xs
xsm
sm
md
lg

250 ส.ว. “ไผเป็นไผ” “ไพศาล” นับให้แล้ว สาย “บิ๊กป้อม” กี่คน “วันชัย” เชื่อ ส.ส.ใหญ่กว่า ส.ว. ผลเลือกตั้งตัวตัดสิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายไพศาล พืชมงคล จากแฟ้ม
“ไพศาล” ส่องทะลุเนื้อใน 250 ส.ว. ประกอบไปด้วยกลุ่มไหนบ้าง “สายบิ๊กป้อม” นับ 100 คน “วันชัย” ชี้ประเด็น ส.ส.ใหญ่กว่า ส.ว. ถ้าชนะเลือกตั้งแบบ “แลนด์สไลด์” ใครก็ไม่อาจฝืนกระแสประชาชน ระบุ เพื่อไทยรู้ดี

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (25 ธ.ค. 65) นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า

นับถอยหลังการเลือกตั้ง ส่องดูเนื้อใน 250 ส.ว.ในสถานการณ์ “วันนี้มิใช่วันนั้น”

1. ส.ว.ชุดมหัศจรรย์ 250 คน มีที่มาและอำนาจสองจังหวะ คือ

~ ลุงป้อมเป็นผู้รับผิดชอบดูแล คัดเลือกสรรหามาตั้งแต่ต้นและ

~ บทบาทพิเศษของ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ก็มีที่มาจากบ้านป่ารอยต่อ ซึ่งวันนี้มี ส.ว.ท่านหนึ่งออกหน้ารับว่าเป็นผู้เสนอความคิดนี้ แต่ของจริงเป็นความคิดใคร ก็ต้องไปถามลุงป้อมเอง!!!

2. แหล่งที่มาของ ส.ว. 250 คน จำแนกได้ดังนี้

จำนวน 6 คน เป็น ส.ว. โดยตำแหน่ง คือ ผบ.เหล่าทัพ รวมทั้งปลัดกลาโหม ซึ่งวันนี้ไม่ใช่สายน้ำ สายลม สายดิน แต่เป็นสายฟ้า!!!!

และยังมีบทบาทบางอย่าง ที่ยังไม่แสดง ถึงวันนั้นก็อาจจะได้เห็นบทบาทนี้!

จำนวน 25 คน เป็น ส.ว.สายแป้ะ เป็นมืออาชีพมาร่วม 30 ปีแล้ว เป็นวิป ส.ว.ตัวจริง

บัดนี้สายแป้ะอ่อนตัวลง แต่ด้วยประสบการณ์สูงจะไปทางไหนก็คงตัดสินใจเอาตอนสุดท้าย

จำนวน 50 คน เป็น ส.ว. มาจากการเลือกตั้ง และ คสช.มาคัดเลือกอีกทีหนึ่ง

กลุ่มนี้พื้นฐานดั้งเดิมเป็นคนในพื้นที่ คุ้นเคยกับพวก “บ้านใหญ่” ได้รับเลือกจากพื้นที่ก็เพราะบ้านใหญ่

และได้รับการคัดเลือกก็เพราะลุงป้อมนั้นแหละ

จำนวนประมาณ 100 คน เป็นสายตรงของลุงป้อม ซึ่งให้ความสำคัญเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น มีหัวหน้าสายมือประสานระดับล่องหนได้ 8-9 คน ประสานงานดูแลกันอย่างใกล้ชิดสนิทแน่น ชนิดไปตามทิศทางลมป่ารอยต่อทางเดียว

จำนวนประมาณ 40 คน เป็นสายลุงเล็ก ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น หรือรุ่นพี่ รวมทั้งสายป๋าเปรมด้วย

จำนวนที่เหลือประมาณ 29 คน เป็นไพ่ฝากและตัวสำรอง ซึ่งได้เลื่อนขึ้นมาแทนตำแหน่งที่ว่างลง แม้เอาแน่นอนอันใดไม่ได้ แต่ใครล่ะที่จัดเข้าบัญชีสำรองก็ลุงป้อมอีกนั่นแหละ

