ข่าวปนคน คนปนข่าว
**มีคนดีย์กว่านี้มั้ย? ประสิทธิ์ เจียวก๊ก “คนดีลวงโลก” กับปฏิบัติการเลียนแบบหนัง วางแผนหนีศาล หนีกรรม
กลายเป็นประเด็นที่หัวร่อไม่ออก ร่ำไห้ไม่ได้ กับ “ช่องโหว่” และ “กระบวนการ” เครือข่ายช่วยเหลือผู้ต้องหาวางแผนเตรียมการที่เกือบๆ ทำให้ “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” คนดีลวงโลก ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน หลบหนีไปได้ระหว่างการนัดสอบคำให้การ และตรวจพยานหลักฐาน ที่ศาลอาญา เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (22 ธ.ค.) ยังโชคดีที่เจ้าหน้าที่ไล่ตะครุบตัวได้ทันควัน
งานนี้ พอสาวถึงเบื้องหลังพบว่า พฤติกรรมของ “ประสิทธิ์” ไม่ต่างกับฉากในหนังหรือละครที่ ประสิทธิ์ น่าจะจำมา ทำทีแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าปวดท้องขอเข้าห้องน้ำ ระหว่างนั้น ผู้สมรู้ร่วมคิดกับประสิทธิ์ อยู่ภายในห้องน้ำ แล้วส่งกุญแจไขโซ่ตรวน รวมถึงจัดเสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้า และหนวดปลอมให้กับประสิทธิ์ พร้อมสรรพ
ฟังว่า เมื่อ “ประสิทธิ์” เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็เดินเร็วออกจากห้องน้ำตรงไปยังบันไดกลางของอาคารศาล โชคดีที่มีจำเลยคดีอื่นที่เดินเข้าห้องน้ำเช่นกันสังเกตเห็น จึงตะโกนแจ้งเจ้าหน้าที่ศาลที่อยู่บริเวณดังกล่าวให้เข้าจับกุม
“สรวิศ ลิมปรังษี” โฆษกศาลยุติธรรม บอกว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบ คาดว่า ผู้สมรู้ร่วมคิดของประสิทธิ์ มีจำนวน 3 คน เป็นเลขาฯของประสิทธิ์ และคนใกล้ชิดที่นำกุญแจ และเสื้อผ้ามาให้ประสิทธิ์ ซึ่งตำรวจ สน.พหลโยธิน อยู่ระหว่างการสอบปากคำ แต่เชื่อว่า มีการวางแผนกันมาเป็นอย่างดี เตรียมอุปกรณ์ปลอมตัวและติดหนวด และยังพบเงิน 1 หมื่นบาท ที่ตัวผู้สมรู้ร่วมคิด
แน่นอนว่า เรื่องที่เกิดขึ้น จะต้องเค้นหาคำตอบออกมาให้ได้ ตั้งแต่กุญแจที่ใช้เป็นการปั๊มกุญแจ มาจากกุญแจต้นฉบับหรือไม่ หรือมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ?
ด้าน “อายุตม์ สินธพพันธุ์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และขอให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน โดยมี ผู้อำนวยการกองทัณฑวิทยา เป็นประธานกรรมการ ในการสอบหาข้อเท็จจริงในครั้งนี้เพื่อดำเนินการวางมาตรการและการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ผู้ต้องขังหลบหนีเช่นนี้ได้อีก
ส่วน “ประสิทธิ์” ก็คอตกหลังแผนแตก เบื้องต้นถือว่าเข้าข่ายความผิด ผู้ใดหลบหนีระหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้สมรู้ร่วมคิด ก็จะเข้าข่ายร่วมกันกระทำความผิด ต้องรับโทษเท่ากัน
ด้วยพฤติกรรมของ “ประสิทธิ์” ครั้งนี้ ทำให้สังคมอยากทำความรู้จักประสิทธิ์ ว่าเขาคือใคร?
