เมืองไทย 360 องศา
แม้ไม่มีการคอนเฟิร์มอย่างเป็นทางการ แต่นาทีนี้มั่นใจแล้วว่า วันที่ 9 มกราคม ราวห้าโมงเย็น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยในวันนั้นจะมีการจัดงานต้อนรับกันอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งจะจัดกันที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และตามข่าวบอกว่าจะเป็นการ “เปิดตัวเพียงคนเดียว” เท่านั้น
ที่ต้องบอกว่าค่อนข้างแน่ใจแล้วว่า “บิ๊กตู่” จะเปิดตัว สมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในวันที่ 9 มกราคม ตามที่ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวออกมาค่อนข้างชัด และหลังจากนั้น ไม่นานก็เป็นการให้สัมภาษณ์ในเชิงยอมรับจากปากของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค
“มีแนวโน้มความเป็นไปได้ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคในวันที่ 9 ม.ค. แต่ยังรอสรุปความชัดเจน เพราะการสมัครคงไม่ใช่ว่าเดินมาเขียนใบสมัครแล้วจบ มันต้องมีอะไรที่สมกับนายกฯด้วย คือต้องพร้อมทั้งนายกฯ และพรรค ทั้งนี้ จะเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ เพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นๆ จะทยอยเปิด”
ถามว่า หลังการเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว มีการวางโปรแกรมการลงพื้นที่อย่างไรบ้าง นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า คงต้องคุยกันอีกที แน่นอนว่า วันธรรมดาก็ต้องหลังเวลาราชการ เพราะการทำงานการเมืองก็ต้องแยกจากราชการ ซึ่งนายกฯ ก็ไม่ได้ติดขัดอะไร
มีรายงานว่า การจัดงานดังกล่าวจะมี ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองที่เตรียมลาออกจากสังกัดพรรคเดิมมาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มาร่วมในงานด้วย เพื่อแสดงความยินดีต้อนรับและสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์
ทั้งนี้ ภายหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค รทสช. เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะนำพรรคหาเสียงด้วยตัวเองในทุกพื้นที่ โดยใช้เวลานอกราชการ และวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า การเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค รทสช. จะจัดเป็นอีเวนต์ ทยอยเปิดตัวเพื่อให้พรรคมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง จะไม่เปิดตัวทีเดียวทั้งหมด
ทั้งนี้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่จะเข้าร่วมพรรค รทสช. โดยเฉพาะ ส.ส.ภาคใต้ จะลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพปชร.ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ จากนั้นในวันเดียวกัน จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ
นั่นเป็นความเคลื่อนไหวที่คาดว่า จะเกิดขึ้นในวันที่ 9 มกราคม เป็นต้นไป สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะหากโฟกัสเฉพาะตัวบุคคลแล้ว ถือว่าวันดังกล่าวเป็นวัน “ดีเดย์” ทางการเมืองแบบเต็มตัวของเขาเลยก็ว่าได้ เพราะนี่เป็นครั้งแรกสำหรับการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง เป็น “นักการเมืองเต็มตัว” แล้ว
เมื่อเป็นนักการเมืองเต็มตัว และเป็นทางการแบบนี้แล้ว และเมื่อกำลังเข้าสู่เทศกาลเลือกตั้งมันก็ต้องมีการเดินสายหาเสียง ซึ่งตามรายงานข่าวบอกว่า นับจากนี้ไป “บิ๊กตู่” จะนำทัพหาเสียงด้วยตัวเองทันที แต่ก่อนหน้านั้น ก็มีกำหนดการออกมาแล้วว่า เขาพร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรีในวันที่ 6 มกราคมนี้
ตามกำหนดการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดสิงห์บุรี ในวันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมลงพื้นที่ตรวจราชการ ซึ่งมีกำหนดการ ดังนี้
เวลาประมาณ 08.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากสนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม. 2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพฯ ไปยังสนามกีฬาอำเภออินทร์บุรี ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี โดยเฮลิคอปเตอร์ โดยในเวลา 09.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ จะออกเดินทางจากสนามกีฬาอำเภออินทร์บุรี ไปยังพื้นที่ก่อสร้างพนังกั้นน้ำ ต.น้ำตาล อ.อินทร์บุรี เพื่อตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าพื้นที่ก่อสร้างพนังกั้นน้ำ จากนั้นจะออกเดินทางจากพื้นที่ก่อสร้างพนังกั้นน้ำ ต.น้ำตาล เดินทางต่อไปยังพื้นที่นานำร่อง หมู่ที่ 1 ต.น้ำตาล อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เพื่อเป็นประธานเปิดกิจกรรม “ข้าวรักษ์โลก” ในเวลาประมาณ 09.30 น. โดยนายกรัฐมนตรี จะขับรถดำนาปลูกข้าว ร่วมกับชาวนา พร้อมกับปล่อยปลา ร่วมกับเกษตรกร ก่อนไปยังจุดพิธีเปิดกิจกรรม “ข้าวรักษ์โลก”
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะรับฟังรายงานผลการดำเนินงาน โครงการข้าวรักษ์โลก BCG Model (สิงห์บุรีโมเดล) จากนายภณ ทัพพินท์กร นายกสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลก จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะกล่าวเปิดกิจกรรม “ข้าวรักษ์โลก” พบปะเกษตรกร และเดินเยี่ยมชมนิทรรศการ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
น่าสังเกตก็คือ การลงพื้นที่ครั้งนี้มีบุคคลร่วมคณะล้วนเป็นรัฐมนตรีและคนใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งสิ้น รวมไปถึงคนที่แสดงท่าทีชัดเจนแล้ว ว่าจะย้ายตามไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติอีกด้วย ดังนั้น หากพิจารณาตามรูปการณ์แล้วจะเห็นว่าการเริ่มมหกรรมหาเสียงในแบบนักการเมืองกำลังเริ่มขึ้นเต็มกำลัง และยังเป็นการนำทัพ พรรครวมไทยสร้างชาติในฐานะเป็น “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” อีกด้วย
นอกเหนือจากนี้ ที่ต้องจับตากันตามมาก็คือ การเปิดตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรครวมไทยสร้างชาติ ย่อมส่งผลกระทบกับพรรคอื่นแบบเลี่ยงไม่ได้ เท่าที่เห็นกันชัดเจน ก็คือ พรรคพลังประชารัฐ กับพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากรับรู้กันดีว่าจะมี ส.ส.และสมาชิกพรรคคนสำคัญหลายคนไหลออกจากพรรคดังกล่าว โดยทั้งสองพรรค ถือว่าได้รับแรงกระเพื่อมหนักๆ ไม่แพ้กัน เช่น ในพื้นที่ภาคใต้ ขณะที่พลังประชารัฐ น่าจะมี ส.ส.ในกรุงเทพมหานคร ไหลออกตามมาอีกหลายคน ถือว่านอกเหนือจากพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว ยังไหลไปภูมิใจไทยแล้วก่อนหน้านี้ ทำให้ในกรุงเทพฯไหลออกไปเกลี้ยงพรรคเลยก็ว่าได้
ดังนั้น หากมองกันตามรูปการณ์แล้ว การเมืองนับจากนี้ เริ่มเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งเต็มตัวแล้ว รอเพียงกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญสองฉบับ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งรอการประกาศใช้เท่านั้น ขณะเดียวกัน หากโฟกัสไปที่ “บิ๊กตู่” นับจากนี้ไป ถือว่าเป็นนักการเมืองเต็มตัว และพร้อมแล้วสำหรับ “บทบาทใหม่” ในสนามเลือกตั้ง ขณะเดียวกัน สำหรับบางพรรค เช่น พลังประชารัฐ และ ประชาธิปัตย์ ย่อมเกิดแรงกระเพื่อมหนัก โดนไปเต็มๆ!!