“สมศักดิ์ เจียม” แปลกใจ “ปิยบุตร” อยากเห็น ก้าวไกล-เพื่อไทย ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ถ้า “กก.” ยืนยันแก้ ม.112 จะเป็นไปได้อย่างไร “ไพศาล” เห็นเค้าลางสลายขั้ว รบ. 3 พรรคการเมืองใหญ่ “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (2 ม.ค. 65) เพจเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul ของ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาคดี ม.112 ลี้ภัยในฝรั่งเศส โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า
“แปลก ปิยบุตร ให้สัมภาษณ์ว่า อยากเห็นเพื่อไทย ร่วมมือกับก้าวไกล ในการจัดตั้งรัฐบาล
ก็ถ้าก้าวไกลยังคงรักษานโยบายที่ให้แก้มาตรา 112 จะร่วมมือกับเพื่อไทยอย่างไร?”
ทั้งนี้ “สมศักดิ์ เจียม” แชร์ ข่าวประชาไท ระบุว่า เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2565 มติชนออนไลน์ เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า วิเคราะห์ทิศทางการขับเคลื่อนทางการเมืองของพรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยมีคำถามส่วนหนึ่งถามถึงกรณีการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล
พรรคก้าวไกลจะร่วมจัดตั้งรัฐบาล กับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่?
ขึ้นอยู่ที่พรรคอันดับ 1 หรือพรรคเพื่อไทย จะตัดสินใจ พอคุณเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ต้องพิจารณาว่า ใครมาร่วมกับคุณ แต่ส่วนตัวผม ถ้าผมเป็นพรรคเพื่อไทย จะเอาพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล เพราะถ้าให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ขบวนใหญ่ที่ซัดกับระบอบรัฐประหารจะเสียหายเยอะ เพราะถ้าพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล พรรคก้าวไกลก็ต้องค้าน ไม่งั้นเป็นมวยล้มต้มคนดู งวดหน้าคะแนนน้อยกว่าเดิมอีก สภาพการณ์จะเกิดอะไรขึ้น ขนาดวันนี้ผู้สนับสนุน 2 พรรค ยังทะเลาะกันหนักมาก ถ้าอยู่คนละซีกจะยิ่งกว่านี้ และสภาพการณ์สู้กับระบอบรัฐประหาร คสช. จะเสียหายเยอะ
อีกข้อถ้าผมเป็นพรรคเพื่อไทยจะนำพรรคก้าวไกลไปร่วม คือ ถ้าคุณต้องการควบคุมการเจริญเติบโตของพรรคก้าวไกล คุณต้องเอามาไว้ใกล้ตัว นี่ผมคิดแทนเขา ถ้าคุณปล่อยให้เขาไปวิ่งข้างนอก เขามีเวลาของเขา เดี๋ยวเขาก็รอการเลือกตั้งครั้งถัดไปเรื่อยๆ เขาจะโตกว่านี้อีก