ที่ผ่านมา ใครมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจร้อนหนาวประการใด ก็ต้องไปหาลุงป้อมทั้งนั้น

ลุงใหญ่ใจดีเอาด้วย ช่วยหมด จึงถูกพวก “น้ำใสไร้ปลา” หรือพวก “เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น” ก่นด่ามาตลอด ว่า ทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลเสียหาย จนหลายครั้งมีเสียงน้อยใจเปรยว่า “ไอ้ห่าเอะอะอะไรๆ ก็มาลงที่กู” แต่ได้ครองใจคนเป็นอันมาก เสียงแบบนี้แหละที่อาจทำให้ไม่ทนแบกเสลี่ยงต่อไป

สภาพ ส.ว. 250 คน วันนี้จึงไม่ใช่วันนั้น ไม่เหมือนกันนั่นเพราะใคร?

ใครจะสนับสนุนใครเป็นนายกฯ ก็ไตร่ตรองกันดู

แต่ที่รู้ๆ 100 เสียงขาดตัว เอาไงก็เอากัน!!!!
เนื้อใน ส.ว.เป็นอย่างนี้ จึงไม่ใช่เรื่องที่ใครจะพูดเอามัน แบบฝันกลางวันไม่ยอมตื่น!!!!

ภาพ นายวันชัย สอนศิริ จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ (24 ธ.ค.) นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว) โพสต์ในเฟซบุ๊ก “ทนายวันชัย สอนศิริ” มีรายละละเอียดดังนี้

เสียง 250 ส.ว. กับเสียง 250 ส.ส.ใครใหญ่กว่ากัน

คนมักจะเข้าใจว่า เสียง ส.ว.250 ใหญ่กว่า เป็นกอบเป็นกำกว่าและก็แน่นอนกว่า เป็นภาพลวงตาที่กล่าวหากันจนทำให้คนเชื่อว่า ส.ว.เป็นยักษ์เป็นมาร เป็นตัวถ่วงประชาธิปไตย

แท้ที่จริงแล้ว เสียงของ ส.ส. 250 นั้นใหญ่กว่า เป็นอำนาจที่แท้จริงของประชาชน และรัฐบาลจะดำรงคงอยู่ได้ก็ด้วยเสียงของส.ส.เกินกว่า 250 จะมี ส.ว.300 หรือ 500 คนก็ไม่สามารถที่จะทำให้รัฐบาลดำรงคงอยู่ได้

และอย่างที่ผมเคยบอกไว้แล้วว่า ใครรวมเสียง ส.ส.ได้เกินกว่า 250 คน คนๆ นั้น ก็จะต้องเป็นรัฐบาล และก็มั่นใจว่า ส.ว.คงโหวตให้คนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี คงไม่มีใครกล้าสวนกระแสของประชาชนเป็นแน่

โดยตัวของ ส.ส.แล้วสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งเสียงของ ส.ว. ถ้ารวมตัวกันให้ได้เกิน 250 จริงๆ ก็ไม่มีใครกล้าแข็งขืนและถ้ายืนจำนวนนี้ไว้ให้ได้ คงไม่มีใครที่จะตะบี้ตะบันไปเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ขืนดันทุรังก็ไปไม่รอด

หรือถ้ารวมกันให้ได้เกิน 376 เสียงก็จัดตั้งรัฐบาลได้โดยไม่ต้องอาศัยเสียงของ ส.ว.เลยแม้แต่เสียงเดียว หากยึดมั่นว่าเป็นคนของประชาชน มาจากการเลือกตั้ง รวมหัวรวมตัวกันให้ได้ด้วยเสียงของประชาชนเอง ไม่ต้องสนใจเสียงนอกระบบอื่นใด ก็เชื่อว่าจะเป็นรัฐบาลได้โดยแท้จริง

แต่ที่มันเป็นไปไม่ได้ส่วนใหญ่จะแพ้อำนาจ อยากมีอำนาจจนตัวสั่น เลือกตั้งได้แล้วก็วิ่งหาอำนาจ วิ่งเป็นรัฐมนตรี ขอให้ได้เป็นโดยไม่คำนึงว่าจะเป็นอำนาจใดที่จะทำให้ได้เป็น ที่แล้วมาก็เป็นอย่างนี้แล้วก็โยนบาปให้ ส.ว.

