xs
xsm
sm
md
lg

“เพจดัง” เฉลย! เหตุเยาวชนจำนวนมากเป็นเหยื่อ 112 “โบว์” เตือน บางกลุ่มโหน “ตะวัน-แบม” ก่อม็อบรุนแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ ตะวัน “ทานตะวัน ตัวตุลานนท์” และ แบม “อรวรรณ ภู่พงษ์” สองผู้ต้องหา ม.112 ที่ตอนนี้กำลังอดอาหาร-น้ำประท้วงในทัณฑสถานหญิงกลาง ขอบคุณภาพจาก TLHR/ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
น่าคิด! “เพจดัง” อ้างคำพูด “ปวิน” เฉลย “เกม” ดึงต่างชาติแทรกแซงไทย? ใช้ “เยาวชน” เป็นเหยื่อคดี 112 “โบว์” เตือน ระวังบางกลุ่มโหน “ตะวัน-แบม” เคลื่อนไหวรุนแรง “เจี๊ยบ” ขู่ ไม่แก้ 112 ทางเลือกสุดท้ายยกเลิกถาวร


น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (23 ม.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ข้อความระบุว่า

“เฉลยซะที ทำไมเยาวชน (เด็กโข่ง) ถึงตกเป็นเหยื่อ 112 กันเยอะ

ปวิน บอกกับ จอมขวัญ ว่า เพราะการดำเนินคดีกับเยาวชนเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก ทั่วโลกต้องให้ความสนใจ (จุดประเด็นง่าย)
.
ดังนั้น ในรายการ จอมขวัญ ที่ดีเบต เรื่องทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จึงไม่มีผู้ใหญ่ (ที่หนุนหลังม็อบ) กล้าไปดีเบต แต่ส่ง รุ้ง ที่เป็นนักศึกษา (เด็กปั้น) ไปแทน แล้วโดน ดร.อานนท์ ตบกลับ แบบที่รุ้งไม่มีข้อมูลไปโต้เถียงได้เลยแม้แต่น้อย

รุ้ง ที่มีภาพเป็นตัวท็อปของการเคลื่อนไหว แต่กลับไม่มีข้อมูลไปเถียง และข้อมูลที่เอาไปพูดก็ผิดเพี้ยนไปหมด หมายถึงความกลวงของเยาวชนเหล่านี้

ในขณะที่ แก๊งอาจารย์ กลับไม่ยอมไปดีเบต แม้แต่ ปิยบุตร ก็ปัด ไม่ยอมไปออกรายการ

นั่นทำให้เราเห็น จุดมุ่งหมายของ แก๊งอาจารย์ 3 กีบ ที่วางแผนใช้เด็ก (ที่ถูกชี้นำทางความคิดมาหลายปี) ออกนำเคลื่อนไหว ให้เยาวชนก่อม็อบเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันฯ

ส่วนพวก แก๊งอาจารย์ ก็จะหลบอยู่ข้างหลัง คอยเดินเกมข้างนอก ใช้คอนเนกชันสื่อต่างประเทศ ที่เชื่อมโยงกันอยู่ คอยปั่นข่าวโจมตีสถาบันฯ

เด็กก็ถูกหลอกให้นำความเท็จไปเผยแพร่ และด้วยความที่วุฒิภาวะน้อย คิดน้อยคิดสั้น ก็จะคึกคะนองไปหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย จนโดนคดีมาตรา 112 แต่ด้วยวัยที่บรรลุนิติภาวะ จึงต้องโดนลงโทษเท่าผู้ใหญ่ จึงจะมาอ้างความเป็นเด็กไม่ได้

สุดท้าย เป้าประสงค์ของขบวนการเหล่านี้ คือ ดึงต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทย โดยใช้เด็กโข่งเหล่านี้ เป็นเหยื่อล่อสื่อต่างชาติ นั่นเอง”

ขณะเดียวกัน จากกรณี ตะวัน “ทานตะวัน ตัวตุลานนท์” และ แบม “อรวรรณ ภู่พงษ์” สองนักกิจกรรมอิสระ จำเลยในคดี ม.112 ตัดสินใจยื่น “ถอนประกันตัวเอง” ต่อศาลอาญาเพื่อแสดงจุดยืนเรียกร้องให้ศาลปล่อยตัวผู้ต้องขังการเมืองทุกคน แต่เมื่อข้อเรียกร้องไม่เป็นผล ก็ทำให้ทั้งสองประกาศยกระดับ ด้วยการ “อดอาหารและน้ำ” จากในทัณฑสถานหญิงกลาง ตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา

ภาพ “โบว์” ณัฏฐา มหัทธนา จากแฟ้ม
ล่าสุด “โบว์” ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์เฟซบุ๊ก และทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ระบุว่า

“เมื่อคนข้างนอกไม่มีใครสนใจจะดำเนินการเข้าชื่อโดยใช้เสียงจำนวนมากของผู้สนับสนุน เพื่อเรียกร้องให้ทั้งสองคนทบทวนวิธีการและออกมาเคลื่อนไหวกับพวกเขาข้างนอก สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปตามสเต็ป ก็คือ

- อาการแย่ลงเรื่อยๆ จนเข้าสู่ภาวะวิกฤต
- ถ้าโรงพยาบาลฝืนความต้องการผู้ป่วย ก็รักษา
- ถ้าโรงพยาบาลเคารพสิ่งที่ผู้ป่วยแสดงเจตจำนงไว้ว่าห้ามรักษา ก็ไม่รักษา

- ระหว่างนั้นจะมีความเคลื่อนไหวประปราย แสดงการสนับสนุนข้อเรียกร้องสามข้อที่ทั้งสองขีดเส้นตายต้องทำในสามวัน คือ ปฏิรูปศาล ยุติการดำเนินคดีนักกิจกรรมทั้งหมด และพรรคการเมืองทุกพรรคต้องเสนอนโยบายยกเลิก ม.112 และ 116

- เมื่อร่างกายทนไม่ไหว อาจถึงแก่ชีวิต

🚩คำว่า “เลือดต้องแลกด้วยเลือด” ที่ทั้งสองพูดไว้ตอนประกาศเจตจำนงก่อนถอนประกันตัวเอง จะถูกหยิบขึ้นมาเป็นธงนำการเคลื่อนไหว 🚩

- อาจมีบางกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวโดยใช้ความรุนแรง
- ฝ่ายความมั่นคงจัดการสถานการณ์ไปแบบผิดบ้างถูกบ้าง
- พรรคการเมืองเพิ่งตั้งใหม่ ที่หาเสียงโดยชูประเด็นความมั่นคงแล้วไม่มีใครอินด้วยก่อนหน้านี้ หยิบสถานการณ์ไปใช้หาเสียงเป็นประเด็นหลักได้ต่อ
- อีกพรรคขั้วตรงข้าม นำสิ่งที่เกิดขึ้น ไปเป็นหนึ่งประเด็นรองในการหาเสียงเช่นกัน
- คนที่เหลือไปเลือกตั้ง

นี่คือการวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง
No drama นะคะ.” (จากสยามรัฐออนไลน์)

ภาพ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจการเมืองไทยในกะลา ได้แชร์ภาพคำกล่าวของ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ระบุว่า

“พรรคก้าวไกลจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อแก้ไขมาตรา 112 โดยข้อเสนอแก้ไขมาตรา 112 ของเราเป็นข้อเสนอที่พอจะพูดคุยกันกับทุกฝ่ายด้วยเหตุและผลได้

ทั้งนี้ เราต้องยอมรับความจริงว่าหากสภาผู้แทนราษฎรไม่ร่วมมือกันอย่างแข็งขัน เพื่อช่วยกันแก้ไขให้กฎหมายนี้เป็นธรรมขึ้นได้ สังคมก็จะเหลือเพียงตัวเลือกสุดท้าย คือ การยกเลิก มาตรา 112 ไปอย่างถาวรตามข้อเรียกร้องของประชาชนนอกสภา”

แน่นอน, ประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงกันอยู่ในเวลานี้ กรณี “ตะวัน-แบม” ถอนประกันตัวเอง และยกระดับเคลื่อนไหว “อดอาหาร-น้ำ” เข้าสู่วันที่ 6 แล้ว ก็คือ เป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือไม่

ในการเอาชีวิตเข้าแลก กับข้อเรียกร้องที่เป็นไปได้ยาก และให้เวลาอันจำกัด

แม้แต่ฝ่าย “สามนิ้ว” ด้วยกันเอง ก็ยังมีหลายคนที่ไม่เห็นด้วย แม้ว่าจะเป็นกำลังใจ และเอาใจช่วยก็ตาม

ขณะที่ “สามนิ้ว” บางส่วนกลับสนับสนุนการต่อสู้ของทั้งสองคน เพื่อให้สังคมตื่นรู้ถึงสิ่งที่อยุติธรรม และจะไม่สูญเปล่า แม้ว่าทั้งสองจะต้องพลีชีพจริงๆ ก็ตาม เนื่องจากการประท้วง และข้อเรียกร้องทั้งหมด ยากที่จะทำตามได้

นอกจากนี้ หลายคนยังเชื่อว่า การอดอาหารและน้ำ ในการต่อสู้ทางการเมืองจะไม่ถึงขั้นเสียชีวิต เพราะอีกไม่นานก็จะมีทางลงให้ มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้ว กรณีแกนนำ “สามนิ้ว” หลายคนก็เคยอดข้าวประท้วงมาแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงอาจกล่าวได้ว่า การยกระดับมาถึงทางตันแล้วก็ว่าได้? ส่วนจะจบลงอย่างไร นี่คือ สิ่งที่หลายคนเป็นห่วง เพราะอย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็คือลูกหลานคนไทยคนหนึ่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น