xs
xsm
sm
md
lg

“ปิยบุตร” โยนผิด “ชนชั้นนำ” ต้นเหตุ “รัฐประหาร” สกัด ปชต. “ดร.นิว” ซูฮก “ชูวิทย์” ขอช่วยล้มประมูลดาวเทียม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล
ในทางวิชาการหรือเปล่า? “ปิยบุตร” โยนผิด การรัฐประหาร เครื่องมือ “ชนชั้นนำ” ต้องการสกัดพัฒนาการของประชาธิปไตย “ดร.นิว” ซูฮก “ชูวิทย์” มีอิทธิพลต่อสื่อ วอนทวงคืน “กิจการดาวเทียม” กลับมาเป็นของ ปท.- ปชช.

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (3 ม.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า

“ขอบคุณ The Voters มากครับ ที่มาชวนผมคุยเรื่องรัฐประหาร มาชวนคิดชวนคุยในโจทย์ที่ว่า

อะไรทำให้ประเทศไทยเดินมาถึงจุดนี้ มีสิ่งใดบ้างที่เป็นกลไกในการเกิดขึ้นของสิ่งที่เรียกว่า วงจรอุบาทว์การรัฐประหาร และเราในฐานะประชาชนจะรวมพลังกันต้านรัฐประหาร ที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคตได้อย่างไร รวมไปถึงการลบล้างผลพวงรัฐประหารจะเป็นจริงได้หรือไม่ เราจะจับคนเคยทำรัฐประหารมาติดคุกได้ไหม และคำถามสำคัญไม่ถามไม่ได้ จะมีการรัฐประหารในอนาคตอีกหรือเปล่า ?

“สำหรับการเมืองไทย เรามักกล่าวกันว่า รัฐประหารเป็นส่วนหนึ่งของวงจรอุบาทว์ในการเมืองไทย แล้วก็มักจะกล่าวโทษว่านักการเมืองจากการเลือกตั้งนั้นไม่ดี พอไม่ดีก็นำมาซึ่งวิกฤตการณ์ทางการเมือง ทำให้รัฐประหารกลายเป็นทางออกทางสุดท้าย เรามักเชื่อกันแบบนี้มาโดยตลอด

“เลือกตั้ง เกิดวิกฤต รัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ ทำรัฐธรรมนูญใหม่ เลือกตั้ง วนไปวนมา แต่ผมอยากชวนให้มองมุมใหม่ เอาเข้าจริงแล้ว ไม่ใช่ว่านักการเมืองไม่ดี มีวิกฤต แล้วรัฐประหารจะเป็นทางออก แต่จริงๆ รัฐประหารมันกลายเป็นเครื่องไม้เครื่องมือของกลุ่มชนชั้นนำอนุรักษนิยมที่ต้องการสกัดกั้นพัฒนาการของประชาธิปไตย

“ผมพูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่า นักการเมืองดีทุกอย่าง นักการเมืองไม่ดีก็มี การทุจริตคอร์รัปชันก็มี แต่ว่าหลายๆ ครั้ง ทำรัฐประหารในประเทศนี้ เอาเรื่องคอร์รัปชัน เอาเรื่องทุจริตต่างๆ หรือเอาเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาเป็นข้ออ้างในการทำเท่านั้น

“ตรงกันข้าม ผมกลับเชื่อว่า พัฒนาการทางประชาธิปไตยมันกำลังเดิน พอมันกำลังเดินแล้วเลยต้องการทำให้มันสะดุด เขาก็เลยจะดึงอำนาจกลับ”

อ่านทั้งหมดได้ที่: “ปิยบุตร แสงกนกกุล : จับคนเคยทำรัฐประหารมาติดคุก” อ่านที่ https://thevotersthai.com/interview-december-05/

ภาพ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า

“ฝ่ายค้านที่แข็งแกร่งที่สุด พึ่งพาไม่ได้
ต้องหวัง พี่ศรี และ เฮียชู ตรวจสอบรัฐบาลแทน”

รวมทั้งแชร์ เพจเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ระบุว่า

“จดหมายเปิดผนึกถึงคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ขอขอบคุณ คุณชูวิทย์ ที่กล้าออกมาเปิดโปงกลุ่มธุรกิจสีเทารายใหญ่ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนักการเมืองโกงบ้านกินเมือง แต่ทว่า หัวใจของเครือข่ายนักการเมืองโกงบ้านกินเมือง คือ กิจการดาวเทียม ซึ่งได้ตกอยู่ในกำมือของคนส่วนน้อยมาโดยตลอด นับตั้งแต่วินาทีแรกตราบจนถึงวินาทีนี้

ผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนจำนวนมหาศาล จึงถูกปล้นไปโดยโจรใส่สูทผูกไท ที่นับได้ว่า มีความร้ายกาจยิ่งกว่าโจรมาเฟียอย่างเทียบกันไม่ได้ เพราะเครือข่ายนักการเมืองโกงบ้านกินเมืองสามารถใช้อำนาจรัฐในทางมิชอบ และเป็นรากเหง้าของการทุจริตคอร์รัปชันไปทั่วทุกหย่อมหญ้า