ที่ย้ำเรื่องนี้เพื่อจะบอกว่าเสียง ส.ส. 250 นั้นเป็นเสียงที่ใหญ่จริงๆ มีพลังมีอำนาจมากกว่า ส.ว. 250 ไม่อยากจะให้พรรคการเมืองและประชาชนหลงกลต่อมายาคติในเรื่องนี้ เมื่อกฎหมายเลือกตั้งประกาศใช้แล้วและกลางเดือนหน้าเป็นต้นไปการเมืองจะเข้มข้นดุเดือดมากยิ่งขึ้น

ยิ่งฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายทั่วไป ใครจะยอมให้ตีหัวเข้าบ้านฟรีๆ คงได้เห็นดีกันบ้าง อาจยุบสภาให้ฝ่ายค้านชกลมไปก็ได้

เรื่องเสียง 250 นี้ เพื่อไทยเขารู้ดี ไม่ยอมเดินไปตามกลเกมที่รัฐธรรมนูญกำหนด จึงหวังพังทลายด้วยแลนด์สไลด์ ในขณะที่อีกฝ่ายยังเดินตามเกมเก่า หวังเอาเสียง ส.ว.เป็นตัวตั้ง ยิ่งมาแยกกันเดินด้วยยิ่งไปกันใหญ่ หวังจะได้เป็นกอบเป็นกำและหวังจะนอนมาเหมือนเดิมก็คงจะไม่ใช่ ปัจจัยการเมืองกระแสนิยมและเงื่อนไขต่างๆ มันเปลี่ยนไปมาก อาจต้องนอนมาแบบมีพระนำหน้าก็เป็นไปได้

สถานการณ์ตอนนี้ ต้องตั้งสติสวดมนต์ข้ามปีที่วัดไก่เตี้ย สัมฤทธิ์สำเร็จโชคดี เป็นนายกฯและรัฐมนตรีแน่นอน.

แน่นอน, ประเด็นก็คือ เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งหน้า ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560 ยังกำหนดให้ “ส.ว.” มีอำนาจเลือก “นายกรัฐมนตรี” ร่วมกับ “ส.ส.” ได้

ดังนั้น ส.ว.จำนวน 250 เสียง จึงถูกมองว่า อาจเป็น “ตัวแปร” สำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล หากผลการเมืองตั้งออกมา ไม่มีพรรคหนึ่งพรรคใดได้ ส.ส.แบบแลนด์สไลด์ หรือ ชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย ได้ ส.ส.ถึง 250 ที่นั่ง เท่ากับจำนวน ส.ว. เพราะอาจมีผลต่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั่นเอง

ยิ่งกว่านั้น ยังถูกคาดหมายว่า ส.ว.จำนวน 250 คนนี้เอง จะเป็นอำนาจต่อรองจัดตั้งรัฐบาลของ “3 ป.” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ต่อให้ไม่ชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ก็ตาม แต่ปรากฏว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เลือกอยู่คนละพรรค เมื่อเป็นเช่นนี้ คำถามก็คือ ส.ว. 250 เสียง จะเทไปที่ใครคนใดคนหนึ่งหรือไม่ หรือ ขึ้นอยู่กับ “สายใครสายมัน”

นี่คือ ประเด็นที่น่าจับตามอง หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า และน่าสนใจไม่แพ้พรรคการเมืองไหนจะชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 “แลนด์สไลด์” ถึง 250 เสียง หรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น