xs
xsm
sm
md
lg

ตะลึง!! ประวัติเบนท์ลีย์คันที่ “เสี่ยจั๊บ” ชนแหลก เคยถูกอายัดข้อหานำเข้าโกงภาษีศุลกากร ** “ทักษิณ” หยันเปิดตัว “ลุงตู่” อลังการ แต่ไม่มีสาระ ฟันธงฝ่าย ปชต.เกิน 300 ชัวร์ บอกจะเตะตูดลุงป้อมถ้ามาขอร่วมรัฐบาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ตะลึง!! ประวัติเบนท์ลีย์ คันที่ “เสี่ยจั๊บ” ชนแหลก เคยถูกอายัดข้อหานำเข้าโกงภาษีศุลกากร

ตำรวจยุค “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เป็นผู้นำ และมี “บิ๊กจ้าว” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง เป็นแม่ทัพเมืองหลวง ในตำแหน่ง ผบช.น. ดูเหมือนว่าจะมีประเด็นตกเป็นจำเลยสังคมแบบไม่เคยว่างเว้น ทั้งกรณีมาเฟียจีนเทา “ตู้ห่าว” ที่ถูก “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ออกมาแฉปมพิรุธต่างๆ จนลุกลามบานปลายถึง “หลานชาย” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ล่าสุด เป็นคดีอุบัติเหตุแต่เชือดเฉือนใจประชาชนอันมาจากการปฏิบัติการของตำรวจนครบาล ซึ่งมีความเกรงอกเกรงใจผู้ต้องหาจนออกนอกหน้า เข้าทำนอง “คนรวย มีตั๋วอภิสิทธิ์” ตลอด

นั่นคือ กรณี “สุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์” หรือ “เสี่ยจั๊บ” นายทุนพรรคการเมือง ขับรถหรู “เบนท์ลีย์” คันงามพุ่งชนรถปาเจโร่ กับรถกู้ภัยบนทางด่วน พังยับ และมีคนเจ็บ 8 ราย แต่ที่เกิดเป็นกระแส เพราะวลีเด็ดของโฆษก บช.น. ที่ให้เหตุผลไม่ยอมเป่าตรวจแอลกอฮอล์ คือ “เพราะเจ็บหน้าอกเนื่องจากถูกกระแทก เกรงว่าลมเป่าอาจจะแรงไม่พอ”

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์
ผลปรากฏว่า พอสิ้นเสียงแถลงนี้ เกิดปฏิกิริยากับสังคมโซเชียลมีเดียในทันที ทั้งด่าทอ ประชดประชัน บ้างแนะนำให้ประชาชนทั่วไปลองอ้างแบบนี้ หากถูกตำรวจตรวจจับ เรียกว่า เป็นกระแสติดลบ แม้วันนี้ผลตรวจเลือดจะออกมาแล้วว่าแอลกอฮอล์ ไม่เกิน 20 มิลลิกรัม และไม่เข้าข่ายองค์ประกอบเมาแล้วขับ แต่ความสงสัยของประชาชนยังคงไม่หมดไปพร้อมๆ กับศรัทธาที่มีต่อตำรวจไทยก็ยังคงต่ำทรุดต่อไปเรื่อยๆ

ถึงกระนั้นแม้ว่า “เสี่ยจั๊บ” ส่อว่าจะลอยนวลจากคดีเมาแล้วขับ แต่เมื่อเขาเป็นตัวเอกของข่าวดัง แน่นอนว่า ประวัติความเป็นมารวมถึงปูมหลังต่างๆ ต้องถูกขุดคุ้ยตรวจสอบคู่ขนานไปด้วย และมีข้อมูลน่าสนใจว่า ธุรกิจสำคัญของ “เสี่ยจั๊บ” นอกจากมีโชว์รูมขายซูเปอร์คาร์ นำเข้าจากต่างประเทศแล้ว เจ้ารถเบนท์ลีย์ รุ่นคอนติเนนตัล จีที สีเทา ทะเบียน กค 3822 กทม.คันที่ขับไปเกิดอุบัติเหตุนั้น มีประวัติเคยถูกยึดเป็นของกลาง เพื่อตรวจสอบมาก่อน!

 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง
ปูมประวัติรถยนต์เบนท์ลีย์ คันนี้ ปรากฏว่า เคยถูกศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ ของกองบังคับการปราบปรามคดีเศรษฐกิจ ในสมัย “พล.ต.ต.โกวิท วงศ์รุ่งโรจน์” เป็น ผบก.ปอศ. จับกุมในข้อหานำเข้ารถยนต์มีพฤติการณ์ส่อว่าหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร นำเข้าโดยสำแดงเอกสารเป็นเท็จ พนักงานสอบสวนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานจากประเทศอังกฤษ พบว่า มีเจ้าของโชว์รูมแห่งหนึ่ง ร่วมกับกระบวนการนำเข้ารถยนต์คันดังกล่าว จัดทำเอกสารให้เกิดราคานำเข้าต่ำ ขัดแย้งกับราคาจริงในท้องตลาด ทำให้กรมศุลกากรเสียหายจากการเรียกเก็บภาษีรถยนต์นำเข้ามีมูลค่าหลายล้านบาท

พนักงานสอบสวน มีความเห็นสั่งฟ้องส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ แต่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง โดยอ้างว่า เอกสารที่ได้มาจากประเทศอังกฤษ รับฟังไม่ได้ ทั้งที่เป็นหลักฐานยืนยันการสำแดงการนำเข้าเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรนำเข้า เพื่อให้รถยนต์คันนี้ มีราคาต่ำกว่าราคาจริงจากประเทศอังกฤษ เนื่องจากไม่มีการรับรอง notary public ซึ่งความจริงแล้ว ถ้าพนักงานอัยการตรวจสำนวนการสอบสวนแล้ว เห็นว่า เอกสารพยานหลักฐานฉบับดังกล่าว ยังขาดการรับรอง notary public ที่ถูกต้อง ก็มีอำนาจตามกฎหมายให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม หรือให้มีการรับรองเอกสารให้ถูกต้องเสียก่อน ย่อมทำได้

สุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์
ผลงานการสั่งไม่ฟ้องของอัยการครั้งนั้น ทำให้รถยนต์เบนท์ลีย์คันนี้ ถูก “ฟอกขาว” โดยกระบวนการยุติธรรม และไปก่ออุบัติเหตุรุนแรง รถยนต์ไฟไหม้ มีผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสหลายราย และเชื่อเหลือเกินว่า คดีรถหรูที่ถึงมืออัยการแล้วสั่งไม่ฟ้อง คงไม่แค่เพียงรายของ “เสี่ยจั๊บ” เท่านั้น หากมีการขุดคุ้ยเปิดตัวเลขอย่างจริงจัง คงมีอีกหลายเสี่ย หลายลูกหลานผู้มีอำนาจ

นี่คือ ความเป็นจริงที่น่าเศร้าใจของสังคมไทย

** “ทักษิณ” หยันเปิดตัว “ลุงตู่” อลังการ แต่ไม่มีสาระ ฟันธงฝ่าย ปชต.เกิน 300 ชัวร์ บอกจะเตะตูดลุงป้อมถ้ามาขอร่วมรัฐบาล
ควันหลงการเปิดตัว “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น แม้จะจัดอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งสถานที่ องค์ประกอบต่างๆ มีแฟนคลับจากต่างจังหวัดมาร่วมแสดงความยินดีกันมากมาย บรรดา ส.ส.ที่ย้ายพรรคมาแล้ว และที่กำลังจะย้าย ก็มาปรากฏตัวให้เห็นว่าถึงเวลาฉันมาแน่
อีเวนต์ใหญ่อย่างนี้ มีหรือที่คนอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” หรือ “โทนี่ วู้ดซัม” ที่อยู่ขั้วตรงข้ามจะไม่โดดมาร่วมเมาท์มอย ...รายการ CARETalk x CareClubHouse งวดนี้ เลยตั้งหัวข้อแบบทันสมัยเอาใจวัยรุ่นว่า... คนที่ “ทำอย่างแบด” จนประชาชน “แซดอย่างบ่อย” จะได้ไปต่อไหม

เปิดฉากมาก็ฟาดเปรี้ยงเลยว่า “...เวทีมีแต่ความอลังการ แต่ไม่มีสาระอะไรเลย!!”

ทักษิณ ชินวัตร
เรื่องนโยบายก็ไม่มีอะไรเลย ได้แต่พูดซ้ำไปซ้ำมาว่า “ประเทศไทยต้องไปต่อ” พูดอยู่แค่นั้น... สงสัยใช้ครีเอทีฟคนเดียวกับ “อัศวิน” ที่ใช้คำว่า “กรุงเทพฯต้องไปต่อ” แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไง จะพาไปไหน

ประเทศไทยต้องไปต่อ ใช่ แต่ต้องเปลี่ยนผู้นำด้วย ไม่งั้นมันไปไม่ได้หรอก!!