กลไกรัฐธรรมนูญแบบนี้ กลไกการเมืองแบบเก่ามาผสมอยู่มาก ท้ายที่สุด แม้รัฐบาลจะทำผลงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ดี แต่ท้ายที่สุดจะมีปัญหาอยู่แล้ว เช่น การบริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง มีทุจริตหรือไม่ มันจะมาอยู่แล้ว เพราะเป็นธรรมชาติการเมืองสไตล์ดั้งเดิม เพื่อหาทรัพยากรในการเลือกตั้งครั้งถัดไป แต่พรรคก้าวไกลตั้งแต่อดีตพรรคอนาคตใหม่ไม่มีเรื่องพวกนี้ มีแต่รอวันโต รอประชาชนเห็นพ้องต้องกันว่าจะเอาแบบนี้แล้ว จะเทเสียงมาให้พรรคก้าวไกลทั้งหมด
แต่สำหรับพรรคการเมืองแบบ Traditional Party (พรรคแบบดั้งเดิม) ในประเทศไทย ไม่ว่าเป็นฝ่ายไหนก็ตาม ในท้ายที่สุดถ้ามองระยะยาว 10-20 ปีข้างหน้า การเมืองไทยก็เปลี่ยนอยู่แล้ว แม้จะช้าหน่อยก็ตาม เป็นไปไม่ได้จะอยู่แบบนี้ตลอดเวลา ถ้าปล่อยให้พรรคก้าวไกลไปสุกสกาวคนเดียว แม้ไม่มีอำนาจรัฐ พูดง่ายๆ จะเรียกว่ากลายเป็นพรรคดั้งเดิมทั้งหมดในการเมืองไทย รวมหัวกันกำจัดพรรคก้าวไกล แต่หารู้ไม่นั่นจะทำให้เขาโตกว่าเดิม ปัจจุบันพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ทำงานใกล้ชิดกัน เสียงอาจแชร์กัน แต่หากผ่านด้วยวิธีอะไรก็ตามแต่ ให้พรรคก้าวไกลไปบินเดี่ยว เสียงพรรคก้าวไกลจะชัดกว่าเดิม โดยเฉพาะนโยบายต่างๆ
ผมเปรียบเทียบแบบนี้ พรรคการเมืองไทยที่ตั้งมาทั้งหมด เป็นพรรคที่รอไม่ได้ อยากเป็นรัฐบาลทันที ทุกพรรค แม้กระทั่งพรรคไทยรักไทยที่เริ่มตั้ง อยากเป็นรัฐบาลทันที จึงต้องดึง ส.ส.มารวมพรรค รอไม่ได้ ยิ่งเป็นเร็วยิ่งดี มีทรัพยากรไปต่อยอด แต่อดีตพรรคอนาคตใหม่จนถึงพรรคก้าวไกล ไม่ได้คิดแบบนี้แต่แรก อยากเป็นไหม อยากเป็น แต่หากรีบเร่งมากจนตัวเองเสียอุดมการณ์ความคิดที่ตั้งมา ก็ไม่เป็นไร รอได้ รอให้ความคิดคนเปลี่ยนแล้วหันมา ดังนั้นผมมองการเมืองระยะยาว 10-20 ปีต่อไป หากกลุ่มพรรคดั้งเดิมรอไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรต้องร่วมรัฐบาล เก็บ ส.ส.แลกรัฐมนตรีไปเรื่อยๆ แล้วนโยบายไม่ได้ต่างกันเยอะ เข้ามานโยบายคล้ายกันหมด กับอีกพรรคหนึ่งที่รอได้ และนโยบายมีความแหลมคมเด่นชัด ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ประชาชนอาจบอก งวดนี้ยังไม่เลือก แต่เดี๋ยวไม่แน่ครั้งหน้าเลือก
ผมเชื่อว่า ก้อนใหญ่ของพรรคดั้งเดิม ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดคนได้อีกแล้ว ถ้าเปรียบเทียบกับวงการธุรกิจคือมันโตจนถึงทางตันแล้ว มันใหญ่กว่านี้ไม่ได้แล้ว และแก้ปัญหาได้ไม่จบ ได้แค่ยื้อเวลา ได้แค่นี้ แต่ในขณะที่พรรคก้าวไกลกำลังขึ้น แต่ยังขึ้นมากไม่ได้ เพราะสภาพสังคมเป็นแบบเดิมอยู่ แต่ประชาชนรู้แล้วว่ามีพรรคนี้ ดังนั้นผ่านไปอีก 10-20 ปี ตอนนี้ไทม์มิ่งมันเหมาะสมแล้ว ประชาชนเห็นพ้องว่าต้องพรรคนี้ (พรรคก้าวไกล) แล้ว ทำให้พรรคทะยานขึ้นไปทันที
กองเชียร์พรรคเพื่อไทย กับกองเชียร์พรรคก้าวไกลทะเลาะกัน จะส่งผลต่อการร่วมรัฐบาลหรือไม่?
ความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติของผู้สนับสนุน ผมเข้าใจว่า ผู้สนับสนุนและคนที่เชียร์พรรคก้าวไกล หวังว่า วันหนึ่งพรรคก้าวไกลจะก้าวขึ้นมาเป็นพรรคขนาดใหญ่และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ในขณะที่ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ก็คิดอยู่เสมอว่าจะต้องเป็นพรรคอันดับหนึ่งและเป็นแชมเปียน ดังนั้น จึงต้องเป็นแกนนำรัฐบาลอีกต่อไปเช่นกัน เมื่อผู้สนับสนุนพรรคคิดแบบนี้ จึงเป็นธรรมดาที่จะขัดแย้งกัน ทั้งนี้จะนำสิ่งที่อยู่ในโซเชียลกับในทวิตเตอร์มาประเมินว่า นี่เป็นทั้งหมดไม่ได้ ยกตัวอย่าง เมื่อไปเดินถนนหาเสียง อาจจะไม่ขัดแย้งอะไรกันเลยก็ได้ แต่เมื่อเป็นโซเชียลมีเดียจะถูกตีฟูขึ้นเรื่อยๆ อีกข้อหนึ่งในส่วนของแกนนำพรรค ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะพูดคุยกันได้ ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันถึงขนาดที่จะทำงานร่วมกันไม่ได้
ด้าน นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ระบุ หากพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาลโดยรวมกับพรรคการเมืองอื่น แล้วทิ้งพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ว่า
ตอนนี้พรรคเพื่อไทย กำลังทำหน้าที่แต่ละเขตอย่างเต็มที่เต็มความสามารถเพื่อที่จะแลนด์สไลด์ หลังการเลือกตั้งค่อยว่ากันอีกครั้ง เราก็อยู่ฝั่งประชาธิปไตยด้วยกันมันคุยกันง่ายอยู่ วันนี้ต้องเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งเสียก่อน เชื่อว่า ฝั่งประชาธิปไตยต้องสู้ไปด้วยกัน
“ไม่ได้อยู่ว่าใครทิ้งใคร มันอยู่ที่ตัวเลขเป็นหลัก ซึ่งเป็นเรื่องที่เร็วเกินไปที่จะพูดถึง หากพรรคเพื่อไทยได้แลนด์สไลด์จริงๆ ก็ไม่อาจจะร่วมกับพรรคการเมืองไหนก็ได้ อันนี้เป็นเรื่องของอนาคต ฉะนั้น การเลือกตั้งยังไม่เกิดคงไปตัดสินใจอะไรไม่ได้ ฝนยังไม่ตกอย่าเพิ่งกางร่มเลย เดี๋ยวมันจะยุ่ง” นายสมคิด กล่าว
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
นับถอยหลังการเลือกตั้ง
1. เสียงของประธานวุฒิสภา ก่อนสิ้นปี ที่แถลงว่า ส.ว. มีสิทธิที่จะเลือกว่าจะสนับสนุนใครเป็นนายกฯ เป็นครั้งแรกที่คนระดับประธาน ส.ว. เปิดเผยชัดว่า ส.ว.แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มแล้ว!!!
แต่ความจริงยังมีมากกลุ่มกว่านั้นคือ
- กลุ่ม ส.ว.เลือกตั้ง 50 คน ที่อาศัยเครือข่ายบ้านใหญ่ ก็ถูกนักการเมืองบ้านใหญ่ดึงไปเป็นพวก โดยเฉพาะเพื่อไทยและ ภูมิใจไทย
- กลุ่มแป๊ะ อีกราว 20 กว่าคน ที่แบ่งเลือกข้างกันแล้ว
- กลุ่มข้าราชการประจำ ประเภทผู้บัญชาการเหล่าทัพ อีก 6 คน ถ้าพูดอะไรในวันไหนเสียงก็จะดังกว่าใครในวันนั้น!!!
