาจจะเป็นช่องว่าง ผมคิดว่ามีหลักเกณฑ์ ระบบขั้นตอนอยู่แล้วในการรับผู้โดยสาร ว่าใครสามารถเข้าไปรับได้อย่างไร ไม่ใช่ว่ามีบัตรเดินเข้าออกตลอด จะไปรับใคร จะไปขนสินค้าอะไรก็ได้ตลอดเวลา”