กิจการดาวเทียมถูกเล่นแร่แปรธาตุราวกับอยู่ในแดนสนธยา มีการแทรกแซงหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกในการประเคนผลประโยชน์ ตลอดจนใช้เงินปิดปากสื่อและโซเชียลมีเดียเกือบทั้งหมด เสียงเรียกร้องของประชาชนจึงไม่ปรากฏ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องใหญ่และมีความสำคัญอย่างยิ่ง

ภาพ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ผมขอขอบคุณ คุณชูวิทย์ ล่วงหน้า โดยผมหวังว่า คุณชูวิทย์จะไม่ทำให้ผมและพี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งประเทศผิดหวัง เนื่องจากในขณะนี้คุณชูวิทย์มีอิทธิพลต่อสื่ออย่างมาก และเป็นที่สนใจของประชาชนโดยทั่วไป ย่อมที่จะสามารถสร้างความตื่นรู้ในประเด็นดังกล่าวให้เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดีเยี่ยม

ผมเชื่อว่า คุณชูวิทย์จะเห็นแก่ผลประโยชน์มหาศาลของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้จริง ช่วยกันยุติการประมูลสิทธิการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมรอบใหม่ในวันที่ 15 ม.ค. 2566 นี้ และร่วมกันทวงคืนกิจการดาวเทียมกลับมาเป็นของประเทศชาติและประชาชนให้เป็นผลสำเร็จ

ด้วยความนับถือและชื่นชมในความกล้า”

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ ปัญหา “การเมืองไทย” โดยเฉพาะ “รัฐประหาร” ไม่ใช่ “สูตรสำเร็จ” อย่างที่ “ใครบางคน” พยายามกล่าวอ้าง

เพราะถ้าโทษ “ชนชั้นนำ” ฝ่ายอนุรักษ์ ที่ต้องการดึงอำนาจกลับคืน ก็ต้องโทษนักการเมือง ที่เมื่อมีอำนาจ แทนจะมุ่งมั่นพัฒนาประชาธิปไตยอย่างเต็มสูบ และพัฒนาประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่

แต่กลับพบว่า ทุกคนเมื่อมีอำนาจ ต่างบริหารประเทศเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง เพื่อจะอยู่ในอำนาจให้ยาวนาน เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง และพวกพ้อง มีการทุจริตคอร์รัปชันสูง ทำตัวหลงเหลิงในอำนาจ ไม่กลัวเกรงฝ่ายตรงข้าม หยามหมิ่นยั่วยุให้เกิดความขัดแย้ง

ที่สำคัญ มีการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายใน “กองทัพ” และตำรวจ เอาคนของตัวเองขึ้นมามีอำนาจ โดย “ไม่เป็นธรรม”

จนที่สุด เมื่อประชาชนทนไม่ไหว ลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน เปิดโปงความไม่ชอบมาพากล ขุดคุ้ยเงื่อนงำการ “โกงกิน” บ้านเมือง ก็ยังดันทุรังใช้อำนาจปราบปราม จัดม็อบชนม็อบ ปล่อยให้มีการใช้อาวุธสงครามกับผู้ชุมนุมต่อต้าน จนนำไปสู่การเผชิญหน้า และส่อว่าจะรุนแรงถึงขั้นนองเลือด สิ่งเหล่านี้คือ “เงื่อนไข” ปฏิวัติ รัฐประหาร ทั้งสิ้น

ถามว่า แล้วใครสร้าง “เงื่อนไข” ปฏิวัติ-รัฐประหาร?

แล้วใครเมื่อมีอำนาจแล้วไม่สนใจพัฒนา “ประชาธิปไตย” ตามที่ “ประชาชน” มอบอำนาจ “อธิปไตย” ให้ทำได้อย่างเต็มที่ เต็มกำลังความสามารถ ถ้าว่ากันตามความจริง ไม่มีใครไปขัดขวางการพัฒนาประชาธิปไตยของนักการเมืองเลย นอกจากไม่มี “กึ๋น” ในการที่จะพัฒนาเท่านั้น

แต่ก็นั่นแหละ ประเด็นอยู่ที่ว่า โทษคนอื่นย่อมง่ายกว่าโทษตัวเอง ต่อให้หัวก้าวหน้าแค่ไหน เรียกตัวเองว่าเป็นนักประชาธิปไตยตัวยงแค่ไหน สุดท้าย ก็ต่อสู้ทางการเมือง ด้วยการ “หาแพะรับบาป” แทนที่จะสร้างสรรค์ยุทธวิธีที่ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกในสังคม หรือคิดได้แค่นี้!?


กำลังโหลดความคิดเห็น