2. ฐาน ส.ว. ที่เป็นตัวตั้ง 250 คน ในการเลือกนายกรัฐมนตรี จึงไม่เหมือนปี 2562 อีกแล้ว
ทำให้อำนาจต่อรองที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ของ พลเอก ประยุทธ์ ฮวบลงทันที!!!!
3. ฐาน ส.ว. ของพลเอก ประยุทธ์ อยู่ที่ กลุ่ม วปอ .50 และรุ่นพี่รุ่นน้องรวมทั้งสายป๋าเปรมบางส่วน มีจำนวนน้อยกว่าฐาน ส.ว. สายลุงปัอม ซึ่งมีฐานระดับ 100 คน
จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศจึงแห่กันเข้าเยี่ยมอวยพรลุงป้อมชนิดหัวบันไดไม่แห้ง!!!
4. การประกาศจุดยืนของประมุขบ้านใหญ่บุรีรัมย์ ที่พร้อมจับมือกับพรรคเพื่อไทย เป็นท่าทีที่ชัดเจนว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่ของตายของใครอีกแล้ว!!!!
รูปการก่อเค้า รัฐบาลผสม 3 พรรคใหญ่ “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ”
ในขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังเผชิญกับด่านหิน ส.ส. 25 คน หนักหน่วงมากขึ้นอีก!!!
5. กระแสกดดันให้ยุบสภากระหึ่มทั้งนอกและในสภา ผสมกับข่าวการปล่อยบัญชีกังฉิน ของ คตส. ให้ออกมาอาละวาดจนวุ่นวายไปทั้งบ้านทั้งเมือง เขย่าอำนาจการเมืองไปอีกยาว ก็ยิ่งทำให้กระแสกดดันยุบสภาหนักหน่วงมากขึ้น
ปีใหม่แล้ว ต้องติดตามจับตาเรื่องการยุบสภา การยุบพรรค และการสลายฐานอำนาจเดิมที่กำลังขยายวงและรุนแรงมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเร็วกว่าที่คาดก็ได้!!!!
แน่นอน, “ดีล” การจัดตั้งรัฐบาลที่มาก่อนกาลอยู่ในเวลานี้ อาจมีหลายสูตร ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้ว สามารถวิเคราะห์ หรือ คาดการณ์ได้บ้างตามข้อมูลข่าวสาร แต่ยากที่ใครจะ “ฟันธง”
เพราะก่อนถึงเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้ง ไม่รู้ว่า จะมีอะไรเกิดขึ้น กระแสของแต่ละพรรคเป็นอย่างไร หลังเลือกตั้งใครได้ที่นั่ง ส.ส.มากที่สุดอันดับ 1 “แลนด์สไลด์” (ถล่มทลาย) หรือไม่ อำนาจต่อรองหลังจากนั้นอยู่ที่ใคร พรรคไหน รวมถึง ส.ว. 250 เสียง เป็นกลุ่มก้อนจริงหรือไม่ หรือ หลายกลุ่มหลายก้อน?
เหนืออื่นใดที่หลายคนจับตามอง ก็คือ ฝ่ายประชาธิปไตย หรือ ฝ่ายค้านปัจจุบัน จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ โดยเฉพาะ “เพื่อไทย” กับ “ก้าวไกล” เพราะนโยบายแก้ ป.อาญา ม.112 (กฎหมายหมิ่นสถาบันฯ) ถ้าร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล จะเท่ากับว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ขัดขวางที่จะแก้ ม.112 หรือไม่? หรืออย่างไร?
นี่ยังไม่รวม ถ้าพรรคเพื่อไทย “ดีล” กับบางพรรค แม้ว่าจะไม่มี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ด้วย แต่ก็ถือว่า อยู่ฝ่ายเผด็จการ พรรคก้าวไกล จะยอมได้หรือไม่?
ทั้งหมดคือ โจทย์ยากพรรคฝ่ายค้านปัจจุบัน แต่ถ้ายอมกลืนน้ำลายตัวเอง ไม่ยึดมั่นอุดมการณ์ต่อต้านเผด็จการ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง