เมืองไทย 360 องศา
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปก ไปแล้ว ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่โหมดการเมืองอย่างเต็มตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายคนกำลังรอการตัดสินใจของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่าจะเอาอย่างไร จะไปต่อหรือไม่ไปต่อ หรือหากไปต่อแล้วจะไปแบบไหน หลังจากที่ผ่านมาเขาเคยแย้มออกมาแล้วว่าทุกอย่างจะชัดเจน
ดังนั้น เชื่อว่า นับจากนี้ไปทุกสายตาคงจ้องมองไปที่ตัวเขา อย่างไรก็ดี สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วคงตัดสินใจ และมีคำตอบเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ต้องการให้โฟกัสไปที่งานใหญ่ระดับโลกอย่างการประชุมเอเปกดังกล่าว ขณะเดียวกัน ยังส่งผลต่อเนื่องมาถึงอนาคตทางการเมืองของเขาอีกด้วย ซึ่งผลจากการประชุมที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงไป มันก็ออกมาในทางบวก เป็นการเสริมเครดิตให้กลับมาโดดเด่นอีกรอบ
แน่นอนว่า สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่ากำลังถูกจับจ้องจากทุกฝ่าย แม้กระทั่งฝ่ายค้านที่เป็นขั้วตรงข้าม อย่างพรรคเพื่อไทยในเครือข่ายของนายทักษิณ ชินวัตร ว่า จะตัดสินอนาคตทางการเมืองอย่างไร เพราะมันมีผลกระทบกับพวกเขา เนื่องจากต้องยอมรับความจริง ว่า ในทางการเมืองแล้ว ถือว่า “บิ๊กตู่” เป็นคู่แข่งระดับเบอร์หนึ่ง หรือเบอร์ต้น โดยเฉพาะกับนายทักษิณ ชินวัตร และผ่านมานับสิบปีที่ “ระบอบทักษิณ” ยังไม่อาจล้ม “บิ๊กตู่” ลงได้เลย
แม้ว่าหากมองกันแบบเผินๆ แล้ว เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ และกลุ่ม “สาม ป.” เริ่มอ่อนแรง ไม่เหมือนเดิม และยิ่งมีความเชื่อว่ามีความแตกแยก เริ่มเดินกันคนละทาง แต่ในความเป็นจริง พวกเขาก็ยังมีเพาเวอร์ ที่มองข้ามไม่ได้เป็นอันขาด โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” ที่ผลสำรวจออกมาทุกครั้งยังมีความโดดเด่น
ที่สำคัญ เขายังมีแฟนคลับ มีผู้สนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกไม่น้อย เพียงแต่ว่ายังรอการประกาศท่าทีทางการเมืองว่าจะตัดสินใจอนาคตอย่างไร กับข้อจำกัดในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เป็นได้แค่สองปีที่เหลือ
ที่ผ่านมา มีการคาดเดากันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่ไปต่อกับพรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค โดยจะไปร่วมงานกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ ของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ เป็นหัวหน้าพรรค โดยรูปแบบอาจออกมาในลักษณะที่ พรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ อาจไม่ต้องเป็นสมาชิกพรรค แต่ทุกอย่างก็ยังไม่ชัด จนกว่าจะมีการเปิดเผยออกมาจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ เอง ซึ่งเชื่อว่าคงไม่กี่อึดใจแล้ว
ขณะเดียวกัน อาจออกมาในลักษณะที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ยังได้รับการสนับสนุนให้เป็น แคนดิเดตนายกฯ ยังจับมือกับ “บิ๊กป้อม” ในลักษณะ “นายกฯ คนละครึ่ง” เพื่อสร้างพรรคพลังประชารัฐให้เป็นพรรคใหญ่ ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เป็นพรรคพันธมิตร เป็นแนวร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ เพื่อกลับมาจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ดี ระหว่างรอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจอนาคตทางการเมือง อีกด้านหนึ่งมันก็เกิดอาการละล้าละลัง ในบรรดากลุ่มการเมือง และพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ที่กำลังรอลุ้นการว่าจะออกมาแบบไหน เพราะทางหนึ่งก็จะมีผลกับการตัดสินใจของพวกเขาด้วย ที่เห็นชัดก็คือ “กลุ่มสามมิตร” ที่กำลังรอท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ ก่อนที่จะตัดสินใจอนาคตของตัวเอง