ยิ่งพวกที่ไปยืนเป็นวอลเปเปอร์ให้ “ลุงตู่” ก็มีแต่พวก ส.ต. ที่ไม่ใช่พวกสิบตรี ...แต่หมายถึงพวก ส.ส.สอบตก ยืนเรียงกันเต็มพรืด เรียกว่า “พี่โทนี่” เอาใจแฟนคลับด้วยคำพูด สีหน้าท่าทาง แบบหยามกันสุดๆ

“พี่โทนี่” ยังสื่อสารไปถึงประชาชนว่า เลือกตั้งครั้งนี้หากมีคนมาซื้อ ก็ให้รับสตางค์ไปเลย แต่อย่าเลือกมัน ต้องเลือกฝ่ายประชาธิปไตยให้ได้ 375 เสียง รวมกันแล้วถ้าได้ 375 เสียง เราก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่อง ส.ว.อีกเลย ดังนั้น ประชาชนจะต้องเป็นคนตัดสินใจ ดันให้ได้ 375 เสียง ผมคิดว่าทำได้ ขนาดตอนนั้นไทยรักไทย 377 ที่นั่ง ยังทำได้เลย พรรคเดียวด้วย ครั้งนี้หลายพรรครวมกัน 375 น่าจะทำได้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
“ทักษิณ” ยังหยอดถึง “พรรคพลังประชารัฐ” ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่มีกระแสข่าว “ดีลลับ” กันอยู่ว่า คงอยู่ลำบากแน่ น่าจะเกิน 25 อยู่ แต่ไม่เกิน 35 ที่นั่ง เพราะคนยังไหลออก... ถ้าเขาจะมาขอจับมือด้วย “ผมเตะตูดไล่ไปดีกว่า”... เลือกตั้งคราวหน้า ฝ่ายประชาธิปไตยได้เกิน 300 ชัวร์

เป็นธรรมดา ถ้าจะคุยข่มฝ่ายตรงข้ามให้ได้อารมณ์ ให้สะใจกองเชียร์ มันก็ต้องยกหางตัวเองไปพร้อมกันด้วย เรื่องแบบนี้ “พี่โทนี่” ถนัดอยู่แล้ว

นั้นเป็นการประเมินจากหัวขบวนของขั้วฝ่ายค้าน ที่ผลโพลของหลายๆ สำนักชี้ตรงกันว่าเลือกตั้งครั้งนี้ “พรรคเพื่อไทย” น่าจะได้ ส.ส.มากสุด แต่ยากมากที่จะได้เกิน 250 เสียง

ส่วนขั้วรัฐบาลเดิม ที่ตอนนี้ประกอบด้วย 4 พรรคหลัก คือ “พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ-ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย” หลังจากมีเลือดไหลออก ไหลเข้า ดูพื้นที่ทับซ้อน แย่งชิงที่นั่งกันเอง คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ไม่เข้าเป้า จึงมีการประเมินกันว่า 3 พรรคแรก คือ “พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ-ประชาธิปัตย์” รวมกันแล้วน่าจะได้ 100 เสียง บวกลบนิดหน่อย ...ถ้าจะตั้งรัฐบาลขั้วเดิม ภูมิใจไทย ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ต้องรับบทหนัก ทำให้ได้เกิน 150 เสียง

ยังมีการมองว่า “พรรคลุงตู่” ถ้าเวลาที่เหลืออยู่หลังจากนี้ยังไม่เปรี้ยง ไม่ปัง โอกาสทำ 25 เสียง เพื่อให้แคนดิเดตนายกฯ ไม่แพ้ฟาล์ว ยังต้องลุ้นกันหนัก เพราะดูว่าที่ผู้สมัครตอนนี้ ส่วนใหญ่ “ไม่ค่อยมีแสง” เหมือนพี่โทนี่ว่า...

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ส่วน “พรรคลุงป้อม” ก็เช่นเดียวกัน ถ้าเลือดไหลไม่หยุด โดยเฉพาะถ้า “กลุ่มสามมิตร” ที่ตอนนี้ยังอุบเงียบ เกิดไหลออกไปอยู่กับ “ลุงตู่” หรือไปอยู่ที่อื่น “ลุงป้อม” ก็คงต้องมาลุ้นว่าจะทำให้ถึง 25 เสียงได้หรือไม่

“ดีลลับ” ที่ว่ากันว่า “ลุงป้อม” พร้อมจะสวิงไปร่วมกับเพื่อไทย โดยมี ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ กับ ส.ว.อีก 70-80 เสียง ไปเป็นเงื่อนไขต่อรอง ให้ตัวเองขึ้นนั่งเก้อี้นายกรัฐมนตรี ก็อาจจะตกม้าตายถ้าได้ ส.ส.ไม่ถึง 25 เสียง

กลายเป็นว่า ตอนนี้ พี่น้องสอง ป. ทั้ง “ลุงตู่-ลุงป้อม” ต้องมาลุ้นให้พรรคตัวเองได้ 25 เสียง เป็นด่านแรก ก่อนจะไปพูดถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี


กำลังโหลดความคิดเห็น