เมืองไทย 360 องศา
นาทีนี้สำหรับพรรคเพื่อไทย คงเบาใจไปได้เปลาะหนึ่ง หลังจากศาลรัฐธรรมนูญไฟเขียวให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งผ่านฉลุย ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เอาเป็นว่า “สูตรหารร้อย” ที่รอคอยกำลังสมความปรารถนา รอเพียงขั้นตอนทางธุรการ และรอการโปรดเกล้าฯ ลงมาเท่านั้น
แน่นอนว่า บรรดากูรูการเมืองฟันธงตรงกันว่าด้วยสูตรการคำนวณหาจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบ “หารร้อย” ดังกล่าวทำให้พรรคใหญ่ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยได้เปรียบ มีโอกาสได้ ส.ส.รวมกันทั้งสองประเภท คือ แบบเขตและบัญชีรายชื่อมากที่สุด ขณะที่บางคนที่เรียกว่า “เจ้าของคอก” อย่าง นายทักษิณ ชินวัตร หรือ “โทนี่” ถึงกับประกาศล่าสุดเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง ได้ที่นั่ง ส.ส.ไม่น้อยกว่า 280 ที่นั่ง กันเลยทีเดียว เป็นการเพิ่มจำนวนจากเดิมที่บอกว่าจะได้ไม่น้อยกว่า 251 ที่นั่ง
จากการคาดการณ์แบบนั้น ก็ย่อมมาจากความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งก็เป็นเจตนา “พูดให้เกินจริง” แบบ “เวอร์” เอาไว้ก่อนเพื่อป้องกัน “เลือดไหลออก” รวมไปถึงการดึง ส.ส.ระดับเกรดเอ จากพรรคอื่นเข้ามาเพื่อการันตีเป้าหมาย “แลนด์สไลด์” ให้ได้ตามที่คุยโม้เอาไว้ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมั่นใจแค่ไหนก็ตามว่าตัวเองได้เปรียบและน่าจะได้รับชัยชนะมากมาย แต่ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากความเป็นจริง และสถานการณ์จริงทุกอย่างมันก็ไม่หมูโดยเฉพาะคู่แข่งที่ยังอยู่ครบ และที่สำคัญ ต่างมีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคู่แข่งที่เรียกว่า “สาม ป.” หรือหากแยกย่อยออกมาเป็น “หนึ่ง ป.” คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีแนวโน้มชัดเจนว่า จะยังเป็นคู่ต่อสู้ อยู่ต่อไป หลังจากผ่านมา 8-9 ปีแล้ว แต่คราวนี้จะเปลี่ยนวิธีการเล่นใหม่ที่ทุกฝ่ายกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน เมื่อหันกลับมาพิจารณาภายในพรรคเพื่อไทยเอง แม้ว่าเวลานี้เรื่อง “กติกา” ว่าด้วยการเลือกตั้งจะไฟเขียวผ่านตลอด เหลือเพียงรอขั้นตอนและเตรียมตัวเลือกตั้งตามไทม์ไลน์กันแล้ว แต่มันก็มีเรื่องที่ชวนให้หวาดเสียว เสี่ยงต่อการสะดุดขาล้มลงแบบตั้งตัวไม่ทันก็เป็นได้หลังจากที่ นายทักษิณ ชินวัตร ได้ออกมาเปิดเผยว่า ลูกสาวคนเล็ก คือ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่าที่แคนดิเดตนายกฯของพรรค ตั้งท้องลูกคนที่สอง นานหลายสัปดาห์แล้ว แม้จะเป็นข่าวดีสำหรับครอบครัว แต่อีกด้านหนึ่งมันก็อาจมีผลกับการเดินสายหาเสียง หรือไม่ เพราะช่วงเวลามันประจวบเหมาะกันพอดี
แต่นั่นไม่น่าหวั่นไหวเท่ากับ “ข้อมูลใหม่” ที่มีการเชื่อมโยง “กลุ่มทุนจีนสีเทา” ที่กำลังถูกเปิดโปง และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกระจายตรวจค้นในหลายพื้นที่ และหนึ่งในนั้นเป็นหมู่บ้านหรู ที่กลุ่มทุนจีนดังกล่าวซื้อเหมานับสิบหลัง แทบจะเรียกว่า “เหมาทั้งโครงการ” โดยหมู่บ้านหรูดังกล่าวยังถูกระบุว่า “อุ๊งอิ๊ง” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อีกด้วย
นอกเหนือจากนี้ ยังมีการย้อนอดีตในเรื่องการให้สัญชาติไทยของ “มาเฟียนักธุรกิจจีน” รายนั้น ว่า เกิดขึ้นในยุคที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เสียอีก และยังเชื่อมโยงให้เห็นว่าเป็น “หลานเขย” อดีตนายตำรวจใหญ่ เป็นอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลเดียวกันเสียอีก จนหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมเรื่องแบบนี้พรรคเพื่อไทยถึงได้ “เงียบกริบ” เรียกว่าเงียบจนไม่ได้ยินเสียงกันเลยทีเดียว
แน่นอนว่า คดีดังกล่าวน่าจะลากยาวไปอีกพักใหญ่ เนื่องจากเชื่อว่า จะต้องมีการขยายผลติดตามจับกุม ยึดทรัพย์ตามมามากมายแน่นอน และเชื่อว่า ฝ่ายรัฐบาลจะต้องเดินหน้าลุยเต็มที่ ส่วนผลสรุปจะออกมาแบบไหน ก็ต้องรอดูแต่น่าจะสนุกได้รสชาติอยู่แล้ว
และไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุใดก็แล้วแต่ ทำให้การประชุมพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 6 ธันวาคม นี้ ซึ่งจะเป็นการประชุมเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค ทดแทนตำแหน่งที่ว่าง โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค กล่าวว่า การจัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำ ปีภายใต้ชื่องาน “คิดใหญ่ ทำเป็นเพื่อไทยทุกคน” มีวัตถุประสงค์เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค และกรรมการสรรหาแทนตำแหน่งที่ว่างลง มีกิจกรรมที่สำคัญ คือ การเปิดรณรงค์การเลือกตั้ง ประกาศคิกออฟแคมเปญการเลือกตั้งปี 2566 ของพรรค เชื่อว่า ในปี 2566 จะมีการเลือกตั้งแน่นอน เพราะ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.(ฉบับที่…) พ.ศ… เพิ่งผ่านการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไป มั่นใจว่า เราจะปักธงลงทุกพื้นที่ใน 77 จังหวัด นอกจากนี้ ยังจะมีการแสดงวิสัยทัศน์ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย
เขากล่าวว่า ในงานจะแสดงภาพให้เห็นอย่างชัดเจนว่า หากพรรคเพื่อไทย มีโอกาสเข้ามาทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหาร สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ภายใต้เงื่อนไขที่รณรงค์ คือ เพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน หากประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งเห็นพ้องกับเรา ต้องการจะออกจากวิกฤต ต้องการที่จะเปลี่ยนประเทศต้องการสร้างอนาคต สร้างความหวังให้ลูกหลานและประเทศ มั่นใจว่าแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดินจะเกิดขึ้น เมื่อเกิดแลนด์สไลด์ขึ้น เราจะเริ่มเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่ และมองไป 4 ปีข้างหน้า คือในปี 2570 จะเกิดภาพใหม่ในประเทศไทยภายใต้ความหวัง ความต้องการ และผลสัมฤทธิ์ของผลการเลือกตั้งที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้ภายใน 4 ปี มาร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศไทยกัน ในงานนี้จะยังไม่มีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค
ก็เป็นที่แน่นอนว่า พรรคเพื่อไทยยังไม่เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯของพรรค ซึ่งก็อาจมีเหตุรองรับ เนื่องจากยังไม่ถึงเวลา เพราะแม้ว่ากฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง จะผ่านไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีผลบังคับใช้ต้องรอไปอีกสักพักหนึ่ง อีกทั้งก็ยังไม่มีพรรคไหนที่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ก็ถือว่ายังพอเข้าใจได้
อย่างไรก็ดี แม้ว่ายังไม่ประกาศออกมาว่าเป็นใคร แต่ก็มีการคาดเดากันล่วงหน้ามานานแล้วว่า ต้องเป็น “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นเบอร์หนึ่งแน่นอน ส่วนเบอร์สอง ที่เริ่มออกตัวมาแล้วก็น่าจะเป็น นายเศรษฐา ทวีศิลป์ นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์คนคุ้นเคยกับครอบครัว ส่วนเบอร์สามนั้นยังไม่แน่ใจว่าจะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค หรือไม่ ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกที่ไม่มีการพูดถึงทั้งที่เป็นระดับหัวหน้าพรรค
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ที่ต้องจับตา ก็คือ การยื้อการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกไป รวมไปถึงไม่พูดถึงเรื่องนี้มากนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาจตกเป็นเป้าจนช้ำ ก่อนถึงเวลา โดยเฉพาะช่วงนี้ที่สุ่มเสี่ยงต่อเรื่องฉาวถูกเชื่อมโยงกับ “ทุนจีนสีเทา” ที่กำลังขยายบานปลายไปไกลอยู่ในเวลานี้!!