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แกนนำ “กลุ่มสามมิตร” ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ ว่า คิดว่า ยังไม่มีอะไรแน่นอน การเมืองช่วงนี้เป็นไปตามบริบทการเมือง มีความเห็นหลากหลาย ซึ่งเป็นเรื่องปกติทางการเมืองที่มองว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งบทสรุปจะเป็นอย่างไรต้องรอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. จะเปิดเผยอะไรก็อยู่ที่ตัวของท่าน
ถามว่า มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร บ้างหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ยังไม่ได้บอกอะไร ยืนยันว่า ตอนนี้ยังอยู่ พปชร. ยังทำงานตามปกติ แต่ในอนาคตไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ปัจจุบันเรามั่นใจว่า ยังอยู่ พปชร. เราทํางานให้ พปชร. ยังไม่มีอะไรที่เป็นตัวเลือก ยังไม่ได้คิดอะไร
เมื่อถามย้ำว่า วันนี้ยังอยู่ แต่ในอนาคตจะตัดสินใจอย่างไร นายอนุชา กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดอะไร ในอนาคต ความตั้งใจก็คือ อยู่กับพรรค พปชร.
เมื่อถามว่า ถ้าในอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยู่กับ พปชร. “กลุ่มสามมิตร” จะยังอยู่กับ พปชร.หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ไม่ตอบ
เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยเป็นการส่วนตัวภายในกลุ่มสามมิตรบ้างหรือยัง นายอนุชา กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยเป็นการส่วนตัว
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ พล.อ.ประยุทธ์ อาจไม่ไปต่อกับ พปชร. จะมีผลกระทบกับพรรคหรือไม่ เพราะตอนนี้เข้าสู่โหมดการเลือกตั้งแล้ว นายอนุชา กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง เดี๋ยวก็มีอะไรหลายหลายมิติเกิดขึ้น เป็นเรื่องธรรมดา ตนไม่คิดมากในเรื่องพวกนี้ อย่าไปคิดมากเลย เป็นธรรมดาของบริบทการเมือง
หากฟังคำพุดของ นายอนุชา นาคาศัย แกนนำกลุ่ม “สามมิตร” ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มการเมืองสำคัญในพรรคพลังประชารัฐ ที่มีสมาชิก เช่น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เป็นต้น พวกเขากำลังรอท่าทีที่ชัดเจนของ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนตัดสินใจ โดยพิจารณาจากแนวโน้มเหมือนกับไปทางเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์
ดังนั้น แม้ว่าเวลานี้ พรรคพลังประชารัฐ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะมีการเดินหน้าเปิดตัวผู้สมัคร และล่าสุดเพิ่งตั้งคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อกำหนดนโยบายสำหรับใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งกันแล้วก็ตาม รวมไปถึงล่าสุด วันที่ 21 พ.ย. ทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ได้ลงพื้นที่ จ.กำแพงเพชร มองว่าเป็นการเดินหน้าหาเสียงเต็มกำลัง
แต่หากมองอีกมุมหนึ่งมันก็เหมือนกับว่า “ยังไปได้ไม่สุด” เพราะต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งในพรรคพลังประชารัฐ ยังต้องรอท่าทีชัดเจนของ “บิ๊กตู่” ออกมาก่อน ทำให้อีกส่วนหนึ่งยังละล้าละลัง แต่เชื่อว่าด้วยไทม์ไลน์ที่ล็อกเอาไว้ มั่นใจได้เลยว่า ไม่น่าจะเกินสิ้นเดือนนี้ต้องชัดเจนแล้ว ว่า “บิ๊กตู่” จะ “ไปต่อแบบไหน” แค่นั้นเอง !!