เมืองไทย 360 องศา
เป็นเรื่องที่บังเอิญตรงกันอย่างร้ายกาจ กับการที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวชัดเจนว่า ไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เพียงชื่อเดียวของพรรค และจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคในเร็วๆ นี้ ทำให้บรรยากาศการเมืองมีการเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคักทันที ไม่ว่าจะเป็นภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ กลุ่มพันธมิตรทางการเมือง หรือแม้กระทั่งฝ่ายตรงข้ามที่ต้องเคลื่อนไหวรับมือเช่นเดียวกัน
เพราะล่าสุด ก็มีรายงานข่าวสวนเข้ามาทันควัน ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่คาดกันว่า จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ได้บินไปพบกับนายทักษิณ ชินวัตร หรือ “โทนี่ วู้ดซัม” พ่อของเธอ ที่บินมารออยู่ที่ฮ่องกง เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา รวมทั้งมีบรรดาคนใกล้ชิด และแกนนำในพรรคเพื่อไทยหลายคนไปพบและร่วมหารือกันด้วย
แน่นอนว่า ช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงเทศกาล ทั้งคริสต์มาส และปีใหม่ เป็นเรื่องธรรมดาที่คนกันเอง คนที่เคารพนับถือกันมา จะไปร่วมอวยพร ขอพร เป็นเรื่องปกติก็ว่ากันไป
ล่าสุด นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวในเรื่องที่ว่า น.ส.แพทองธาร ไปพบนายทักษิณ ที่ฮ่องกง เพื่อปรึกษาในเรื่องการวางตัวผู้สมัครไม่ลงตัว ระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ ทำให้ถูกมองว่าจะมีปฏิญญาฮ่องกง อะไรหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ไปพบคุณพ่อ เป็นปกติวิสัยของครอบครัว ที่เดินทางไปพบปะพูดคุยกัน จะเป็นปฏิญญาฮ่องกงหรือไม่ แล้วแต่จะวิจารณ์ การสื่อสารการเมืองยุคนี้ ไม่จำเป็นต้องมีปฏิญญาฮ่องกง สมาชิกพรรคเพื่อไทย คำนึงถึงข้อกฎหมาย และสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามจะทำลาย
“การที่มีแกนนำ สมาชิกพรรค คนรู้จักไปแสดงความยินดีช่วงคริสต์มาส ช่วงปีใหม่ เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีปฏิญญาฮ่องกง และก็ไม่มีกระแสข่าวเรื่องคนรุ่นใหม่ คนรุ่นเก่า ที่อาจมีปัญหาต่อการจัดวางว่าที่ผู้สมัคร น.ส.แพทองธาร ทำหน้าที่ด้านนวัตกรรม แสดงวิสัยทัศน์ ทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ไม่เคยมาเกี่ยวข้องกับการสรรหา คัดเลือกผู้สมัคร การสรรหามาจากระดับพื้นที่ เมื่อคัดกรองเสร็จส่งมาส่วนกลางพิจารณา เรื่องที่สมมติเป็นเรื่องที่คนวิจารณ์ไป ขอเน้นย้ำ อย่าเอามาเป็นการให้ร้ายเพื่อไทย เราขอสงวนสิทธิ์ในการตอบโต้” นพ.ชลน่าน ระบุ
ที่น่าสนใจก็คือ ในคำพูดดังกล่าวของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังพูดออกมาเองว่า มีแกนนำและสมาชิกพรรคไปพบกับนายทักษิณ ชินวัตร แต่อ้างว่าเพื่อไปแสดงความยินดีช่วงเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่
ก็อย่างที่บอกนั่นแหละว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ และเป็นช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะ เพราะเป็นช่วงเทศกาล ก็ย่อมต้องมีการอวยพร การขอพรเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ว่าบังเอิญนั้น มันเป็นช่วงเวลาที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศเปิดตัวและเตรียมเดินหน้าเต็มตัวทางการเมือง มันก็ทำให้ต้องพิจารณากันแบบรอบด้าน
