คุณไพศาล พืชมงคล ที่บางสื่อเรียกว่า กุนซือสมองเพชร มีความเห็นทางการเมืองผ่านเฟซบุ๊กของเขา แล้วสื่อที่คอยติดตามก็เอาความเห็นไปเป็นข่าวได้ทุกวี่ทุกวัน คุณไพศาลจึงเป็นอินฟลูเอนเซอร์ทางการเมืองลำดับต้นของประเทศ ฟันธงแล้วว่า รัฐบาลหน้านายกฯ จะชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งผมเห็นว่ามีความเป็นไปได้มากทีเดียว
และผมเห็นด้วยกับคุณไพศาลที่บอกว่า รัฐบาลหน้าจะเป็นการผสมระหว่างพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ อาจจะมีพรรคเล็กอีก แต่เอาว่านี่คือ 3 พรรคใหญ่ที่น่าจะจับมือกัน
พรรคพลังประชารัฐภายใต้ปีกของลุงป้อมนั้นไปทางไหนก็ได้แน่ เปิดกว้างกว่าพรรครวมไทยสร้างชาติของลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาที่ยังไงไม่ข้ามฟากไปรวมกับอีกฝั่งแน่
ส่วนพรรคภูมิใจไทย เนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่ของพรรคบอกแล้วว่าพร้อมไปร่วมกับทุกฝ่าย ความขัดแย้งกับทักษิณเป็นเรื่องของอดีต การเมืองไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร
หลายคนอาจตั้งคำถามว่า ทำไมพรรคพลังประชารัฐกับพรรคภูมิใจไทยต้องไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยมาจับมือกับขั้วรัฐบาลเดิมตอนนี้ไม่ดีกว่าหรือ แถมมีเสียงของ 250 ส.ว.อยู่ในมือด้วย
ผมขออธิบายง่ายๆ ว่า หลังเลือกตั้งแล้วจะเกิดสมการที่บังคับให้ต้องไปทางนั้น พรรคประชาธิปัตย์กับพรรครวมไทยสร้างชาติคงไม่ไปร่วมกับพรรคเพื่อไทยแน่ ก็คงมีแต่พรรคภูมิใจไทยกับพรรคพลังประชารัฐนี่แหละ
สมการที่จะเกิดคือ พรรคเพื่อไทยแม้จะไม่แลนด์สไลด์ แต่น่าจะได้เสียงอย่างน้อย 200 บวกลบ ส่วนพรรคก้าวไกลน่าจะไม่ต่ำกว่า 50 คน เป็นไปได้ว่าสองพรรคนี้รวมกันจะมีเสียงเกินครึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส. 500 คน ดังนั้นจะล็อกตายอีกฝั่งไม่ให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมากทันที ถ้าเป็นก็เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยบริหารประเทศไม่ได้
แต่ไม่ว่าฝั่งของพรรคเพื่อไทยหรืออีกฝั่งไม่มีใครเอาพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลแน่ๆ พรรคนี้ปักป้ายเตรียมที่นั่งไว้ในฝ่ายค้านได้เลย เพราะพรรคก้าวไกลแสดงตัวชัดเจนว่า สนับสนุนการเคลื่อนไหวให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์และเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 การเอาพรรคก้าวไกลเข้าร่วมจะล่อตีนของฝ่ายความมั่นคงมากเกินไป
คนที่เชียร์พรรคก้าวไกลอาจจะต้องรอไปก่อนอย่างน้อยให้คนรุ่นเบบี้บูมและเจเนอเรชันเอ็กซ์ตายไปเกือบหมด แต่ถึงวันนั้นก็ไม่รู้กระแสของพรรคก้าวไกลยังอยู่มั้ย เพราะถึงวันนั้นธนาธรก็ไม่ใช่คนรุ่นใหม่ แต่เป็นคนรุ่นเก่าไปแล้ว
ดังนั้นเมื่ออีกฝั่งตั้งไม่ได้แน่เพราะยังไงเสียงก็ไม่ถึง 251 เสียงมีแต่ไปรวมกับพรรคเพื่อไทยจึงจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาผู้แทนได้ ก็เป็นไปได้ที่พรรคภูมิใจไทยที่คุยว่าจะมี 120 เสียงไปเข้าร่วม ส่วนตัวผมคิดว่าพรรคภูมิใจไทยนั้นน่าจะได้ประมาณ 100 บวกลบ เพราะอาจจะเป็นอย่างที่พรรคเพื่อไทยบอกว่า คนที่ย้ายออกไปอยู่พรรคภูมิไจไทยนั้นไปแต่ตัวแต่เสียงไม่ตามไปด้วยโดยเฉพาะในภาคอีสาน และผมไม่เชื่อว่า พรรคภูมิใจไทยจะได้ ส.ส.ในกทม.