ถ้าย้อนไปสัก 4-5 ปีก่อน “ประสิทธิ์” มีชื่อพอสมควร จากคนที่พรีเซนต์ตัวเองว่า “อันธพาลกลับใจ สู่นักธุรกิจพันล้าน”
ที่ว่า อันธพาล เพราะ “ประสิทธิ์” เดิมเป็นคนจังหวัดกระบี่ ครอบครัวฐานะยากจน เป็นเด็กค่อนข้างเกเร ไม่เรียนหนังสือ เขาเคยพูดในรายการทีวีดังครั้งหนึ่งว่า ชีวิตวัยเด็กยากจนมาก ทำสวน ทำไร่ โตมาพ่อก็พาไปขายผัก ขายปลา ไปตลาดนัด
ชีวิตวัยรุ่น เคยเป็นนักเลง อันธพาล จนเอาชีวิตไม่รอด เสี่ยงตายมา 5 รอบ ชีวิตได้ตายไปแล้ว และเกิดใหม่
“ประสิทธิ์” ว่าเขาเป็นเด็กธรรมดา โตจากเงิน 5,000 บาท มาเป็นพันล้าน มีหน้ามีตา มีหัวโขน เมื่อชีวิตพลิกผันเป็นนักธุรกิจพันล้าน ก็ป่าวประกาศตัวเองว่า ประสบความสำเร็จ และเป็นผู้นำในแวดวงธุรกิจการท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งสมาคมการค้าธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ผสมผสาน และเป็นประธานกรรมการบริหารหลายบริษัทที่มีสำนักงานทั่วโลก
ในเว็บไซต์บริษัทของประสิทธิ์ ได้อวยเขาว่าเป็น “แจ็กหม่า เมืองไทย” จากความสามารถทำธุรกิจให้ขยายเติบโตอย่างรวดเร็ว
“ประสิทธิ์” ยังเป็น ประธานโครงการ “คืนคุณแผ่นดิน” ที่อวดโอ่กับสังคมถึงความเป็นคนดีของตนเอง ทำงานเพื่อสังคมจนได้รับรางวัลคุณความดีต่างๆ หลายรางวัล อาทิ เคยได้รับรางวัลของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาแล้ว
ภาพของ “ประสิทธิ์” ที่สร้างถูกตีข่าวประชาสัมพันธ์บนเว็บไซต์ของตัวเขาเอง โดยเน้นถึงวิสัยทัศน์ทางธุรกิจ และ มักจะเน้นย้ำคำว่า “การให้”... “การช่วยเหลือ” และ “ยึดมั่นความดี”
เว็บไซต์ของประสิทธิ์ ยังเคยระบุด้วยว่า “แอ๊ด คาราบาว” ยังแต่งเพลง “ประสิทธิ์ ผู้ให้” โดยเขียนทั้งเนื้อร้องและทำนองให้ออกเผยแพร่ เมื่อปี 2562 ถ้ายังจำกันได้
ภาพจำของสังคมจากการเสนอของสื่อ และบทเพลง ทำให้ “ประสิทธิ์” เคยประกาศว่า จะนำรายได้ 90% คืนสู่สังคม โดยมีแม่เป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งได้ยกคำมารดาสอนว่า “ลูกไม่จำเป็นต้องรวย แต่ต้องเป็นคนดี”
แต่สุดท้ายก็ดีไม่จริง เขากลายเป็นคนที่ถูกขุดคุ้ยพบว่า เชื่อมโยงกับ ปฏิบัติการข่าว หรือ “ไอโอ” ของกองทัพบก ทำให้สังคมเริ่มรู้จักชื่อเสียงของเขา
หลังจากนั้น “ประสิทธิ์” ก็เป็นข่าวดังอีกครั้ง เมื่อตำรวจเข้าทลายเครือข่ายบริษัทหลอกลวงนักลงทุน เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 64 คดีนี้มีผู้เสียหายหลายพันคน มูลค่าความเสียหายนับพันล้านบาท
คราวนี้ดังเปรี้ยงปร้างในด้านความอื้อฉาวลวงโลก ตรงกันข้ามกับสิ่งที่พยายามสร้างภาพให้ตัวเขาเอง นั่นจึงเป็นที่มาที่ชาวบ้านชาวช่องขนานนามให้ว่าเป็น “คนดีย์” ที่มีความหมายตรงกันข้าม
จากเหตุการณ์เลียนเยี่ยงฉากในหนัง พยายามจะหนีศาล หนีกรรม สุดท้ายก็ไม่พ้นแถมจะโดนข้อหาหนักกว่าเดิม สังคมและชาวโซเชียลฯ จึงพากันตั้งคำถามถึง “ประสิทธิ์” แบบประชดประชัน กันว่า “มีใครจะดีย์กว่านี้มั้ย?”
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้.
