ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลั่น “บิ๊กตู่” ตั้ง “พีระพันธุ์” ไม่เห็นหัวประชาชน “กมธ.ติดตามงบฯ” เตรียมตรวจสอบ “งบกลาง” ที่ ครม.อนุมัติ
วันนี้ (21 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (รทสช.) เป็น เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้เป็นไปตามที่เราคาด เพราะมีการลาออกของอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายดิสทัต โหตระกิตย์ และแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาแทน นายพีระพันธุ์ ก็มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษานายกฯอยู่แล้ว หากถามว่าทำได้หรือไม่ ก็ต้องตอบว่าทำได้ ไม่มีกฎหมายใดๆ ที่จะไปห้ามว่าไม่ควรตั้ง หรือห้ามแต่งตั้ง แต่หากถามว่าเหมาะสม สมควรหรือไม่ ก็ต้องถามว่าตั้งไว้เพื่อการใด อายุของรัฐสภาจะหมดอายุลงวันที่ 23 มี.ค. 66 ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน การเปลี่ยนแปลงบุคลากรของรัฐ โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองในช่วงเวลานี้ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญเช่นนี้ โดยสามัญสำนึกแล้ว มันไม่เหมาะสม และโดยเฉพาะคนที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกฯคนเดิม เป็นคนที่มีความสามารถเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งไม่มีข้อบกพร่องใดๆ แต่กลับเปลี่ยนออก เพราะฉะนั้น วัตถุประสงค์ของการแต่งตั้ง ก็เชื่อได้เลยว่า ไม่เกี่ยวกับหน้าที่และการทำงานที่ควรจะเป็น เลยสามารถทำให้มองได้ว่า เป็นเรื่องของการเมือง เป็นการเอื้ออำนวยให้กับพรรคการเมือง ที่มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไปอยู่ด้วย
“การกระทำเช่นนี้ ก็เหมือนกับว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เห็นหัวของประชาชน เป็นการใช้หน้าที่ในการเอาเปรียบทางการเมือง มันไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง” นพ.ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามว่า จะเข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมืองหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การตีความมาตรานี้ หากพรรคการเมืองยินยอมให้บุคคลภายนอก มาครอบงำ ชี้นำ ในการทำกิจกรรมของพรรคการเมือง โดยเฉพาะทำให้สมาชิกขาดความเป็นอิสระ ก็ถือว่าเป็นการครอบงำ
ด้าน นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมาธิการการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ตนอยากตั้งข้อสังเกตในประเด็นดังกล่าว โดยจะทำให้เห็นว่า มีการใช้งบประมาณโดยเฉพาะงบกลางที่อยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรี จากนี้ไปจนกว่าจะถึงการเลือกตั้ง เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมือง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จะเห็นได้ว่า แม้ระเบียบวิธีการปฏิบัติ ในการอนุมัติงบประมาณ จะเป็นอำนาจและมีระเบียบวิธีปฏิบัติของสำนักงบประมาณก็ตาม แต่ปรากฏว่า การใช้งบประมาณดังกล่าว ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีที่ต้องรับทราบ และอนุมัติ ทั้งนี้ ก็มีหลายโครงการ ที่ส่อไปในทางทุจริต
นายไชยา กล่าวต่อว่า โดยในวันพรุ่งนี้ (22 ธ.ค.) ตนจะลงนามหนังสือของ กมธ.ติดตามงบฯ ไปถึงสำนักงบประมาณให้รายงานการใช้งบกลางที่ผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในแต่ละสัปดาห์มาให้ กมธ.ได้รับทราบ เพราะวิธีปฏิบัติของสำนักงบประมาณก็ทำเหมือนงบกลางเป็นงบราชการลับ ซึ่งงบนี้ไม่ใช่งบราชการลับ แต่เป็นงบประมาณที่จะต้องมีการเปิดเผยต่อสาธารณะ ว่า งบประมาณโดยการอนุมัติของ ครม.ต้องสามารถตรวจสอบและติดตามได้ แต่ที่ผ่านมา งบกลางกว่าจะได้มา อาจจะไม่ทันการ เพราะเป็นขั้นตอนตามอำนาจของนายกรัฐมนตรี ที่จะต้องสั่งการให้สำนักงบประมาณเป็นคนให้ข้อมูลกับหน่วยงานต่างๆ