อีกพรรคที่เป็นไปได้ว่าไปแน่คือ พรรคพลังประชารัฐ ถ้าจำกันได้ตอนที่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตอนนั้นร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า วางแผนจะเป็นกบฏล้มพล.อ.ประยุทธ์กลางสภาฯ แต่แผนรั่วพล.อ.ประยุทธ์ต้องวิ่งเข้าบ้านป่ารอยต่อไปเคลียร์กับพล.อ.ประวิตร ตอนนั้นใครต่อใครก็พูดกันว่า เป็นดีลกับคนทางไกล ตั้งแต่นั้นพล.อ.ประยุทธ์ก็เริ่มให้คนไปสร้างพรรคของตัวเองขึ้นมา
ผมไม่เชื่อว่า พรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส.เยอะนะครับ แม้ว่าจะสามารถดึงบ้านใหญ่เอาไว้ได้เยอะไม่ว่าจะบ้านใหญ่สมุทรปราการ บ้านใหญ่ชลบุรี บ้านใหญ่กำแพงเพชร หรือบ้านใหญ่เพชรบูรณ์ ฯลฯ อย่างเก่งก็น่าจะมีสัก 30 เสียงบวกลบ
แต่สิ่งที่มีคุณค่าก็คือ ส.ว.ที่อยู่ในมือของพล.อ.ประวิตร เห็นคุณไพศาลบอกว่า พล.อ.ประวิตรมี ส.ว.อยู่ในมือประมาณ 100 คน แต่ผมนับหัวแล้ว ส.ว.ในมือของพล.อ.ประวิตรน่าจะมีประมาณ 70 คนเท่านั้น แค่นั้นก็มีคุณค่ามหาศาลแล้ว
เพราะถ้าไม่มีเสียง ส.ว.ในมือก็ยากมากที่จะได้เสียงเกินครึ่งหนึ่งของรัฐสภา 376 เสียงจากจำนวน 750 คน ซึ่งเห็นได้ว่า ต่อให้พรรคของทักษิณได้ ส.ส.แลนด์สไลด์เกิน 250 คนก็ยังไม่พอ เพราะต้องการเสียง 376 เสียง ถามว่ามีโอกาสไหมที่พรรคเพื่อไทยของทักษิณจะรวบรวม ส.ส.พรรคอื่นเข้าร่วมให้ได้ 376 คน ตอบว่ายากมาก โดยเฉพาะถ้าตัดพรรคก้าวไกลออกไปจากสมการแล้ว
หรือถ้าพรรคเพื่อไทยร่วมกับพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรคเล็กๆ อย่างพรรคประชาชาติได้มาสัก 300 กว่าเสียง เอาเป็นว่าสัก 340 เสียงก็ต้องการเสียงของ ส.ว.อีกประมาณ 30 กว่าเสียง นี่แหละพล.อ.ประวิตรจะมีคุณค่าทันที เพราะมี ส.ว.อยู่ในมือประมาณ 70 เสียง
อำนาจต่อรองก็จะอยู่กับพล.อ.ประวิตร เป็นไปได้สูงมากที่พล.อ.ประวิตรอาจจะยื่นไม้ตายกับทักษิณว่า ถ้าต้องการให้ ส.ว.สนับสนุนต้องให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรี ถามว่าทักษิณจะมีทางเลือกมากกว่านี้ไหม ถ้าทำอย่างไรก็ได้ ส.ส.ไม่ถึง 376 เสียง คำตอบก็ต้องบอกว่ามีความเป็นไปได้ แม้ว่าทักษิณจะวางอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตรไว้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่อุ๊งอิ๊งก็อายุยังน้อยยังรอได้ สิ่งสำคัญคือ ทักษิณต้องการกลับบ้าน และการเป็นพรรคใหญ่สุดในพรรคร่วมรัฐบาลก็มีอำนาจต่อรองมากพอที่จะขอกระทรวงใหญ่ๆ ไปได้
ถึงตอนนั้นฉากการโหวตนายกฯ อาจจะเป็นการต่อสู้กันระหว่างพล.อ.ประวิตรกับพล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นไปได้เพื่อแย่งมือ ส.ว.กัน โดยเงื่อนไขว่า ทั้งพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐจะต้องมี ส.ส.เกิน 25 คนจึงจะเกิดสมการนี้ขึ้น
แต่ในสภาพที่ฝั่งของพรรคเพื่อไทยที่ชูพล.อ.ประวิตรสามารถรวบรวมเสียง ส.ส.ได้เกิน 250 คนก็จะเป็นต่อ เพราะต่อให้ ส.ว.เบี้ยวพล.อ.ประวิตรไปโหวตให้พล.อ.ประยุทธ์ทั้ง 250 คนก็จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทน จะมีเสียง ส.ส.สนับสนุนไม่กี่เสียง เพราะต่อให้ต้องเป็นฝ่ายค้านพรรคก้าวไกลก็คงไม่โหวตให้ฝั่งพล.อ.ประยุทธ์แน่ๆ
พรรคฝ่ายค้านก็จะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคก้าวไกล มีแนวโน้มสูงมากว่าพรรคก้าวไกลอาจได้เสียงมากที่สุดในฝั่งนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้นพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ก็จะเป็นผู้นำพรรคฝ่ายค้านในสภาฯ
ถามว่าลุงป้อมเป็นนายกฯ ได้ไหม เราก็เห็นการทดลองเป็นนายกฯ มาแล้ว 30 กว่าวันในช่วงที่ลุงตู่โดนพักการทำหน้าที่ระหว่างการพิจารณาคดี 8 ปีกลายเป็นฉายา “แปดเปื้อน” จนลุงตู่อารมณ์เสีย จากที่เดินเหินต้องพยุงลุงป้อมฟิตมาเดินปร๋อใช้ใจบันดาลแรง จากที่เคยตอบนักข่าวว่า ไม่รู้ไม่รู้ ก็พูดจาฉะฉานขึ้นมาทันที
ดังนั้น เป็นไปได้ว่าหลังเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีจะชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ วันเด็กปี 2567 เด็กไทยอาจจะได้คำขวัญจากนายกรัฐมนตรีว่า เป็นเด็กดี ต้องไม่รู้ไม่รู้
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan