“เพจทะลุวัง” ขอโซเชียล หนุน “ตะวัน-แบม” พลีชีพประท้วงความอยุติธรรม ขีดเส้นตาย 3 วัน ยกระดับเคลื่อนไหว “ประวิตร” ค้านบังคับทุกพรรคมีจุดยืนยกเลิก ม.112-116 “เพจดัง” เย้ย ถูกนักการเมือง-อีแอบ “ลอยแพ”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (17 ม.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก ทะลุวัง-ThaluWang โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า
“«สนับสนุน 3 ข้อเรียกร้องของตะวันและแบม (ปฏิรูปศาล, ยุติการดำเนินคดีทางการเมือง, ยกเลิก112)» - คลิกลงชื่อสนับสนุน chng.it/SSwvskR6vh via @ChangeThailand Change.org”
ก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊ก ทะลุวัง-ThaluWang โพสต์กรณีกลุ่มทะลุวัง ออกแถลงการณ์ ระบุว่า
สืบเนื่องมาจากแถลงการณ์ในวันนี้ ที่ศาลอาญารัชดา ตะวัน ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ แบม อรวรรณ ภู่พงศ์ ได้ประกาศยอมแลกเสรีภาพของตนเองเพื่อเรียกร้องต่อศาลให้ปล่อยเพื่อนผู้ต้องขังนักโทษทางการเมืองทุกคนทันทีภายใน 3 วัน มิเช่นนั้น ทั้งคู่จะประกาศยกระดับการเคลื่อนไหว โดยเนื้อหาของแถลงการณ์ของตะวันและแบม มีดังต่อไปนี้
แถลงการณ์ยื่นถอนประกันตัวเอง เพื่อประท้วงความอยุติธรรมของศาลและเสริมกระดูกสันหลังให้พรรคการเมือง
และพร้อมยกระดับ
สืบเนื่องจากความบ้าอำนาจ หลงทะนงตนของศาล ทั้งการไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องขังทางการเมืองเป็นจำนวนมาก และยังเรียกไต่สวนถอนประกันนักกิจกรรมอีกหลายรายด้วยตนเอง จนหลักนิติธรรมพังทลายลง
ศาลไม่สมควรแสดงความหน้าด้านไร้ยางอายปริปากสั่งสอนว่าอิสรภาพที่ให้มานั้น คือ อิสรภาพ หากแต่เป็นอิสรภาพจอมปลอมที่พ่วงมาด้วยเงื่อนไขที่ลิดรอนสิทธิ ดังนั้น อิสรภาพจอมปลอมและลวงหลอกเช่นนี้ พวกเราพร้อมแลกเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพที่แท้จริงของเพื่อนเรา
และรวมถึงเหล่าพรรคการเมืองที่ไร้ซึ่งกระดูกสันหลัง ไร้ความกล้าหาญทางจริยธรรม โอนเอนไปตามกระแสของอำนาจ ยอมหมอบกราบโดยละทิ้งความเป็นมนุษย์ไปโดยสิ้นเชิง
ดังนั้น พวกเราจะเสริมกระดูกสันหลังให้ศาลและพรรคการเมืองและเรียกร้องว่า
1. ต้องมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ศาลต้องคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในการแสดงออกเป็นอย่างแรก มาก่อนสิ่งอื่นใด ต้องเป็นอิสระปราศจากอำนาจนำ ปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน และผู้บริหารศาลต้องไม่แทรกแซงกระบวนการพิจารณาคดี
2. ยุติการดำเนินคดีความกับประชาชนที่ใช้สิทธิ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การชุมนุมและการแสดงออกทางการเมือง
3. พรรคการเมืองทุกพรรค ต้องเสนอนโยบายเพื่อประกันสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน โดยการยกเลิกมาตรา 112 และมาตรา 116
พวกเรามีเวลาให้ศาลและพรรคการเมืองทุกพรรค 3 วัน
หากในวันพุธที่ 18 มกราคม 2566 เพื่อนเราทุกคนยังไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัว และข้อเรียกร้องเหล่านี้ยังไม่เป็นผล พวกเราจะยกระดับทั้งจากข้างในคุกและจากข้างนอก ในวันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม 2566
จะไม่มีการอ้อนวอนร้องขอความเห็นใจใดๆ ทั้งสิ้นต่อศาล และพรรคการเมือง เพราะนี่คือเรื่องที่ควรมีมโนสำนึกได้ด้วยตนเอง
พวกเราขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า จะไม่มีการยื่นประกันตัวจนกว่าเพื่อนของพวกเราจะได้ออกมาจนครบทุกคนและข้อเรียกร้องเหล่านี้เป็นผล
การแลกอิสรภาพของพวกเราในครั้งนี้ จะต้องได้มาซึ่งอิสรภาพของเพื่อนเรา จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง และจะถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ขณะเดียวกัน นายประวิตร โรจนพฤกษ์ นักเคลื่อนไหว และผู้สื่อข่าวอาวุโส โพสต์ทวิตเตอร์ Pravit Rojanaphruk @PravitR ระบุว่า
“เห็นใจ #ตะวันกับแบม แต่ไม่สามารถเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องข้อ 3 ที่ให้ทุกพรรคมีจุดยืนยกเลิก #ม112 กับ #ม116 เพราะพรรคพึงมีสิทธิเสรีภาพที่จะตัดสินใจเรื่องนโยบายเองโดยปราศจากการแทรกแซงจากภายนอก
ถ้าทุกพรรคมีจุดยืนและนโยบายเหมือนกัน ปชช.ก็ไม่มีทางเลือก และไม่จำเป็นต้องมีเลือกตั้ง
ข้อความนี้ของ นายประวิตร ถูกโต้แย้งว่า ข้อเรียกร้องก็คือข้อเรียกร้อง จะเป็นการแทรกแซงจากภายนอกได้อย่างไร นายประวิตร จึงทวีตข้อความชี้แจงว่า อ่านเองครับ ข่าวรายงานว่า “ถ้าไม่เป็นผล พวกตนจะยกระดับทั้งในเรือนจำและนอกเรือนจำต่อไป” <อันนี้ไม่ใช่แค่เรียกร้อง แต่เป็นการยื่นคำขาด *ultimatum” <แน่นอน สังคมย่อมมีคนเห็นต่างกันเรื่อง #ม112 & #ม116 แล้วจะให้ทุกพรรคมีจุดยืนเหมือนกันหรือ? นี่หรือการเคารพความหลากหลาย? #ป #ยกเลิก112”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ภาพและแชร์โพสต์ของ “เจ๊จุก คลองสาม” พร้อมข้อความระบุว่า
“#เมื่อคุณมีทีมทนายที่เก่งมาก
น้อนจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่กล้าหาญ ด้วยการถอนประกันตัวเอง เพื่อปลุกเร้ามวลชนให้ออกมาต่อต้านในเฮือกสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง
ผลคือ ไม่มีนักการเมืองออกมาช่วย เพราะกลัวจะซวยติดร่างแหไปด้วย ส่วนมวลชนก็ออกมาอย่างเต็มที่ตามที่ควรจะเป็น สรุป เดินหน้าเข้าคุกตามเพื่อนไปอย่างงดงาม ศูนย์ทนายสิทธิไม่ต้องเปลืองค่าประกันตัว”
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ การเคลื่อนไหวของ “ตะวัน-แบม” แห่ง “กลุ่มทะลุวัง” ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะเข้าสู่โหมดเลือกตั้งทั่วไปในอีกไม่ช้าไม่นาน มีเกม หรือเบื้องลึกเบื้องหลังหรือไม่?
การเรียกร้องปล่อยตัวเพื่อนผู้ต้องหาทางการเมือง ถือว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะพวกเธอเชื่อว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร (แต่ก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาล) และเห็นว่า การแสดงออกทางการเมือง เป็นสิทธิเสรีภาพ
แต่ข้อเรียกร้อง ปฏิรูปศาล, ยุติการดำเนินคดีทางการเมือง รวมถึงให้ทุกพรรคการเมืองมีนโยบาย ยกเลิกม.112-116
ดูเป็น “เกม” การเมืองอยู่ไม่น้อย เพราะน่าสังเกตว่า ไปสอดรับกับนโยบายของพรรคการเมืองบางพรรค ที่ประกาศ แก้ไข ม.112 และ ม.116 มาก่อนแล้ว
โดยเฉพาะอาจถูกมองได้ว่า เป็นการ “ปลุกกระแส” เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของพรรคการเมืองบางพรรคหรือไม่ ที่ภายหลังประกาศนโยบายออกมา แทบทุกพรรคการเมืองต่างแสดงจุดยืนในทางตรงข้าม และไม่มีกระแสสนับสนุนแม้แต่น้อย
ยิ่งกว่านั้น อาจรู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่า ไม่สามารถกดดันให้ทุกพรรคมีนโยบายยกเลิก ม.112 และ ม.116 ได้ แต่อย่างน้อย ก็เป็นการ “หล่อเลี้ยงกระแส” ไม่ให้คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะขบวนการ “3 นิ้ว” หลงลืมว่า พวกเขามียุทธศาสตร์ที่ต้องเลือกตั้งอย่างไร
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ถือเป็น “ดาบสองคม” ได้เช่นกัน เพราะแทนที่พรรคการเมืองบางพรรคจะได้คะแนนนิยมจากประชาชนทั่วไป เนื่องจากมีอีกหลายนโยบายที่เข้าตาประชาชน แต่พอเจอนโยบายแก้ ม.112 และ ม.116 ที่คนไทยส่วนใหญ่จงรักภักดีต่อสถาบันฯ อาจเปลี่ยนใจไปเลือกพรรคอื่น ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามก็เป็นได้
ยิ่งถ้ากระแสเรื่องนี้ถูกปลุกให้แรงเท่าใด ความ “น่ากลัว” อาจทำให้กระแส “สวิง” ไปเลือกพรรคที่ปกป้องสถาบันฯ และดูแลความมั่นคงของประเทศ ก็เป็นได้ ใครจะรู้!?