** “ชวน” แฉเอง สภาล่มเพราะ ส.ส.พากันลาไปถลุงงบ กมธ.ที่ญี่ปุ่น ทำเอาร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ สะดุดเล็กๆ จากนี้ก็ลุ้นต่อ ปลูกกัญชา 15 ต้นจะผ่านหรือไม่
เพราะเป็นช่วงปลายปี ปลายสมัยประชุมสภา และช่วงท้ายของรัฐบาล ที่ ส.ส.ลาออกเพื่อย้ายพรรคกันหลายสิบคน การประชุมสภาผู้แทนก็เลยกระท่อนกระแท่น ล่มบ่อย... แม้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะบอกผ่านไปทางรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาล ขอให้กำชับส.ส.เข้าร่วมประชุม แต่ดูเหมือนไม่ค่อยได้ผล
อย่างเมื่อสองวันก่อน (21 ธ.ค.) ระหว่างที่ประชุมสภากำลังพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ซึ่งปกติก็เป็นไปด้วยความล่าช้าอยู่แล้ว ก็มาเจอเหตการณ์สภาล่มอีก
“ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร คงเหลืออดกับปัญหานี้ ก็เลยออกมาแฉว่าเรื่อง ส.ส.ลาออกนั้นไม่เท่าไหร่ เพราะมีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ... แต่เป็นเพราะบรรดา ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ แห่กันไปรับลมหนาว สัมผัสหิมะ ฉลองคริสต์มาส ปีใหม่ กันที่ญี่ปุน โดยไปกับคณะกรรมาธิการ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า ในช่วงปลายสมัยประชุมเช่นนี้ กรรมาธิการต้องหาเรื่องถลุงงบประมาณให้หมด ก่อนที่จะหมดวาระสภา
เรื่องกรรมาธิการไปเที่ยวต่างประเทศ มีทุกยุคทุกสมัย ทำกันเป็นกิจวัตร ถ้าไม่ไปสิแปลก ...แต่ถ้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร ก็จะมีคนออกมาเถียงว่า ไม่ได้ไปเที่ยวถลุงงบฯ แต่ไปศึกษาดูงาน เพื่อนำความรู้ ประสบการณ์ มาใช้พัฒนากิจการงานสภาของเรา
เมื่อมีปัญหาทางสภาเช่นนี้ “ประธานชวน” ก็เลยหารือกับวิปฝ่ายค้านและรัฐบาล เพื่อจะเลื่อนเอากฎหมายที่วุฒิสภาพิจารณาเสร็จแล้วส่งกลับมาที่สภาผู้แทน ขึ้นมาพิจารณาก่อน ถ้าสภาผ่านได้ ก็จะได้ประกาศเป็นกฎหมาย โดยพักการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ไว้ก่อน เพราะมีมากถึง 95 มาตรา
ซึ่งในที่สุดที่ประชุมวิป 2 ฝ่าย เห็นพ้องให้มีการประชุมสภานัดพิเศษ ในวันพุธที่ 28 ธ.ค. โดยจะนำ ร่าง พ.ร.บ.ที่วุฒิสภา พิจารณาแล้ว และส่งกลับมาให้สภาผู้แทนลงมติให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.สถาปนิก, ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน, ร่าง พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย, ร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จ-บำนาญ และ ร่าง พ.ร.บ.กองทุน กยศ. โดยจะพักการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กัญชา ไว้ก่อน และจะกลับมาประชุมตามปกติอีกครั้งในวันที่ 4 ม.ค.ปีหน้า
ปัญหาองค์ประชุมสภาจึงทำให้ ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ สะดุดลง เล็กๆ อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาที่ผ่านมา “ปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์” โฆษก กมธ.วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เห็นว่า อย่างน้อยก็เป็นชัยชนะขั้นแรกของประชาชน ที่ร่างกฎหมายได้ถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของสภา และมีทิศทางที่ดี ที่สภายังไม่คว่ำ ร่าง พ.ร.บ.นี้ โดยยอมพิจารณารายมาตราแทน
แล้วในการพิจารณาวาระ 2 ของสภาสองครั้งที่ผ่านมา คือ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.และวันที่ 21 ธ.ค. ก็มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง และเสียงข้างมากในสภาได้ลงมติตามร่าง และการแก้ไขของ กมธ. ทุกมาตรา จนถึงอนุมาตราสุดท้ายของ มาตรา 7 แล้ว
ประเด็นที่จะต้องจับตาดู เพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ก็คือ มาตรา 18 ที่ กมธ.เสียงข้างมากเห็นว่าประชาชนควรที่จะปลูกกัญชา เพื่อการใช้ประโยชน์ในครัวเรือน ได้ไม่เกิน 15 ต้นนั้น จะได้รับการตอบสนองจากเสียงข้างมากในสภาหรือไม่ อย่างไร เพราะภาคประชาสังคมที่เคลื่อนไหวในเรื่องนี้ เห็นว่า มีความจำเป็นที่ประชาชนควรจะปลูกเพื่อการพึ่งพาตัวเองได้ เพราะถือเป็นความมั่นคงทางยาในครัวเรือน
ก่อนจะไปถึง มาตรา 18 รวมทั้งหลังจากนั้น ก็ต้องดูว่าการอภิปรายที่ยืดเยื้อที่ทำให้การพิจารณาเป็นไปอย่างล่าช้านั้น จะทันมีกฎหมายก่อนการยุบสภาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในต้นปีหน้าหรือไม่ ?
เพราะระหว่างการพิจารณานั้น อาจมีพรรคการเมืองบางพรรค งัดเอาวิธีสกปรกขึ้นมาใช้ ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ โดยการไม่เข้าประชุม หรือเข้าประชุมแต่ไม่ยอมกดบัตรรายงานตัว เพียงเพราะขัดขวางไม่ให้กฎหมายฉบับนี้เดินหน้าต่อไปได้
แต่ถ้าใครทำเช่นนั้น ก็คงจะเห็นการเปิดโปงของประชาชนให้ทราบว่า ส.ส.คนไหน พรรคไหน มีพฤติกรรมที่หวังจะไม่ให้การพิจารณากฎหมายในการใช้ประโยชน์ หรือการควบคุมกัญชาเดินหน้าต่อไป หรือไม่ และมีใครบ้าง
ประชาชนจะได้รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง!!