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากไทม์ไลน์จากวันนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง อย่างช้าที่สุดก็ไม่เกินสามเดือน เป็นโค้งสุดท้ายที่ต้องออกอาวุธกันแล้ว เพราะนอกเหนือจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ ที่ประกาศเปิดตัวชัดเจนทางการเมืองแล้ว ก่อนหน้านั้น ที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ก็คือ การเติบโตแบบ “ก้าวกระโดด” ของพรรคภูมิใจไทย มันก็ย่อมเป็นธรรมดาอยู่เองที่พรรคเพื่อไทยจะต้องปรับกลยุทธ์กันใหม่ จะหากินบุญเก่าในยุคสิบกว่าปีก่อนคงไม่ได้แล้ว
หากโฟกัสกันที่พรรคภูมิใจไทยก่อนที่ว่ากันว่ากำลังเนื้อหอม มีคนไหลเข้าพรรคมากมาย และที่สำคัญ ก็คือ การเติบโตของพรรคภูมิใจไทย นั่นก็หมายความว่า ย่อมมีผลกระทบกับพรรคเพื่อไทยทันที โดยเฉพาะพื้นที่ยุทธศาสตร์ในภาคอีสาน ถือว่า “ทับซ้อน” กัน ความหมายก็คือ หากภูมิใจไทยได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นหนึ่งคน ในทางตรงกันข้ามก็ทำให้เพื่อไทยลดลงหนึ่งคน แม้ว่าที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ยังมั่นใจในเรื่อง “กระแส” ที่มักอ้างอิงผลสำรวจที่ออกมาว่ายังนำโด่ง แต่ขณะเดียวกัน อีกฝ่ายก็ใช้วิธี “ดูดบ้านใหญ่” รายจังหวัด เป็นระดับเกรดเอ สามารถการันตีในเรื่องจำนวน ส.ส.ได้ระดับหนึ่ง บวกกับกระแสจากผลงานที่จับต้องได้ และมีความต่อเนื่องจากโครงการสำคัญทั้งด้านคมนาคม และสาธารณสุข
ขณะที่ พรรคเพื่อไทย จะกินบุญเก่าจากครอบครัวชินวัตร จะคิดหากินกับนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อสิบกว่าปีก่อน ก็คงไม่ได้ผลเท่าเดิมแล้ว ไม่เช่นนั้น ก็คงไม่มีคนกล้าเดินออกมานับสิบคนแบบที่เห็นในช่วงที่ผ่านมา นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า พรรคเพื่อไทย ไม่เหมือนเดิม “ไม่กล้าประกันเสาไฟฟ้า” ที่ส่งใครก็ชนะ
นั่นเป็นสนามเลือกตั้งในภาคอีสาน ที่พรรคเพื่อไทยจะต้องขับเคี่ยวกับพรรคภูมิใจไทยของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล และกลุ่ม “บุรีรัมย์” ของ นายเนวิน ชิดชอบ โดยตรง แนวโน้มถือว่าหนักหนาสาหัสไม่เบาอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน เมื่อย้อนกลับมาที่การเปิดตัวของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพรรครวมไทยสร้างชาติ มันก็ย่อมเป็นตัวเร่งให้ นายทักษิณ ชินวัตร นั่งไม่ติด เพราะเมื่อพิจารณาจาก“แบ็กกราวนด์” ก็รับรู้กันดีอยู่แล้วว่า เขาหวั่นไหวกับการคงอยู่ของ พล.อ.ประยุทธ์ มาตลอด ซึ่งผลงานเชิงประจักษ์ก็ยังตำตาอยู่ตลอดแปดเก้าปีจนถึงปัจจุบัน และต่อเนื่องไปจนถึงอนาคตอันใกล้นี้ และการดำรงอยู่ของ “บิ๊กตู่” ยังมีผลกระทบโดยตรงกับเป้าหมายแลนด์สไลด์ และโอกาสในการ “กลับบ้านแบบไม่ต้องติดคุก” ยังห่างไกลออกไปอีกด้วย
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในตอนนี้ผลสำรวจที่ออกมามักจะชูให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย นำโด่ง ทิ้งขาด แต่อีกด้านหนึ่งก็ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นการสำรวจก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเปิดตัว แต่ก็เริ่มมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นเมื่อเริ่มทราบถึงแนวโน้มว่าเขาจะไปต่อ
ดังนั้น จะด้วยความรับรู้ถึงความจริงที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ในใจแบบ “รู้ทาง” กันมานาน ว่า คู่แข่งคนสำคัญที่ต้องรับมือ ก็คือ “ป.ประยุทธ์” นี่แหละ เพราะมันมีผลกระทบตามมามากมายต่ออนาคตในสนามเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย และตัวเขาสำหรับเป้าหมาย “กวาด” ส.ส.และเป้าหมาย “กลับบ้าน” จึงนั่งไม่ติด ต้องระดมพลแก้เกมเป็นการด่วน ซึ่งหลังปีใหม่น่าจะดุเดือดเข้มข้นอีกหลายเท่า !!